ความรัก ความเหงา หรือเราหลง (ตอนที่3 ตัดสินใจผิด คิดได้ก็สายไป)
ความสนิทสนมของผมกับ ล.มีมากขึ้น โทรหาและแชทคุยกันแทบทุกวัน หรือบางวันก็หลายครั้ง ผมเป็นคนนอนดึกตื่นสาย พอ 8 - 9 โมงเสียงแชททางเฟซบุ๊ค กริ๊งมา ผมก็สะดุ้งแล้ว ผมบอก ''เปิดกล้องขอเห็นหน้าบ้างดิ่" ... "ไม่เอา ยังไม่ได้ล้างหน้าเลย" .. "ก็อยากเห็นตอนยังไม่ได้ล้างหน้าแหละ มันเป็นธรรมชาติดีนะ" ... "เฮ้อ.. ตายูงนี่" ล.และ ก.เรียกชื่อผมว่า ตายูง แล้วเธอก็เปิดกล้อง นอนอยู่บนที่นอน ในห้องที่ไฟสลัวไม่ชัดเจน แต่เธอก็ดูสวยน่ารักสำหรับผมเสมอ ก็ไม่ได้บ่อยนัก เพราะยังเกรงใจเธอ บางครั้งก็โทรให้ผมซื้อยาสระ-บำรุงผม บำรุงผิวไปให้ มีครั้งหนึ่งเธอบอกให้ซื้อเสื้อชั้นในทั้งแบบมีสายและไม่มีสายไปให้ 3ตัว และส่งรูปมาให้ดู ผมกลัวซื้อผิดก็เลยลองใจเธอดูว่า "มันเป็นแบบไหน ภาพไม่ชัด เอาแบบที่มีอยู่ใส่ให้ดูหน่อยดิ่" ไม่คิดว่าเธอจะถ่ายมาให้ดูจริงๆ เห็นแล้วหัวใจผมเต้นผิดจังหวะไปเลย แบบนี้2ครั้ง ก็เลยต้องเซฟภาพไว้อย่างดี บางวันเห็นเธอแต่งตัวสวย ขอภาพให้ถ่ายมาสดๆเธอก็ถ่ายส่งมาให้ ผมจึงมีภาพถ่ายเธอทั้งที่จากไปเที่ยวมาทุกที่มากมาย มากกว่าภาพของคนอื่นทุกคน
ล.ชอบเลี้ยงนกหงษ์หยกมาก แต่มันก็ชอบบินหนีและตกใจตายง่าย ผมจึงพาไปซื้อที่ห้างอยู่บ่อยๆ ไอโฟนเธอก็เสียบ่อย เครื่องสำอางค์ก็หมดเร็ว คอนแท็ค่เลนส์แบบแฟชั่นก็เปลี่ยนบ่อย ทุกอย่างจึงเป็นหน้าที่ของผมทั้งสิ้น ผมต้องโอนเงินเติมเน็ต และเข้าวอลเลทให้เธอกินขนมเป็นประจำด้วย บางครั้งก็ต้องขัดใจเธอว่าเงินเหลือน้อย เธอก็จะไม่ค่อยเชื่อ หาว่าเราไม่อยากซื้อให้ และเรื่องที่ว่าจะไปอยู่สุรินทร์นั้น ล.บอกว่าย่าเขาเลื่อนกำหนดไปอีก ล.บอก "หนูเรียนจบ กศน.ชั้น ม.3แล้วนะ พาไปฉลองหน่อยดิ่ ที่บางแสนก็ได้" ผมก็เลยคิดว่าต้องรีบพาเธอเที่ยวก่อนจะไปอยู่ต่างจังหวัด ก็เลยวางแผนการเดินทางกัน ซื้ออาหาร เครื่องดื่ม และของใช้มาตุนไว้ก่อน เพราะแผนการคือค้าง 1คืน ให้ ล.และ ก.ขออนุญาตพ่อแม่ให้เรียบร้อย ให้บอกว่าไปกับตายูง
