B2B คืออะไร โมเดลการทำธุรกิจที่คุณควรรู้
การทำธุรกิจนั้นมีหลากหลายสิ่งที่ต้องคำนึงถึงสิ่งต่างๆมากมาย ต้องวางแผนธุรกิจ สินค้า ค่าใช้จ่าย ซึ่งในส่วนสำคัญของการทำธุรกิจนั้นคือภาพโดยรวมของธุรกิจว่าสิ่งที่เราขายเพื่อทำรายได้นั้นคืออะไร ขายให้ใครซึ่งจึงเป็นที่มาของการทำโมเดลธุรกิจ ซึ่งต้องเกริ่นก่อนว่า b2b นั้นคือโมเดลธุรกิจ หรือ Business model ประเภทหนึ่ง ซึ่งยังมีอีกหลายโมเดลเช่น b2c c2c b2b2c ซึ่งกลยุทธ์ การตลาด ลูกค้านั้นจะต่างกันไปตามโมเดลธุรกิจ
จากที่กล่าวมาว่ามีโมเดลธุรกิจทั้ง b2b, b2c c2c, b2b2c ว่าแต่โมเดลธุรกิจ b2b นั้นคืออะไร แตกต่างกับ b2c และ b2c อย่างไร ไปดูบทความนี้กัน
B2B คืออะไร
B2B นั้นย่อมาจากคำว่า (Business to Business) ซึ่งมันคือการทำธุรกิจที่ติดต่อซื้อขายระหว่างองค์กรธุรรกิจด้วยกัน หรือนั่นคือระหว่างผู้ประกอบการด้วยกัน ไม่ใช่การซื้อจากบุคคลธรรมดา ซึ่งธุรกิจประเภทนี้เราอาจเคยได้ยินมาบ้างเช่น บริษัทที่เป็นเอเจนซี่ บริษัทที่บริการจัดอบรมหรือสัมมนาให้กับองค์กร บริษัทผลิตขายส่งให้กับธุรกิจอื่นๆที่นำสินค้านั่นไปต่อยอด หรือ บริษัทที่เป็นที่ปรึกษาด้านกฏหมายสำหรับองค์กร เป็นต้น
โดยการตลาดที่ธุรกิจทำการซื้อขายระหว่างองค์กรนั้น จุดประสงค์หลักคือการนำกลุ่มองค์กรที่เกี่ยวกับสินค้าของทางธุรกิจมาเป็นลูกค้าโดยใช้กลยุทธ์ b2b นั่นเอง
B2B B2C และ C2C แตกต่างกันอย่างไร
อย่างที่เกริ่นไปว่า b2b b2c และ c2c นั้นการใช้กลยุทธ์ต่างๆและกลุ่มลูกค้านั้นต่างกันไปตามจุดประสงค์ของธุรกิจนั้น ๆ ซึ่งเราสามารถอธิบายจุดประสงค์ของโมเดลธุรกิจระหว่าง b2b b2c และ c2c เพื่อบอกข้อแตกต่างได้ดังนี้
B2B (Business to Business)
โมเดลธุรกิจแบบ b2b นั้นจะเน้นไปยังกลุ่มเป้าหมายไปที่องค์กร บริษัท หรือ หน่วยงานต่างๆ ในกรณีที่ธุรกิจของคุณทำเกี่ยวกับซอฟต์แวร์หรืออุปกรณ์ทางด้านไอที เป้าหมายของธุรกิจคุณนั้นคือการเน้นขายไปที่เจ้าหน้าที่สารสนเทศ หรือ ผู้มีอำนาจในการใช้งบบริษัทจัดซื้อสินค้าของคุณเพื่อธุรกิจของลูกค้าเอง ซึ่งกลยุทธ์หลักๆนั้นจะเป็นเรื่องของความเชื่อมั่นเกี่ยวกับสินค้า ประสิทธิภาพคุ้มราคา ได้มาตรฐาน ติดต่อได้สะดวก เพื่อให้ทางองค์กรที่เป็นกลุ่มลูกค้าของ b2b นั้นสนใจ
B2C (Business to Customer)
