ความรัก ความเหงา หรือเราหลง (ตอนที่2 ความสัมพันธ์ที่ก้าวหน้า)
การที่ต้องออกจากงานเดิม ไม่มีเงินเดือน และหาที่อยู่ใหม่นั้น เป็นเรื่องที่หนักมาก ผมต้องทิ้งของเก่าที่ยังดีไปมากมาย มีญาติของ ฟ.เป็นผู้ช่วยเหลือในการขนย้ายอยู่หลายเที่ยวรถ มาเช่าห้องแถว2ชั้นหลังเล็กๆราคาถูกๆ แต่เราอยู่ชั้นล่างแคบๆ ข้าวของก็แทบเต็มห้องแล้ว อยู่ห่างจากที่เดิมไป 20กว่า กม. แต่ยังดีที่มีที่จอดรถให้ ทีแรกว่าจะเปิดร้านซ่อมใหม่ แต่ดูสภาพทำเลแล้วคงไปไม่ไหวแน่ รอบๆห้องเราก็มีแต่ขี้เหล้าเมายาเสียงดัง และทะเลาะกันประจำ ช่วงนี้อยู่ได้เพราะถอนเงินประกันสังคมมาได้หลายตังค์ สภาพแบบนี้ยิ่งทำให้ความเหงามากขึ้นอีก นานๆจึงจะไปหา ฟ.หลานบุญธรรม และ ล.สักครั้งหนึ่ง
ตอนนี้ ล.อายุ15แล้ว แต่ไม่ได้เรียน และยังไม่ได้ทำงาน ผมจะซื้อขนมมาฝากและให้เงินใช้ทุกครั้ง เธออยู่กับพ่อแม่มีอาชีพรับจ้างทั่วไป เช่าห้องแถวถูกๆอยู่ และเธอมีเพื่อนใหม่อีกคนหนึ่งชื่อว่า ก. ซึ่งบอกผมว่าเคยไปเล่นคอมที่ร้านเดิมผมเมื่อตอนเด็กๆ แต่ผมจำไม่ได้ ก.อายุน้อยกว่า ล.2ปี ผมอยู่บ้านเช่าได้แค่6เดือนก็ตัดสินใจขายที่ดินพร้อมห้องแถวของผมที่ต่างจังหวัด เพราะหาคนดูแลยาก แล้วมาซื้อทาวน์เฮ้าส์ ซึ่งอยู่ไกลออกไปอีกหน่อย และเปลี่ยนอาชีพเป็นค้าขายแบบอิสระ เงินที่ขายบ้านมาก็ยังเหลือ อาชีพใหม่ก็เงินดี งานซ่อมก็รับเล็กๆน้อยๆแค่จากเพื่อนบ้าน เวลาก็เหลือมากขึ้น จึงเริ่มทำยูทูปบ้าง ลงทุนหุ้นไปบ้าง นอนห้องแอร์ ตื่นนอนสายๆ ชีวิตสบายขึ้นมาก จึงมีเวลาที่จะไปดูหนัง นั่งจิบกาแฟที่ห้างอยู่บ่อยๆ แน่นอนก็ต้องแวะไปหา ล.แทบทุกครั้ง เพราะเป็นห้างที่อยู่ใกล้บ้านเธอ และผมมาห้างนี้ประจำตั้งแต่ยังไม่มีโรงหนัง จนมีถึง4โรงใหญ่ๆ เวลาที่เจอ ล. ก็ต้องเจอ ก.เสมอ เหมือนเป็นเพื่อนรักและคู่หูกัน แต่จะชวนไปไหนเธอจะปฏิเสธทุกครั้ง จนกระทั่งปลายปี 2563 ล.จึงยอมไปเที่ยวห้างกับผมพร้อมทั้งเพื่อนเธออีก2คน รวมเป็น4คน ไปกินไก่เคเอฟซี และผมได้ซื้อโทรศัพท์ถูกๆแบบแพ็คคู่ให้ล.และเพื่อนคนละเครื่อง