แต่ก่อนถึงวันนั้น เรา3คนได้ไปกินไก่เคเอฟซีที่ ล.ชอบมาก ผมตามมาที่ร้านทีหลัง เห็นเธอ2คนนั่งเล่นมือถืออยู่หน้าร้าน คุยกันเหมือนมีอะไรเกิดขึ้นจากมือถือนั้น ไม่ยอมเข้าร้าน ผมจึงอารมณ์เสียดุเอาว่า "ไปสนใจอะไรพวกคนในเฟซนัก มีแต่คนหลอกลวงทั้งนั้นแหละ รีบไปธุระเราก่อนดิ่'' เข้าไปนั่งในร้านแล้วก็ยังซุบซิบแบบหน้าซีดเศร้าๆกันอยู่ และ ล.ก็ไม่ค่อยจะกิน "กูกินไม่ค่อยจะลงแล้วว่ะ"หันไปพูดกับ ก.ทำท่าเหมือนจะร้องไห้ เมื่อออกจากร้านนั้นแล้วผมก็พาไปกินส้มตำกุ้งสดที่ ล.ชอบมาก แต่ก็เหมือนเดิม บอกว่ากินไม่ลง แล้วสะอื้นไห้เบาๆ เพราะมีคนเต็มศูนย์อาหารนี้ไปหมด ผมถามแล้วก็สรุปได้ว่า ล.มีแฟนชื่อ อ. แล้ว อ.ไปมีแฟนใหม่แถวๆนั้น โทรมายั่วเยาะเย้ยกัน ทีแรกผมคิดว่ารักกันเล่นๆสนุกกันแบบเด็กๆ แต่ยิ่งถาม ล.ก็ยิ่งสะอื้นมากขึ้น จึงต้องรีบกลับ ทั้งๆที่ผมก็ยังงง และใจเสียเหมือนกัน มันเกิดอะไรกันแน่
อ.เป็นเด็กผู้หญิงรูปร่างเล็ก ผิวคล้ำ ผมค่อนข้างหยิก อายุ15 รู้จักกับ ล. และ ก.ได้ไม่ถึงปี เคยมาดูหนังและกินข้าวที่ห้างนี้กับผม 2ครั้ง เคยมากับป้าเธอที่มาหลอกเอาเงินผมไปพันกว่า ผมไม่ได้เคยคิดเอาเรื่องหรือโกรธ อ. เพราะเห็นว่าเป็นเพื่อนรักของ ล. และยังเคยให้ค่ารถกลับบ้านด้วย แต่รู้ทีหลังว่า อ.เป็นทอม จึงสรุปได้ว่า ล.และ อ.รักกันมาเป็นเดือนแล้ว ผมชักไม่ค่อยชอบ อ.ขึ้นมาแล้ว รู้จักนิสัยพวกทอมดี หลานสาวผมที่ต่างจังหวัดก็มีแฟนเป็นทอม
ก่อนจะไปบางแสนได้2วัน ล.ขอให้ผมพา อ.ไปด้วย ผมปฏิเสธ ล.และ ก.ก็ช่วยกันพูดอ้อนวอน ขอร้องสารพัด แต่ทุกอย่างผมเป็นคนจ่ายหมด จึงคิดว่าถ้าไปแล้วมีปัญหา ไม่สนุก ก็ไม่ควรไป ล.ยังอ้างว่าไม่ได้เป็นแฟนกันแล้ว ปรับความเข้าใจกันแล้ว ตอนนี้เป็นพี่น้องกันแล้ว "ให้มันไปเถอะ มันไม่เคยไปทะเลเลย สงสารมัน นะ นะ.." คำพูดที่ไร้เหตุผลของ ล.แบบนี้ผมยิ่งไม่เชื่อ ก.ก็อยากไปหาแฟนเร็วๆ ล.ก็อยากไปเที่ยวมากๆ อ.เป็นแค่ตัวพ่วง แต่ในที่สุดผมก็ใจอ่อนให้ ล.พา อ.ไปเป็นเพื่อนตามต้องการ ที่ผมยอมก็เพราะเป็นความต้องการของ ล.เท่านั้น และ ล.ยังได้กำชับให้ผมปลดรูปของเธอที่ติดไว้ที่บังแดดหน้ากระจก4รูปนั้นออกไปด้วย "เอารูปออกด้วยนะ เดี๋ยวใครจะเข้าใจผิด" ผมยังสงสัยว่าไม่ได้มีคนอื่นเลย เธอกลัวแฟนทอมของเธอจะเห็นแล้วหึงหวงหรือไง แต่ผมก็มันเอาออก
เช้าวันที่ 7มีนาคม 2566 ไปรับ ล.ก.และ อ.เกือบสว่าง เบาะหลังในรถกว้าง จึงนั่งกัน 3คนสบาย ไม่มีใครนั่งเป็นเพื่อนผมเลย ก็รู้สึกน้อยใจนิดๆที่ ล.ไม่เคยมานั่งข้างผมสักครั้ง และไม่เคยให้ผมถ่ายรูปคู่กับเธอเลย เพลงที่เปิดฟังกันตลอดทางก็เป็นเพลงที ล.ชอบและให้ผมโหลดมาฟังในรถทั้ง 20กว่าเพลง เพลงที่ ล.