ดราม่าแพง!!ค่าโดยสาร MRT สีเหลือง ผู้โดยสารโดนเอาเปรียบมั้ย?
รถไฟฟ้าสายสีเหลืองเริ่มทดลองวิ่งแล้ว...คนแน่นทุกเที่ยว เพราะเป็นสายที่รอคอยมานาน...
3 ก.ค.66 จะเริ่มเก็บค่าโดยสาร เริ่มต้น 15 - 45 บาท
ซึ่งดูแล้วไม่แพงตามเเศรษฐกิจและค่าเงินปัจจุบัน
แต่เมื่อดูตารางค่าโดยสาร...
ต้องขยี้ตาดู เพราะว่า เริ่มต้น 15 บาท คือ เข้าสถานีติ่งก็เริ่ม 15 บาทเหมือน Taxi
พ่อไปลงสถานีถัดไปค่าโดยสารก็จะเพิ่มขึ้น ซึ่ง ดูแล้ว มันก็ แพงไปนิดนึง เพราะว่าสถานีตัดไฟมันก็ไม่ได้ไกลมาก และค่าโดยสารก็จะเพิ่มขึ้นทุกสถานี จนเกือบ 10 สถานี ก็จะตรึงราคาอยู่ที่ 45 บาท สถานีตัดไปจนถึงปลายทางก็จะ 45 บาท
ซึ่งสำหรับผมผมคิดว่า มันแพงไป ในสถานีถ ซึ่ง 15 บาทน่าจะขึ้นลงได้สัก 1 สถานีแล้วสถานีตัดไป ก็ขึ้นราคาตามระยะทาง อาจจะกิโลละ 1 บาท ซึ่งตลอดสายทางก็ 30 กิโล เมื่อถึงสถานีสุดท้ายก็จะ 45 บาทพอดี
แต่การที่ ราคา เร่งบวกเพิ่มให้ถึง 45 บาทภายใน 10 สถานี ผมว่า เอาเปรียบผู้บริโภคเกินไปหรือเปล่า เพราะว่าบางคน อาจจะไปแค่สถานีสั้นๆ
จนบางคนอาจจะคิดว่าถ้าอยากคุ้มก็ไปให้สุดสถานีสิแต่จะไปทำไมล่ะก็เราไม่ได้มีธุระสถานีที่ไกลนี่
จนบางคนที่มีงบน้อยหรือเดินทางบ่อยๆ อาจจะคิดว่า ใช้ขนส่งมวลชนรถเมล์ดีกว่าเพราะตลอดสายทาง 10 บาทจะลดต้นทุนหรือค่าครองชีพลงได้ เพราะคนเหล่านี้ก็มีเยอะเกือบ 80% ที่ต้องทำงานเดินไปเดินมาประจำ
การที่ค่าโดยสารแพงก็จะทำให้ค่าครองชีพเขาสูงขึ้นด้วยเช่นกัน แต่ถ้าค่าโดยสารจะเหลือตามระยะทางกี่กิโลเมตรมันก็จะไม่แพงเกินไป
หรือบางคนที่จำเป็นต้องไปธุระกันหลายคนหรือไปเที่ยวกันอาจจะรวมตัวนั่งแท็กซี่ประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่า เพราะอย่างเช่น ไป ซีคอน สมมุติว่าค่าแท็กซี่ 80 บาท แต่ถ้านั่งรถไฟฟ้า 1 คนก็ 45 บาท แต่ไปกัน 4 คน ก็ 180 บาท แต่ถ้านั่งแท็กซี่แค่ 80 บาท หารกัน 4 คน ซึ่งดูจะประหยัดมากกว่า
เพราะว่ารถไฟฟ้า เป็นการเดินทางที่สะดวกรวดเร็ว และหลายคนก็ต้องเดินทางเป็นประจำทุกวันเพื่อไปทำงานตลอดเส้นลาดพร้าวศรีนครินทร์เทพารักษ์ ดังนั้นถ้าเฉลี่ยเป็นระยะทางกิโลจากต้นทางถึงปลายทางก็จะทำให้ค่าครองชีพของพนักงานที่เงินเดือนไม่เยอะพอที่จะนั่งรถไฟฟ้าได้ ก็จะดีมากเลย
ขอบคุณข้อมูลภาพ