ล.เริ่มโตเป็นสาว ชอบแต่งตัวมากขึ้น และมักจะเป็นฝ่ายชวนผมไปห้างบ่อยขึ้น นอกจากกินไก่ กินบิงซู กินข้าว กินส้มตำ กินหมูกะทะ หรือดูหนังแล้วก็มักจะเดินหาซื้อเสื้อผ้า รองเท้า และเครื่องแต่งตัว แล้วผมก็จะต้องหมดเงินถึง4หลักแทบทุกครั้ง และไม่ว่าเธอจะซื้ออะไร ก็จะขอให้เพื่อนอีก1ชิ้นที่เหมือนๆกัน ไม่ว่าจะเป็นเสื้อ กางเกง รองเท้า ของเล่น หรือแม้แต่เสื้อใน ก็ต้องซื้อแบบ2ชิ้นเสมอ แล้วเธอก็จะแต่งตัวให้เหมือนกันทุกครั้งที่ออกไปกับผม ทั้งๆที่รูปร่างหน้าตาไม่ได้ใกล้กันเลย ล.รูปร่างเล็ก ผมยาว ผิวดี แต่พูดเร็วฟังยาก และขาดความมั่นใจ ส่วน ก.รูปร่างสูง ผมหยิก ผิวคล้ำ ฉลาดพูด ทันคน ทัง2คนเล่นเฟซบุ๊คและติดเกมส์มาก แม้นั่งในรถก็ยังเล่น แม้กระทั่งโทรคุยกับแฟน ซึ่งเธอบอกว่าเป็นแฟนทิพย์ จนบางทีก็รู้สึกรำคาญ แต่ก็ต้องอดทน เพราะถือว่าเรากำลังทำเพื่อคนที่เรารัก แม้เธอจะบ่นว่าร้อน เพราะนั่งเบาะหลังทั้ง2คน ซึ่งรถผมมันรุ่นเก่ามีแต่แอร์ข้างหน้า ผมก็พยายามปรับแอร์ให้พุ่งตรงไปด้านหลังทั้ง4ตัว เราทนร้อนได้ ภายหลังผมไปทำแอร์มาใหม่ ติดพัดลมด้านหลังเพิ่ม ปรับแอร์ให้ตรงจุด เดี๋ยวนี้ถ้าเดินทางไกลเธอก็จะเอาผ้าห่มเล็กๆไปด้วย
ล.เริ่มที่จะชวนผมไปห้างบ่อยขึ้น มีอยู่3-4ห้าง แต่จะเป็นใกล้ๆมากกว่า เพราะเธอบอกต้องรีบกลับบ้านก่อนพ่อแม่กลับจากทำงาน จากเดือนละ2-3ครั้ง เป็น4-5ครั้ง จนรู้สึกว่ากระเป๋ามันเบาไปเรื่อยๆ แต่ก็ยังกัดฟันทน เพราะคิดว่าทำเพื่อคนที่เรารัก บางครั้งบอกว่าไม่ค่อยมีเงิน เธอก็จะไม่เคยเชื่อ คิดว่าเราไม่อยากไป บางที่เรายังนอนอยู่เธอก็โทรมาให้ไปรับด่วน อยากกินไก่ เราก็รีบจนกินกาแฟแทบจะปากพอง เคยขับรถแค่ครึ่งชั่วโมงถึง เดี๋ยวนี้ก่อสร้างถนนตลอดเส้นทางก็เป็นเกือบชั่วโมงจึงจะถึง เราว่าไปช้าเลยเวลานัดแล้ว แต่กลับต้องไปจอดรอเธออีกพักหนึ่งทุกครั้งเลย ในวันเกิดของ ล.ปี2564 ผมได้ซื้อเค้กวันเกิดและโทรศัพท์เครื่องใหม่ไปให้เธอ แล้วสอดแบ็งค์ซ่อนไปด้วย รวมมูลค่าก็4หลักกลางๆ เป็นครั้งแรกที่ได้ดึงมือเธอมาหอมที่หลังข้อมือ รู้สึกว่าไม่มีอะไรในโลกนี้อีกแล้วที่จะหอมสดชื่นได้อย่างนี้ ทำให้ผมหลับฝันดีไปได้หลายวันเลย เธอใช้โทรศัพท์คงหนักมาก เพราะอยู่ว่างๆไม่ได้ทำงานอะไร และเป็นของราคาแค่3พัน มันจึงเสียบ่อย พาไปซ่อมประจำจนร้านบอกว่าเปลี่ยนใหม่เถอะ ล.