ชอบมาหลายปีแล้วคือเพลง ฝากใบลา ของเนย-ภัสวรรณ เธอจะร้องตามจนจบทุกครั้ง จนทำให้ผมชอบฟังไปด้วย ผมบอก ก.ว่าเราควรตรงไปโรงแรมที่บางแสนที่เราหาไว้ในกูเกิ้ลเลย แล้วให้แฟนของ ก.ลงมาหาเราดีกว่า ประมาณ30กว่ากิโลเท่านั้นเรามาตั้งค่อนทางแล้ว เขาเป็นผู้ชาย ถ้ารักเราจริงก็มาหาง่ายๆ แต่ ก.บอกว่า "เขาไม่เคยไปไหน ทำงานอยู่แต่ในปั๊มน้ำมัน ช่วยไปรับเขามาหน่อยเถอะ .. " ผมรู้ว่าข้ออ้างของ ก.ไม่มีเหตุผลเลย คงต้องการเอาใจเขามากกว่า ผมก็ปฏิเสธคนไม่ค่อยเป็น และ ล.ก็ยิ่งพูดสนับสนุนให้ไปรับมา ไหนๆก็ไหนๆ จึงขับตรงไปพัทยาเลย ระหว่างทางก็แวะตามปั๊มอยู่หลายครั้ง ผมจะเป็นคนจ่ายเสมอ
แฟนของ ก.ชื่อว่า ท.อายุ19 เป็นคนอิสาน รูปร่างสูง หน้าตาดี จน ล.ไปขอถ่ายรูปคู่ด้วย (อิจฉานิดๆ) มาทำงานเป็นเด็กปั๊มที่บางละมุงนี้หลังจบ ม.6 เราพักรถไม่นานก็ลงมาบางแสน คราวนี้มารวม5คน เบาะหลังเต็ม3คนพอดี ล.จึงมานั่งเบาะหน้าข้างผมจนผมรู้สึกว่าวันนี้อากาสมันช่างสดชื่นจริงๆ ระหว่างทาง ล.ก็นั่งเล่นโทรศัพท์ไป จนถึงแถวศรีราชา ได้ยินแว่วๆเหมือน ก. และ อ.จะรุมด่า ล.อยู่ ไม่รู้เรื่องอะไร แล้ว ล.ก็ส่งเสียงสะอื้นซิกๆ แล้วก็ดังขึ้นเรื่อยๆจนผมใจเสียไปด้วย ผมแค่สะกิดบอกว่าไม่เป็นไรนะ เธอก็พยักหน้าแต่ไม่หยุดร้องไห้จึงต้องจอดรถถามว่าเป็นไร จอดพักกินอะไรก่อนมั้ย ใจจริงอยากจะดึงเธอเข้ามากอดปลอบใจ แต่เกรงใจหลายๆคน และเธอจะอาย เพราะผมไม่เคยแตะต้องตัวเธอต่อหน้าคนอื่นเลย ส่วนมากก็แค่ดึงมือมาจูบหลังข้อมือเท่านั้น ล.บอกว่าไม่ต้องพัก ผมจึงขับตรงไปหาโรงแรมที่ ซอย7 บางแสนสาย2 ได้เช็คอินเกือบบ่าย1โมง
ได้ห้องพักขนาดใหญ่ ราคาคืนละเกือบ2พัน เปิดเข้าไปเป็นห้องรับแขก มีโซฟา ตู้เย็น ทีวี โต๊ะกาแฟ และเตียงนอนเล็กๆ1เตียง เปิดประตูเข้าไปห้องนอนมีเตียงคู่ และเตียงขนาดใหญ่อีก1เตียง ห้องน้ำก็มีทั้งนอกและใน ผมบอกกับ ท.ว่า "เราเป็นผู้ชายนอนข้างนอกกัน2คนแล้วกันนะ" แต่ ท.ไม่ตอบอะไร ผมจองเตียงเล็กข้างนอก แต่ทั้ง4คนก็เข้าไปนอนเล่นในห้องนอน อยู่พักหนึ่ง ล.ก็ออกมามาบอกว่า "ตายูง.. นอนข้างนอกนี่แล้วกันเนาะ พวกหนูจะนอนข้างในเอง" ผมยังงงอยู่นิดๆ ว่าทำไมต้องเป็นแบบนั้น ยังไม่ทันได้โต้ตอบอะไร ล.ก็เดินเข้าห้องนอนปิดประตู เสียงกดล็อคประตูดัง คลิก.. รู้สึกเหมือนเสียงอะไรมาทิ่มที่หัวใจของผมยังงั้นแหละ ...ทำไมให้ผู้ชายคนหนึ่งที่เพิ่งเจอกัน(ก.