[ธรรมะสอนใจ]ผลกรรมแอบมีชู้ ผิดศีลข้อ 3 กาเมสุมิจฉาจาร
การนอกใจคู่ครอง การเจ้าชู้ การคบซ้อน หรือการทำผิดศีลข้อกาเม เป็นสิ่งที่มีมาช้านาน ไม่ใช่แค่ในปัจจุบัน
หากอีกฝ่ายที่ถูกนอกใจ จับได้ หรือล่วงรู้ความลับเข้า ก็จะเกิดเหตุทะเลาะเบาะแวง เป็นเหตุให้ความสัมพันธ์อันดีของทั้งสองฝ่ายต้องล่มสลาย และเป็นเหตุให้ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง มีแต่คนนินทา ไม่เป็นที่รักของใครๆ
แต่นี่เป็นเพียงกรรมที่เบาบางที่สุด ที่ต้องได้รับ หากประพฤตินอกใจคู่ครองของตัวเอง
กรรมกาเมนี้ ต้องแอบทำกันในที่ลับ และปกปิดไว้ไม่ให้ใครรู้ ซึ่งแม้จะไม่มีใครรู้เลย แต่เจ้าตัวก็จะเกิดความหวาดระแวง ทุกข์ร้อนใจ และด้วยความเศร้าหมองนั้นเอง ละโลกไปก็จะไปเสวยผลกรรมในนรก
ดั่งเช่นเรื่อง ปฏิบัติการลับ แอบคบชู้ ที่หลวงพี่จะนำมาเล่าในวันนี้
เรื่องของท่านมีอยู่ว่า ในภพชาติหนึ่ง พระโพธิสัตว์เกิดในตระกูลช่างทอง เมื่อเติบโตขึ้นเป็นชายหนุ่มผู้มีรูปงาม มีความเฉลียวฉลาด ได้ฝึกฝนจนเป็นช่างทองฝีมือเยี่ยม มีชื่อเสียงเลื่องลือตั้งแต่วัยหนุ่ม เศรษฐีใหญ่ในเมืองถึงกับว่าจ้างให้ทำเครื่องประดับแก่ธิดาของตนเป็นพิเศษ เพื่อเข้าพิธีแต่งงานกับลูกเศรษฐีผู้มีตระกูลเสมอกัน พอเศรษฐีได้เห็นลักษณะงดงามชวนหลงใหลของช่างทอง ก็เกรงว่าลูกสาวคนสวยของตนจะไปหลงรักช่างทองผู้มีฐานะต่ำกว่า ซึ่งเป็นการไม่ครู่ควรกับตระกูลของตน จึงถามหนุ่มช่างทองว่า หากท่านได้เห็นเพียงแค่ข้อมือและข้อเท้าของลูกเรา ท่านจะสามารถทำเครื่องประดับได้ไหม ชายหนุ่มผู้ชำนาญในการทำเครื่องประดับ รับคำว่า ทำได้ ไม่มีปัญหา
-- เรื่องมีต่อในวิดีโอ --
หากมองให้ลึกเข้าไปกว่านั้น เราจะพบว่า การคบชู้นี้ นำความเสื่อมเสียและน่าอับอาย มายังวงศ์ตระกูล และบุคคลอื่นๆ เช่น พ่อแม่ของทั้งสองฝ่าย ญาติพี่น้อง โดยเฉพาะสามีของฝ่ายลูกสาวเศรษฐีซึ่งเป็นผู้ถูกนอกใจแบบเต็มๆ คนเหล่านี้ต้องได้รับความทุกข์ร้อนใจจากการกระทำนั้น จึงทำให้ทั้งสองฝ่ายต้องทำผิดศีลข้อที่ 3 และมีผลกรรมอันเผ็ดร้อนนั่นเอง
ฉะนั้น ขอให้ทุกท่านอย่าได้ประมาทกัน อย่าคิดเข้าข้างตัวเอง มั่วตามใจกิเลสว่า คงไม่เป็นไร เพราะคนทั่วไปเขาก็ประพฤติผิดศีลกัน อย่าไปคิดอย่างนั้นเลย เอาคนที่มีกิเลสมาเป็นมาตรฐานไม่ได้
เราต้องนำคำของพระพุทธเจ้ามาเป็นหลัก จึงจะปลอดภัยจากกฏแห่งกรรม นั่นก็คือ ให้ละชั่ว ทำดี ทำจิตใจให้ผ่องใส
คู่ครองของใครใครใครก็รักใครก็หวง ดังนั้นอย่าไปผิดศีลข้อ 3 เลยเป็นดีที่สุด