นิสัยของ"อเมริกันพิทบูล"ดุจริงมั้ย
- หมาที่เรียกว่า ‘พิทบูล’ ในแต่ละประเทศนั้นมีนิยามต่างกัน
ในอเมริกาที่เป็นบ้านเกิดของหมาพันธุ์นี้ คำว่าพิทบูลเป็นคำรวมๆ ที่หมายถึงหมาพันธุ์ American Pit Bull Terrier, American Staffordshire Terrier, American Bully, Staffordshire Bull Terrier หรือบางทีก็หมายรวมถึง American Bulldog ด้วย
ในขณะที่ประเทศอื่นๆ จะหมายถึงสายพันธุ์ American Pit Bull Terrier เท่านั้น
ถ้าลองพิมพ์คำว่า “Pitbull” ค้นหาภาพในกูเกิ้ล เราก็จะรู้สึกว่าหน้าตาของพวกมันดูคล้ายกันไปหมด นั่นเป็นเพราะหมากลุ่มนี้คือหมาที่เพาะพันธุ์มาเพื่อเป็น “หมานักสู้” ในอเมริกา
- ในอดีตหลายร้อยปีก่อน งานอดิเรกอย่างหนึ่งของผู้คนในยุคนั้นคือ การดูหมากัดกับสิ่งต่างๆ เรียกได้ว่าเป็น “กีฬา” ที่ให้ความบันเทิงของคนสมัยก่อน
ดังนั้น การเอาคนมาสู้กับสัตว์ หรือสัตว์มาสู้กับสัตว์จึงเป็น “กีฬา” และสิ่งเหล่านี้ก็เคยฮิตในอดีตไม่ต่างจากคนในยุคนี้ที่ชอบดูฟุตบอล มวย บาสเกตบอล หรือกีฬายอดฮิตประจำชาติใดๆ ก็ตาม
ซึ่ง “พระเอก” ของกีฬาประเภทนี้ก็คือ “หมา”
ในสมัยศตวรรษที่ 12-19 มนุษย์เอาหมามากัดกับตัวอะไรสารพัด เพื่อความบันเทิงเต็มไปหมด และนี่คือ “กีฬาประจำชาติ” ของอังกฤษในยุคหนึ่งก่อนที่คนอังกฤษจะชอบดูฟุตบอล
คนอังกฤษยุคนั้นชอบดูหมากัดกับหมีมากที่สุด (เรียกว่า Bear-Baiting) แต่ในทางปฏิบัติ หมีไม่ใช่สัตว์ที่หาง่ายๆ มนุษย์เลยจับทุกอย่างมากัดกับหมา ไม่ว่าจะเป็นม้า วัว หรือกระทั่งหนู
เนื่องจากเป็นกีฬายอดฮิต มนุษย์จึงเพาะพันธุ์หมามาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ซึ่งสายพันธุ์ที่ดังสุดคือ Old English Bulldog (หน้าตาไม่เหมือน English Bulldog ทุกวันนี้นะ)
และสาเหตุที่มันมีชื่อว่า ‘Bulldog’ ก็เพราะ มนุษย์เพาะพันธุ์พวกมันมากัดกับวัวเพื่อความบันเทิงนั่นเอง
- ตอนกลางศตวรรษที่ 19 กระแสสิทธิสัตว์เกิดขึ้นในอังกฤษ เริ่มมีการแบนการเอาสัตว์ป่ามากัดกับหมา และเริ่มมีการคุ้มครองสัตว์ป่า
พวกชอบดูสัตว์กัดกัน (ซึ่งเป็นคนกลุ่มที่เล็กลงเรื่อยๆ) ก็เลยพลิกแพลง เอาหมามากัดกับหมาแทน ซึ่งในแง่หนึ่งก็ถือว่าเป็นการต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อ
