หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ทำทานอย่างไร...ให้ได้บุญมาก

เนื้อหาโดย ดิส อิส อะบุ๊ค 2391

ทำทานอย่างไร...ให้ได้บุญมาก

 

วันเข้าพรรษา...นับเป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนาวันหนึ่ง เป็นวันซึ่งพระสงฆ์เถรวาทจะอธิษฐานว่าจะพักประจำอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่งตลอดฤดูฝนโดยไม่ไปค้างแรมที่อื่นเป็นระยะเวลาสามเดือน สำหรับปีนี้วันเข้าพรรษาตรงกับ วันพุธ ที่ 2  แรม 1 ค่ำ เดือน 8 (หลัง) ปีเถาะ

 

ในวันเข้าพรรษาทุกปี...พุทธศาสนิกชนมักไปร่วมกิจกรรมกันที่วัด ไม่ว่าจะตัดหญ้า และทำความสะอาดบูรณะสถานที่ต่างๆ ภายในวัด เพื่ออำนวยความสะดวกแก่พระภิกษุสงฆ์ที่จะอยู่จำพรรษา รวมถึงการถวายทานอื่นๆ เช่น ตักบาตร ถวายหลอดไฟ ถวายเทียนพรรษา ถวายผ้าอาบน้ำฝน กระทั่งบางวัดยังมีกิจกรรมหล่อเทียนพรรษาในช่วงวันเข้าพรรษาอีกด้วย

 

สำหรับปีนี้...เหลืออีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเข้าพรรษาแล้ว เพื่อให้การทำบุญของทุกท่านได้มีผลบุญมากเต็มกำลัง บทความนี้จึงขอนำเสนอว่า “ทำบุญอย่างไร...จึงจะได้บุญมาก”

 

ก่อนอื่นขอทำความเข้าใจก่อนว่า คำว่า “ทาน” นั้นแปลว่า “การให้” ไม่ว่าจะเป็นการให้พระสงฆ์ ให้ขอทานหรือยาจก หรือการให้กับคนทั่วๆ ไป ต่างก็เรียกว่าเป็นการให้ “ทาน”  ส่วนคำว่า “บุญ” นั้นคือผลผลิตที่เกิดจากการให้ “ทาน”  

ฉะนั้นแล้วผลบุญจะเกิดมากน้อยย่อมขึ้นอยู่กับการให้ทาน และการให้ทานที่บริสุทธิ์จนเกิดอานิสงส์ใหญ่จึงต้องประกอบพร้อมด้วย “สัมปทาคุณ 4 ประการ”

 

“สัมปทา 4”  คือ ความพร้อมแห่งองค์ประกอบ 4 ประการ  ซึ่งจะทำให้ทานที่บริจาคไปแล้วมีผลยอดเยี่ยม ซึ่งมีดังนี้

  1. วัตถุสัมปทา ความพร้อมแห่งวัตถุ หมายถึง ผู้รับ(ปฏิคาหก) หรือทักขิไณยบุคคล เป็นผู้พรั่งพร้อมด้วยคุณธรรม ท่านมีคุณธรรมสูงมากเท่าใดย่อมทำให้ทานที่บริจาคไปยิ่งมีผลมากขึ้นตามไปด้วย

 

[...สำหรับคำกล่าวที่ว่าการทำบุญกับผู้มีศีลธรรม คุณธรรม จะได้ผลบุญมากนั้น ในสมัยพุทธกาลมีเรื่องเล่าอยู่ว่า                            

คราวหนึ่งพระเจ้าปเสนทิโกศลทูลถามพระพุทธเจ้าว่า “ควรทำบุญในที่ใด”

พระพุทธเจ้าทรงตรัสตอบว่า “ควรทำในที่ที่ตนเลื่อมใส”

พระเจ้าปเสนทิโกศลฟังแล้วก็ทูลถามต่อไปว่า “แล้วควรทำบุญกับผู้ใดจึงจะมีผลบุญมาก”

พระพุทธเจ้าก็ทรงตรัสตอบว่า  “ถ้าต้องการผลมากก็ต้องทำกับผู้มีศีลธรรม หากทำกับผู้ที่ไม่มีศีลธรรมจะมีผลบุญมากนั้นไม่มี”  และทรงตรัสอธิบายเปรียบเปรยเช่นต้นข้าวในนา “หากนาข้าวมีต้นหญ้าเป็นโทษ ปลูกข้าวในนาที่มีต้นหญ้ามากมาย ต้นข้าวย่อมไม่งอกงามเพราะจะถูกต้นหญ้าเบียดเบียนฉันใด การทำบุญให้ทานกับผู้ที่เพียบแปล้ไปด้วย ราคะ โทสะ โมหะ ย่อมไม่มีผลบุญมากฉันนั้น  ส่วนการทำบุญให้ทานกับท่านผู้ปราศจาก ราคะ โทสะ โมหะ ย่อมได้รับอานิสงส์ผลบุญจนประมาณมิได้...” ]

 

  1. ปัจจัยสัมปทา ความพร้อมแห่งปัจจัย หมายถึง สิ่งของที่ทายกนำมาทำบุญนั้น ได้มาในทางบริสุทธิ์ ชอบธรรม

 

  1. เจตนาสัมปทา ความพร้อมแห่งเจตนา หมายถึง มีเจตนาดี เจตนาเพื่อสงเคราะห์ อนุเคราะห์ หรือบูชาคุณด้วยความบริสุทธิ์ใจ มิได้หวังลาภยศหรือชื่อเสียง และมีเจตนาดีนั้นควรพร้อม 3 กาลคือ

