กวาดล้างใหญ่! ผู้ต้องสงสัยแก๊งสแกมเมอร์กว่า 2,800 ราย ถูกส่งกลับจีน
จีน-เมียนมา-ไทย ร่วมปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ ส่งตัวผู้ต้องสงสัยกลับจีนแล้วกว่า 2,876 ราย
กระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีนรายงานถึงความคืบหน้าในการปราบปรามอาชญากรรมทางโทรคมนาคม โดยเฉพาะแก๊งสแกมเมอร์ที่ก่ออาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยและทรัพย์สินของประชาชน โดยล่าสุดมีการส่งตัวผู้ต้องสงสัยชาวจีนจากเมืองเมียวดีของประเทศเมียนมากลับสู่จีน รวมแล้วกว่า 2,876 ราย
การดำเนินการครั้งนี้เกิดขึ้นภายใต้ความร่วมมือระหว่าง จีน เมียนมา และไทย ซึ่งถือเป็น ความก้าวหน้าครั้งสำคัญของปฏิบัติการระหว่างประเทศ ที่มุ่งเน้นการกวาดล้างอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงทางโทรคมนาคม รวมถึง แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และ กลุ่มอาชญากรที่ใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือหลอกลวง
2,876 ผู้ต้องสงสัยถูกส่งกลับจีน ปฏิบัติการกวาดล้างครั้งใหญ่
กระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีนเปิดเผยว่า ผู้ต้องสงสัยทั้งหมดถูกส่งตัวกลับจีนโดยใช้เที่ยวบินเช่าเหมาลำ ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของเจ้าหน้าที่ตำรวจจีน โดยล่าสุดมีการส่งตัวเพิ่มเติมจากเดิม 2,255 ราย ทำให้ยอดรวมขณะนี้แตะที่ 2,876 ราย ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าอย่างมีนัยสำคัญในความร่วมมือปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ
ปฏิบัติการดังกล่าวเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยอาศัยความร่วมมือจาก สามประเทศ ได้แก่ จีน เมียนมา และไทย ซึ่งช่วยให้สามารถดำเนินการจับกุมและส่งตัวผู้กระทำผิดกลับไปดำเนินคดีในประเทศจีนได้เป็นจำนวนมาก
เหตุใดจีนจึงให้ความสำคัญกับการกวาดล้างแก๊งสแกมเมอร์ข้ามชาติ
1. อาชญากรรมฉ้อโกงทางโทรคมนาคมเป็นภัยคุกคามระดับประเทศ
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จีนต้องเผชิญกับ ปัญหาอาชญากรรมทางโทรคมนาคมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากกลุ่มอาชญากรข้ามชาติที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและเครือข่ายสื่อสารในการ หลอกลวงประชาชนจีน ทำให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจมหาศาล
แก๊งเหล่านี้มักใช้ คอลเซ็นเตอร์ปลอม หรือ แอปพลิเคชันที่ออกแบบมาเพื่อหลอกลวงผู้เสียหาย เช่น แสร้งเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร เจ้าหน้าที่รัฐ หรือบุคคลสำคัญ เพื่อโน้มน้าวให้เหยื่อโอนเงิน หรือให้ข้อมูลส่วนตัว
2. แก๊งสแกมเมอร์ข้ามชาติอาศัยเขตแดนเป็นที่ซ่อนตัว
หนึ่งในปัญหาหลักของการปราบปรามคือ ผู้กระทำผิดมักหลบหนีออกนอกประเทศ เพื่อหลีกเลี่ยงการจับกุม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น เมียนมา และกัมพูชา ได้กลายเป็นแหล่งซ่องสุมของกลุ่มอาชญากรเหล่านี้ เนื่องจากมีพื้นที่บางแห่งที่กฎหมายไม่สามารถเข้าถึงได้ง่าย