แต่พอเอาหมาสายพันธุ์ที่เพาะมาเพื่อกัดกับสัตว์ต่างๆ มาสู้กันเอง กลับไม่มีประสิทธิภาพ (ไม่บันเทิง) เพราะหมาที่เพาะพันธุ์ไว้กัดกับสัตว์ใหญ่จะมีจุดอ่อน คือแรงเยอะ แต่เชื่องช้า
มนุษย์ก็เลยพยายามจะสร้าง “หมานักสู้” สายพันธุ์ใหม่ที่เอาไว้สู้กับหมาด้วยกันเอง
- ทีนี้ ในอังกฤษ กระแสสิทธิสัตว์ขยายตัวเร็วมาก คนที่ชอบดูหมากัดกันเป็นคนกลุ่มน้อย การสร้าง “หมานักสู้สายพันธุ์ใหม่” จึงไม่สำเร็จ
แต่กลับไปสำเร็จที่อเมริกา ซึ่งเป็นกลุ่มชนที่มีรสนิยมชอบดูหมากัดกันเช่นกัน (คนอเมริกายุคแรกๆ ก็คือคนอังกฤษนี่แหละ ดังนั้น ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่จะมี “รสนิยม” เหมือนอังกฤษ)
สาเหตุที่การเพาะพันธุ์สำเร็จในอเมริกา ก็เพราะอเมริกาเป็นประเทศที่เแต่ละรัฐมีกฎหมายของตัวเอง และรัฐบาลกลางไม่ลงมาแทรกแซงการออกกฎหมายเท่าไร เลยทำให้บางรัฐถึงสามารถสร้าง “หมานักสู้สายพันธุ์ใหม่” ได้
(อังกฤษเริ่มแบนการเอาหมากัดกันเป็นกีฬาในปี 1911 ส่วนอเมริกาเพิ่งจะแบนทั้งประเทศในปี 2007)
และ “หมานักสู้สายพันธุ์ใหม่” ที่เพิ่งถือกำเนิดราวต้นศตวรรษที่ 20 นี่แหละ คือสิ่งที่คนอเมริกันเรียกว่า ‘พิทบูล’ (Pit Bull) และน่าจะเป็นหมาพันธุ์ที่ถูกสร้างขึ้นในอเมริกาแท้ๆ ไม่กี่สายพันธุ์โลก
นี่คือต้นกำเนิดของพิทบูล หมาที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อกัดกับหมาชนิดอื่นๆ โดยเฉพาะ
- แล้ว พิทบูล “ดุ” จริงไหม?
คำตอบตาม “ธรรมชาติสายพันธุ์” คือ “ดุกับหมา แต่ไม่ดุกับคน”
เพราะพิทบูลคือ “หมานักสู้” ที่เพาะพันธุ์มาสู้กับหมา ดังนั้น พวกมันจึงมีธรรมชาติที่จะก้าวร้าวกับหมาด้วยกันพอควร แต่ไม่มีลักษณะธรรมชาติที่จะดุร้ายกับคนเป็นพิเศษ
แล้วทำไมถึงมีข่าวพิทบูลกัดเด็กบ่อยๆ ?
ก่อนอื่นต้องรู้ว่า สถิติเหล่านี้มาจากอเมริกา เพราะพิทบูลเป็นหมาอเมริกัน และสถิตินี้เองก็ทำให้หลายๆ ประเทศแบนการนำเข้าพิทบูล จนถึงการกำกับดูแลคนที่เลี้ยงพิทบูล
เช่น ถ้าจะพาพิทบูลออกจากบ้าน ก็ต้องใส่ตะกร้อ ต้องมีป้ายหมาดุหน้าบ้าน ต้องเอาหมาไปขึ้นทะเบียน ไปจนถึงต้องทำหมัน ฯลฯ
แต่พิทบูลทำร้ายคน “จริง” หรือ?