บอกอยากได้ไอโฟน ผมก็ตัดสินใจซื้อมือสองให้ ก็เกือบหมื่นแล้ว ต่อมาเธออยากได้รองเท้าสกอล ที่ราคาพันกว่าผมก็ซื้อให้ ครั้งนี้แหละที่ผมได้ดึงตัวเธอมากอดและหอมได้แบบถนัดๆ แค่ช่วงแป๊บเดียว ความสัมพันธ์แบบที่ผมสุขบ้าง ทุกข์บ้าง เหนื่อยบ้าง ท้อบ้าง เป็นอย่างนี้มาจนถึงปี2566 โดยที่ผมไม่ไปยุ่งกับคนอื่นเลย
มาในปี2566นี้ ล.อายุ18แล้ว และบอกว่าแม่จะให้ไปอยู่กับย่าที่จังหวัดสุรินทร์ประมาณปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ เธอจะขอเที่ยวแถวนี้ให้คุ้มให้ทั่วก่อนที่จะจากไป เธฮบอกว่าเคยไปอยู่มาแล้ว10วัน ผมเลยพูดเหน็บไปว่า "แม่กลัวจะได้แฟนที่ไม่ดีแถวนี้หรือเปล่า อาจจะให้ไปหาแฟนรวยๆแถวสุรินทร์มั้ง หรือเขาจะให้ไปเลี้ยงช้าง" เธอตอบว่า "ไม่หรอก หนูอยากได้แฟนเป็นทหารมากกว่า พี่สาวที่เป็นญาติกันเขาได้แฟนเป็นทหาร หนูต้องเอาชนะให้ได้ " แล้วเธอก็หัวเราะเสียงแหลมๆตามสไตล์ของเธอแบบอารมณ์ดี แต่ผมไม่ดีด้วย จิตตกมาอยู่ที่ตาตุ่มแบบอารมณ์เสียทันที แล้วยังตัดพ้อต่อว่าเธอบ่อยๆว่าให้ไปหาแฟนเป็นทหารซะ ถึงยังไงผมก็ยังพาเธอไปเที่ยวที่ต่างๆพร้อมกับ ก.เสมอ และเธอก็ไม่เคยนั่งเบาะหน้าข้างผมเลยสักครั้ง จนปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2566นี้ เธอให้พาไปเที่ยววัดหงษ์ทอง ที่อยู่ติดทะเล จ.ชลบุรี เป็นครั้งแรกที่พาเที่ยวไกลที่สุด แล้วเธอทั้งสองก็เอ่ยปากว่าอยากไปบางแสน ล.บอกว่าเคยไปมาครั้งเดียว อยากไปอีก ส่วน ก.บอกว่ามีแฟนรู้จักกันทางเฟซบุ๊คอยู่ที่บางละมุง เมืองพัทยา อยากไปหา ผมก็เป็นคนใจง่าย ตามใจคนรัก และปากเบา จึงรับปากว่าอีกไม่นานจะพาไป เพราะคิดแค่ว่าอีกไม่นานก็ต้องจากกัน และเธออาจไปมีผัวอยู่ที่สุรินทร์ก็ได้ อยากจะเอาใจให้เธอมีความสุขที่สุด
ถึงตรงนี้แล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหาใดๆที่ทำให้เกิดเรื่องที่เจ็บปวด กรุณารอติดตามตอนต่อไปครับ