คนเดียวที่เจอมา1ครั้ง) มานอนร่วมห้องกับเธอทั้ง3ได้ แต่ผมที่เป็นคนพามา รู้จักมานานกว่า และจ่ายทุกอย่าง แต่ไม่มีค่าไม่มีความหมาย ถูกทอดทิ้งเหมือนถูกกักขังให้อยู่ข้างนอกคนเดียว ก่อนมาทั้ง ล.และก. ก็บอกว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกัน แล้วตอนนี้ทำไมไม่เปิดประตูไว้ให้ไปมาหาสู่กันได้ ไม่น่ามีอะไรต้องมาปิดกั้นกันเลย กลัวผมจะเข้าไปทำอะไรเหรอ แล้วเด็กหนุ่มที่ชื่อ ท.ไม่ใช่ผู้ชายหรือไง
ผมนั่งช็อกกับตัวเองอยู่พักใหญ่ ที่ผมพาพวกเธอมาครั้งนี้ไม่ได้เป็นการพามาโดยส่วนตัว จุดใหญ่คือหวังให้ ล.ได้มีความสุขกับเพื่อนๆในสถานที่ดีๆก่อนที่จะจากกันไปอยู่ต่างจังหวัด และผมก็จะมีความสุขด้วยที่ได้อยู่ใกล้ ล.ในช่วงเวลาที่นานๆติดต่อกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน ไม่ได้คิดไกลว่าจะได้ตัวเธอในคืนนี้ซะที่ไหน มากลัวคนแบบผมเนี่ยะนะ... ส่วน ก.และ ท.นั้นเขารักกันอยู่ ผมก็ไม่ได้สนับสนุนให้เขามาได้เสียกันที่นี่ เพราะอายุน้อยทั้งคู่ แต่ ก.เป็นเด็กดื้อที่ผมเคยบอกแล้วไม่ฟัง และผมก็ไม่ชอบที่จะไปขัดขวางความรักของใคร เพราะตัวผมเองก็ไม่เคยสมหวังในความรักเลย ผิดหวัง อกหักมาตลอด ที่ได้แต่งงานเมื่อก่อนนั้นก็เพราะมีแม่สื่อและพ่อแม่ของผู้หญิงเขาต้องการเงิน ผมไปอยูที่โคราชก็อกหัก ย้ายมาที่นายจ้างเปิดร้านให้ก็อกหักจนต้องโกนหัว มาชอบคนอื่นต่อ เขาก็ได้ผัวไปอีก จนมาชอบ ล.นี่แหละที่ยาวนาน ได้ใกล้ชิด และทุ่มเทมากกว่าคนอื่นๆ ก.และ ท.มาถึงขนาดนี้คงไม่มีใครไปขวางเขาได้อยู่แล้ว อีกอย่างหนึ่งแม้แต่เด็กนักเรียนทีอายุแค่ 15-16 เดี๋ยวนี้เขาก็แอบได้เสียกันโดยที่พ่อแม่ไม่รู้เรื่องกันอยู่แล้ว ที่ผมห่วงที่สุดตอนนี้คือ ล.และ อ.ยังรักกันอยู่ และ อ.ก็เป็นทอมแท้ๆ ล.เคยยอมรับกับผมว่า อ.เคยกอดจูบลูบคลำเธอมาแล้ว เวลากลางวันที่พ่อแม่ไม่อยู่ แล้วที่นี่เป็นโรงแรมที่เตียงนุ่มๆแอร์เย็นๆ เป็นอิสระ เตียงใครเตียงมัน คงไม่ต้องคิดอะไรต่อ
นี่เราโง่ขนาดนี้เลยเหรอ พาคนที่รัก มากับแฟนที่รักกัน ให้มานอนด้วยกัน แม้ว่า อ.จะเป็นทอม แต่เราก็เคยบอกกับ ล.เอง ว่า อ.นั้นเป็นผู้ชายในร่างของผู้หญิง เมื่อเขาเป็นผู้หญิงจึงรู้ถงจุดอ่อนในร่างกายผู้หญิงด้วยกันดี เมื่อเขาได้ใกล้ชิดผู้หญิงคนไหนแล้ว ยากที่จรอดมือเขาไป แค่คิดก็เจ็บปวดจนแทบน้ำตาไหลแล้ว
กรุณาติดตามตอนที่ 4 ต่อไป "รักสามเส้า หรือเราโง่เอง"