ถ้ามองจากสถิติ ก็มีข้อถกเถียงมากอยู่ เพราะจากการศึกษาระบุว่า ถ้ามีการคุมตัวแปรในการวิจัยดีๆ จะพบว่า อัตราพิทบูลที่ทำร้ายคนไม่ได้มากกว่าหมาสายพันธุ์ใหญ่อื่นๆ เลย แต่ที่ตัวเลขเยอะ ก็เพราะในอเมริกา พิทบูลเยอะเท่านั้นเอง
- อย่างที่บอกข้างต้น คำว่า ‘พิทบูล’ มีความหมายรวมถึงหมา 5-6 สายพันธุ์ ซึ่งก็ไม่ใช่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงหมาพันทางที่หน้าตาละม้ายพิทบูลด้วย
ดังนั้น ในแง่นี้เวลาบอกว่า พิทบูลกัดคนเยอะจึงไม่ถูกต้องเท่าไหร่ เพราะเวลามีข่าวรายงานหมากัดคน ถ้าหมาหน้าตาทรงนี้ ก็จะถูกเรียกว่าเป็น ‘พิทบูล’ ไปหมด
ที่สำคัญ ในเชิงเทคนิคก็ไม่มีการตรวจพันธุกรรมของหมาที่กัดคน เพื่อที่จะยืนยันว่ามันเป็นพิทบูลจริงหรือไม่
ดังนั้น ในแง่นี้พิทบูลก็ไม่ใช่หมาที่จะดุร้ายและอันตรายไปกว่าหมาพันธุ์ใหญ่อื่นๆ หรือพูดให้ตรงกว่านั้นก็คือ ถ้าจะกลัวหมาพันธุ์ใหญ่ ก็อย่าไปกลัวแค่พิทบูล เพราะหมาพันธุ์ใหญ่ก็สามารถก่ออันตรายได้ทั้งนั้น
เช่น บางประเทศจัด “หมาตำรวจ” อย่าง German Shepard เป็น “หมาอันตราย” แบบพิทบูล คือห้ามพาออกจากบ้าน โดยไม่ใส่ตะกร้อที่ปาก
- ถามว่า พวก “หมาใหญ่” อันตรายขนาดนั้นเลยเหรอ?
ถ้าว่ากันตรงๆ อันตรายด้วย ‘ขนาด’ เพราะหมา ถ้า “เลี้ยงไม่ดี” ยังไงก็ดุได้
ถ้าหมาดุแต่เป็นหมาตัวเล็ก ไม่อันตราย ลองนึกเวลาที่เราเจอ Chihuahua หรือ Pomeranian ที่ดุมากๆ เราจะไม่กลัวมัน แถมจะขำด้วยซ้ำ เพราะคิดว่ามันจะทำอะไรเราได้
ส่วนหมาใหญ่จะสายพันธุ์น่ารักหรือติงต๊องยังไง ถ้าคนเลี้ยงไม่ดีจนมันดุ มันก็ทำร้ายและเป็นอันตรายต่อคนได้
เพราะอย่างน้อยๆ หมาติงต๊องอย่าง Siberian Huskie ก็เคยมีรายงานว่า บางกรณีมันก็กัดคนตายได้เช่นกัน
- กลับมาที่พิทบูล ถึงแม้จะไม่ใช่หมาที่ “ดุตามธรรมชาติ” (หมาที่ว่ากันว่า “โคตรดุ” ในโลกก็คือ Fila Brasileiro ซึ่งเป็นหมาที่เคยเพาะไว้ไล่จับทาสของบราซิล ส่วนในเมืองไทยเราอาจจะนึกถึงหมาพันธุ์ ‘บางแก้ว’ ก็น่าจะได้)
ทั้งนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่า จะไม่มีพิทบูลตัวไหนดุเลย คือพิทบูลก็เหมือนหมาทั่วไป ถ้าเลี้ยงไม่ดีนิดหน่อย ก็อาจดุได้พอสมควร
และสำหรับพิทบูลที่มีรากฐานทางกายภาพเป็น “หมานักสู้” ก็ถือว่าเป็นหมาที่อันตราย (ถ้ามันดุ)