ทัพบก เริ่มขยับ ออกมาตราการเพิ่มแรงจูงใจทหารสมัครใจ หลังก้าวไกลยันชัดยกเลิกเกณฑ์ทหาร
นโยบายยกเลิกเกณฑ์ทหาร เป็นหนึ่งในนโยบายที่พรรคก้าวไกลออกมาระบุแล้วจะทำทันเมื่อได้ทำหน้าที่รัฐบาลบริหารประเทศ เพราะมองว่าการเกณฑ์ทหาร ในไทยไม่มีความจำเป็นต่อการรักษาความมั่นคงในประเทศ อีกทั้งหากยังมีการเกณฑ์ทหารอยู่จะเพิ่มความเหลื่อมล้ำในสังคม และทำให้ ความรุนแรงในค่ายทหารยังคงเกิดขึ้นจนนำมาสู่โศกนาฏกรรมในทุก ๆ ปี
และหากการเกณฑ์ทหารถูกยกเลิก จะทำให้หลาย ๆ ฝ่ายได้ประโยชน์ทั้งสิ้น ซึ่งทางพรรคก้าวไกลมองว่าสิ่งที่เป็นประโยชน์ได้แก่ ทั้งภาคประชาชนที่ไม่ต้องกัลวงว่าจะเป็นทหารจนไม่สามารถมีชีวิตตามที่ต้องการสร้างรายได้ให้ครอบครัว และสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจให้ประเทศได้ภาคกองทัพที่จะได้ทหารมีคุณภาพและเต็มไปด้วยบุคลากรที่สมัครใจทำงานและพร้อมทุ่มเทให้องค์กรอย่างแท้จริง สุดท้ายประเทศชาติ ที่ยังคงมั่นคงเหมือนเดิม และสามารถรับมือกับภัยคุกคามในอนาคตได้อย่างเท่าทัน แต่มีการจัดสรรงบประมาณและทรัพยากรมนุษย์ที่เหมาะสมขึ้นกว่าเดิม
ด้วยเหตุนี้ทำให้ทางกองทัพเร่งปรับตัว เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของพรรคก้าวไกล ที่จะยกเลิกเกณฑ์ทหาร เมื่อเข้ามาเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ในช้านี้ ซึ่งการปรับตัวของกองทัพครั้งนี้ นำร่องที่กองทัพบกที่เตรียมออกมาตรการสนับสนุน เพื่อเป็นแรงจูงใจในการเป็นทหารเกณฑ์แบบสมัครใจมากขึ้น โดยเฉพาะพลทหาร สามารถ เข้าเป็นพลอาสากองพันจู่โจมรักษาพระองค์ รบพิเศษคอแดง ได้เป็นครั้งแรก
ซึ่งเรื่องนี้ได้รับการเปิดเผยจาก นักข่าวสายทหารชื่อดัง คุณสาวนา นาน่วม ที่ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า
ทบ. เพิ่มแรงจูงใจ ให้ชายไทยสมัครใจเป็น ทหารกองประจำการมากขึ้น ด้วยการแก้ระเบียบให้ พลทหาร ร้องขอ เป็นทหารกองประจำการได้ถึง อายุ 29 ปี จากเดิมที่ ทบ. เปิดรับ ทหารอาสาแบบสมัครใจ ตั้งแต่อายุ 18-20 ปี และ 22-29 ปี นอกเหนือจาก คนอายุ 21 ที่ถึง เกณฑ์ต้องเข้ารับการตรวจเลือกทหารตามปกติ
โดยเมื่อรับราชการ ถึงเวลาที่กำหนดปลดประจำการ สามารถร้องขอเป็นต่อได้อีกถึง อายุ29 จากเดิมแค่อายุ 25 ปี นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มแรงจูงใจด้วยกลยุทธ์ ติดอาวุธทางปัญญา ด้วย “ กขคงจ” ซึ่งข้อดีในการเป็นพลทหาร
