เมื่อ “แรงดันน้ำ” กลายเป็นฆาตกร!
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเชื่อว่าทุกคนคงได้ทราบข่าวเศร้า เมื่อปรากฏว่าเรือดำน้ำไททัน (Titan) ซึ่งได้รับนักท่องเที่ยวระดับมหาเศรษฐีจำนวน 5 คนเดินทางลงไปใต้น้ำลึกเพื่อชมซากเรือยักษ์ไททานิกที่จมลงสู่ก้นทะเลเมื่อร้อยกว่าปีก่อน เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน และได้ขาดการติดต่อไปหลังจากที่เรือลงสู่ใต้น้ำเพียง 1 ชั่วโมง 45 นาที และหลังจากความพยายามในการค้นหาเรือดังกล่าวอยู่หลายวัน ในที่สุดก็ได้พบซากชิ้นส่วนของเรือลำดังกล่าว จึงเป็นอันสรุปได้แน่นอนว่าไร้ปาฏิหาริย์ใด ๆ ที่ผู้โดยสารทั้งห้าจะรอดชีวิตได้ ซึ่งจากการวิเคราะห์สาเหตุ เชื่อว่าน่าจะเกิดจากการที่เรือไม่สามารถทนแรงดันน้ำในระดับความลึกมากกว่า 3 พันเมตรได้ จึงทำให้เรือยุบตัวและพังทลายลงในที่สุด
น้ำเป็นของไหลที่มีมวล จึงทำให้มีแรงกดดันเนื่องจากมวลของน้ำที่อยู่ชั้นบนที่จะกดทับลงมา ดังนั้นยิ่งถ้าลงลึกไปจากผิวน้ำมากเท่าใดชั้นน้ำที่มีความลึกก็จะมีแรงกดดันมากขึ้น อย่างที่หลายคนคงเคยทำการทดลองสมัยเด็ก ๆ ที่ใส่น้ำในถังแล้วเจาะรูที่ระดับต่าง ๆ จะเห็นว่ายิ่งรูอยู่ในระดับต่ำ น้ำจะยิ่งไหลพุ่งแรง เนื่องจากความดันของน้ำที่อยู่ลึกจากผิวจะสูงกว่าที่ใกล้ระดับผิวน้ำ
สำหรับในทะเลและมหาสมุทรนั้นมีความลึกมากกว่าถังน้ำหลายเท่า ผลของแรงกดดันของน้ำจึงมีมากขึ้นด้วย โดยเฉลี่ยแล้ว ทุก ๆ ความลึก 10 เมตร แรงดันน้ำจะเพิ่มขึ้น 1 บรรยากาศ ซึ่งตามข่าว เรือได้ลงถึงไประดับประมาณ 3800 เมตร เท่ากับแรงดันน้ำจะเป็น 380 เท่าของแรงดันบรรยากาศ หรือประมาณ 38 ล้านปาสกาล ถ้าเทียบง่าย ๆ คือเหมือนกับมีวัตถุที่มีน้ำหนัก 3800 ตัน วางบนอยู่บนพื้นที่ทุก ๆ 1 ตารางเมตรของผิวเรือ ซึ่งหากเรือไม่แข็งแรงเพียงพอ ย่อมไม่สามารถทนต่อแรงกดดันมหาศาลนี้ได้แน่นอน
ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ว่า เมื่อตัวถังเรือทนแรงดันมหาศาลไม่ได้ มันจะยุบตัวอย่างรวดเร็วและเกิดความร้อนอย่างมหาศาล จนทำให้เกิดการระเบิดขึ้น ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นเร็วมาก อาจจะในเวลาเพียง 1/1000 วินาทีเท่านั้น เรียกว่าผู้โดยสารในเรือยังไม่ทันรู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกตนด้วยซ้ำก็เสียชีวิตไปก่อนแล้ว
สุดท้ายก็ต้องขอแสดงความเสียใจกับญาติมิตรของผู้เสียชีวิตด้วยครับ