3.1. ปุพพเจตนา เจตนาที่จะบริจาคเกิดขึ้นในครั้งแรก มีความบริสุทธิ์  เกิดจากศรัทธาและเห็นคุณค่าในการบริจาคอย่างแท้จริง (เจตนา...ก่อนบริจาค)

3.2. มุญจนเจตนา ในขณะที่กำลังบริจาคทานอยู่ยังคงรักษาความรู้สึกนั้นไว้ได้ ไม่เกิดความรู้สึกเสียดายหรือมีจิตใจอาลัยเศร้าหมอง (เจตนา...ขณะบริจาค)

3.3. อุปราปรเจตนา หลังจากบริจาคทานเสร็จไปแล้วไม่เกิดความเสียดาย ทั้งเมื่อระลึกถึงการบริจาคของตนกลับมีความชื่นชมโสมนัส มีจิตใจบริสุทธิ์ผ่องใส  (เจตนา...หลังบริจาค)

เจตนาดีทั้ง 3  กาลนี้ต้องรักษาให้เป็นกุศลไว้ นอกจากนี้ยังต้องประกอบไปด้วยปัญญาในการให้ มิใช่ให้ด้วยความเขลาด้วย

 

  1. คุณาติเรกสัมปทา คือ ความพร้อมแห่งคุณพิเศษของ “ปฏิคาหก” (คือผู้รับมีคุณพิเศษ) มีระบุในตำราว่า พระสารีบุตรบ้าง พระกัสสปบ้าง ออกจากนิโรธสมาบัติใหม่ๆ กำลังหิว ท่านจึงพิจารณาหาคนที่ควรจะไปโปรดในวันนั้น เพราะหากท่านไปรับอาหารจากผู้ใด ผู้ที่ทำทานในวันนั้นก็จะมีอานิสงส์ผลบุญใหญ่ก่อให้เกิดทรัพย์สมบัติเป็นอันมาก ท่านจึงไปโปรดสงเคราะห์คนยากจนเพื่อให้เขาเหล่านั้นได้มีความสุขมากขึ้น

 

ดังนั้นผลบุญจะมากหรือน้อยย่อมต้องประกอบพร้อมด้วย “สัมปทาคุณ 4 ประการ” นี้  ก็หวังว่าในวันเข้าพรรษานี้ การทำบุญให้ทานของท่านคงได้รับอานิสงส์มาก เกิดผลบุญอันยอดเยี่ยมกันทุกคน

 

สุดท้ายนี้...ข้าพเจ้าใคร่ขออาราธนาคำอธิษฐานของ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ท่านให้พรแก่สานุศิษย์  “ขอให้พบแต่ความดี...ไม่มีความทุกข์” ทุกท่านทุกคนเทอญ...สาธุ.         

เนื้อหาโดย: ดิส อิส อะบุ๊ค 2391
ขอบคุณเรื่องเล่าสมัยพุทธกาล จาก หนังสือ "พิธีกรรมโบราณ" ของ รณกร ดำราม
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
BBC ยกให้ "กรุงพนมเปญ" ติด TOP20..ปลายทางที่ดีที่สุดในโลกช่องอานม้าแตก! ทหารไทยรุกยึดบังเกอร์ ปักธงชาติคืนพื้นที่ทหารเขมร อดอยาก ถึงขั้นขุดมัน ของชาวบ้านมากินกัมพูชา ส่งจดหมายถึงทั่วโลก ลั่นไม่ได้อ่อนแอ แต่ถูกไทยบีบให้จนมุมเจาะสถิติสลากกินแบ่งรัฐบาล ย้อนหลัง 10 ปี (งวด 2 มกราคม)APC M113 รถเกราะ 60 ปี ลุยสมรภูมิช่องอานม้า เสริม "เกราะไม้" กันจรวดสุดแกร่งไทยซื้อระบบป้องกันทางอากาศใหม่ !สอยอีกหนึ่ง นายพลเขมรร่วง อีกรายวิเคราะห์สถิติหวยปีใหม่ 2 มกราคม: เจาะลึกเลขเด่นรับโชควันศุกร์ 2569😃 ชวนลองเข้ามาดูภาพถ่ายสะเทือนใจของเหล่าผู้คนที่ดูจะดราม่ายิ่งกว่าซีรีส์ทีวีเลยล่ะ 😅เซตเมนูอาหารเช้า เติมพลังสมอง ช่วยให้มีสมาธิทำไมผู้สูงอายุชอบเล่าเรื่องเก่า ๆ ให้อื่นฟัง
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
เซตเมนูอาหารเช้า เติมพลังสมอง ช่วยให้มีสมาธิReset จิตใจ...แบบนักจิตบำบัด"เจนนี่ BLACKPINK–จางวอนยอง IVE" กับดราม่า "รุ่นพี่-รุ่นน้อง"..กลายเป็นประเด็นร้อนบนโซเชียลทั่วเอเซียกฎหมายใหม่"การส่งข้อความลๅมกอนๅจๅร" อาจติดคุก เริ่มใช้ ต้นปี 69มะเฟือง ผลไม้ที่มากด้วยสรรพคุณ ที่ใครๆ รู้แล้ว ต้องอยากรับประทาน
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
ทึ่งทั่วโลก : "น้ำตกทุธสาคร" น้ำตกที่โด่งดังไปทั่วโลก หนึ่งในน้ำตกที่สูงที่สุดในอินเดียพืชพรรณไม้น่าสนใจ : รู้หรือไม่ ? สตอร์เบอร์รี่สีขาวก็มีน๊าสารแขวนลอย คืออะไร? อธิบายแบบเข้าใจง่ายใน 2 นาทีปรับลุคแบรนด์ให้ดูคลีน
ตั้งกระทู้ใหม่