ก.= กศน. การศึกษานอกโรงเรียน แบบเทียบระดับ 6 เดือน/แบบเทียบโอน เหลือ 1 ปีครึ่ง
ข = เข้ามา แบบสมัครใจเลือกหน่วยได้ ไม่ต้องไปไกลบ้าน จะได้รับโอกาสในการสอบเข้า รร. นายสิบ สูง
ค = ความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งการเรียนอาชีวะ การฝึกวิชาชีพ ฯลฯ
ง = มีงานทำต่อโดยร่วมกับเครือเจริญโภคภัณฑ์ กรมการจัดหางานทั้งในและต่างประเทศ
จ = การไปทดสอบเป็น “พลอาสา”กองพันจู่โจมรักษาพระองค์ กรมรบพิเศษที่3 รักษาพระองค์ เป็นครั้งแรก
สำหรับการเกณฑ์ทหาร คือ หน้าที่ของชายไทยตามกฎหมาย พ.ร.บ. รับราชการทหาร พ.ศ. 2497 ที่กำหนดให้ชายไทยต้องเข้ารับราชการทหาร ซึ่งในทางปฏิบัติพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497 กำหนดหน้าที่นี้ให้เฉพาะชายที่มีสัญชาติเป็นไทยตามกฎหมายมีหน้าที่ต้องเข้ารับราชการทหารด้วยตนเองทุกคน
โดยชายไทยเริ่มเป็นทหารกองเกินนับแต่อายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ ทหารกองเกินอาจถูกเรียกไปรับการตรวจเลือกเพื่อเข้ากองประจำการได้เมื่ออายุครบ 21 ปีบริบูรณ์ ทหารกองเกินเมื่อเข้ารับราชการทหารกองประจำการครบกำหนด หรือสำเร็จการฝึกวิชาทหารตามหลักสูตรที่กระทรวงกลาโหมกำหนด หรือมีอายุครบ 30 ปีบริบูรณ์ จะถูกปลดเป็นทหารกองหนุน
เมื่อเวลาผ่านไปหรืออายุครบตามที่กำหนดทหารกองหนุนก็จะถูกปลดพ้นราชการทหาร ในระหว่างที่เป็นทหารกองเกินหรือทหารกองหนุนนั้น อาจถูกเรียกพลได้ตามที่กระทรวงกลาโหมเห็นสมควร และอาจถูกระดมพลได้หากมีพระราชกฤษฎีกา
อย่างไรก็ตามมีชายไทยจำนวนมากไม่ต้องรับราชการทหารกองประจำการเพราะผ่านการเรียนรักษาดินแดนครบสามปี หรืออาจมีเหตุได้รับการยกเว้นหรือผ่อนผันได้ตามที่กฎหมายกำหนด ทำให้ไม่ต้องไปรับการตรวจเลือกหรือไปในวันตรวจเลือก แต่ถูกคัดออกเสียก่อนสำหรับผู้ที่ไม่ได้เรียนรักษาดินแดน หรือ เรียนไม่ครบหลักสูตรตามที่กระทรวงกลาโหมกำหนด (ไม่จบชั้นปีที่ 3) หรือ ผ่อนผันครบกำหนดแล้ว จะต้องเข้าสู่กระบวนการตรวจเลือกเข้ากองประจำการเต็มขั้น
โดยถูกจำแนกออกเป็นสี่จำพวกตามความสมบูรณ์ของร่างกาย หากมีผู้ประสงค์สมัครใจเข้ากองประจำการเต็มจำนวนที่รับแล้ว ก็จะไม่มีการจับสลาก ส่วนในกรณีที่มีผู้สมัครไม่พอและมีคนให้เลือกมากกว่าจำนวนที่ต้องการก็จะใช้วิธีจับสลากใบดำใบแดง ผู้จับได้ใบแดงจะต้องเข้ารับราชการทหารกองประจำการ