3. ความร่วมมือระหว่างประเทศเป็นกุญแจสำคัญ
จีนจึงได้เพิ่มความร่วมมือกับ ประเทศเพื่อนบ้านอย่างเมียนมาและไทย ในการเร่งดำเนินการปราบปราม จับกุม และส่งตัวอาชญากรกลับมาดำเนินคดีในจีน โดยเฉพาะเมืองเมียวดีของเมียนมา ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดยุทธศาสตร์ที่แก๊งอาชญากรใช้เป็นฐานปฏิบัติการ
ปฏิบัติการปราบปรามแบบเข้มข้น - ส่งเสริมความมั่นคงระหว่างประเทศ
การดำเนินการครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งใน ปฏิบัติการร่วมปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี โดยทางการจีนได้ยืนยันว่า จะ เพิ่มมาตรการความร่วมมือกับนานาชาติให้เข้มข้นยิ่งขึ้น
กระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีนระบุว่า จะมุ่งเน้นปราบปรามเครือข่ายอาชญากรทางโทรคมนาคมให้หนักขึ้น โดยเฉพาะการจับกุมและส่งตัวผู้ต้องสงสัยกลับประเทศ เพื่อลงโทษตามกฎหมาย
"เรามุ่งมั่นที่จะเพิ่มความพยายามในการบังคับใช้กฎหมายข้ามชาติให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น และปราบปรามการฉ้อโกงทางโทรคมนาคมอย่างเข้มงวด เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยและทรัพย์สินของพลเมืองจีน"— กระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีน
ผลกระทบของการปราบปรามต่อภูมิภาค
1. ไทยได้รับผลดีจากความร่วมมือปราบปราม
สำหรับประเทศไทย การร่วมมือกับจีนและเมียนมาในการ กวาดล้างแก๊งอาชญากรข้ามชาติ ถือเป็น ก้าวสำคัญในการเสริมสร้างความมั่นคงในภูมิภาค และช่วยป้องกันไม่ให้ ประเทศไทยกลายเป็นแหล่งซ่อนตัวของแก๊งมิจฉาชีพ
นอกจากนี้ ยังเป็นการ ลดปัญหาการฉ้อโกงที่ส่งผลกระทบต่อชาวไทยเอง โดยที่ผ่านมา คนไทยจำนวนมากก็ตกเป็นเหยื่อของ แก๊งคอลเซ็นเตอร์และสแกมเมอร์ต่างชาติ เช่นกัน
2. เมียนมาเผชิญแรงกดดันในการจัดการพื้นที่สีเทา
สำหรับเมียนมา การกวาดล้างครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการ ควบคุมพื้นที่ที่แก๊งอาชญากรเคยใช้เป็นฐานปฏิบัติการ โดยเฉพาะเมืองเมียวดี ซึ่งถูกกล่าวถึงบ่อยครั้งว่าเป็นหนึ่งในจุดที่อาชญากรใช้ในการปฏิบัติการ โทรหลอกลวงข้ามประเทศ
การจับกุมและส่งตัวผู้ต้องสงสัยคดีฉ้อโกงทางโทรคมนาคมกลับจีน รวม 2,876 ราย เป็นสัญญาณชัดเจนว่าจีน เมียนมา และไทย กำลังดำเนินการขั้นเด็ดขาดในการปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์
ในอนาคต คาดว่าทั้งสามประเทศจะ เพิ่มมาตรการความร่วมมือด้านกฎหมายและเทคโนโลยีมากขึ้น เพื่อลดปัญหาอาชญากรรมทางไซเบอร์ และทำให้ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยจากการฉ้อโกงทางโทรคมนาคม
สำหรับประชาชนทั่วไป การตระหนักรู้เกี่ยวกับภัยจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์และมิจฉาชีพออนไลน์ เป็นสิ่งสำคัญที่สุด หากพบเห็นพฤติกรรมต้องสงสัย ควรแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันที เพื่อช่วยกันสร้างสังคมที่ปลอดภัยจากอาชญากรเหล่านี้