b2c นั้นเรียกได้ว่าใกล้ตัวเลยทีเดียวนั่นคือธุรกิจที่ขายสินค้าให้แก่กลุ่มผู้บริโภคที่เป็นรายบุคคลโดยตรง ดังนั้นกลยุทธ์การตลาดจะเน้นไปทางการทำคอนเทนต์ที่สนุก หรือการโฆษณาตามสื่อ โดยธุรกิจตัวอย่างที่เป็น Business to Customer ได้แก่พวก อาหาร เสื้อผ้า การบริการต่างๆ เช่น โรงแรม เป็นต้น
C2C (Customer to Customer)
ประเภท c2c นั้นคือในการซื้อขายระหว่างผู้บริโภคและผู้บริโภค หรือให้เข้าใจง่ายนั่นคือ คนทั่วไปนั้นนำสินค้ามาขาย เป็นมือสอง หรือ แลกเปลี่ยนกัน โดยอาจเป็นบนแพลตฟอร์มต่างๆ หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันระหว่างผู้บริโภคนั่นนับเป็น c2c ด้วยนั่นเอง
ลักษณะของธุรกิจ B2B
ลักษณะของโมเดลธุรกิจประเภท b2b นั้นคือการทำธุรกิจประเภทสินค้าหรือบริการให้กับกลุ่มลูกค้าที่เป็นองค์กรธุรกิจ บริษัท หรือ หน่วยงานต่างๆ สิ่งที่ยากสำหรับ b2b นั้นคือการหากลุ่มลูกค้าประเภทนี้เนื่องจาก กลุ่มลูกค้าประเภท องค์กร บริษัท หรือ หน่วยงานต่าง ๆ นั้นเล็กกว่ากลุ่มลูกค้าประเภทผู้บริโภครายบุคคลมาก แต่อย่างไรก็ตามนั้นกลุ่มองค์กรธุรกิจนั้นจะซื้อสินค้ามากกว่าผู้บริโภครายบุคคลทั่วไปดังนั้น ยอดขายของโมเดลธุรกิจประเภท b2b นั้นไม่มากแต่กำไรนั้นจะสูงมากในการขายแต่ละครั้ง เนื่องจากองค์กรธุรกิจ บริษัท หรือ หน่วยงานต่าง ๆ นั้นซื้อเป็นจำนวนมาก
ธุรกิจ B2B ดีอย่างไร?
b2b นั้นมีข้อดีที่เป็นจุดแกร่งหลายข้อด้วยกัน โดยมีดังนี้
- ต้นทุนต่ำในการส่งเสริมการขาย- ธุรกิจ b2b นั้นส่วนมากการโฆษณาหรือไปให้ถึงกลุ่มลูกค้านั้นจะเน้นไปที่การให้พนักงานไปติดต่อโดยตรงหรือเปิดบูธตามเทศกาลงานธุรกิจต่างๆ ดังนั้นค่าใช้จ่ายในตรงนี้จะน้อยเมื่อเทียบกับการส่งเสริมการขายกับโมเดลธุรกิจประเภทอื่น ๆ
- สัญญาการขายระยะยาว - โมเดลธุรกิจแบบ b2b นั้นการซื้อขายระหว่างผู้ผลิตสินค้ากับผู้จัดหาวัตถุดิบหรืออาจเป็นซอฟต์แวร์นั้นส่วนมากจะเป็นระยะยาวรวมถึงบริการหลังการขายต่าง ๆ ด้วยและหากบริการหลังการขายและสินค้าที่ขายนั้นดีก็มีแนวโน้มที่จะต่อสัญญาเพื่อลดความยุ่งยากต่างๆในธุรกิจด้วย
- ขายได้จำนวนมากต่อยอดขาย - การขายสินค้าให้กับผู้จัดหาวัตถุดิบ(supplier) นั้นส่วนใหญ่ทาง supplier นั้นจะซื้อครั้งละจำนวนมากเพื่อลดกระบวนการซื้อขายบ่อยๆ จึงทำให้โมเดล b2b ได้เม็ดกำไรสูงในแต่ละยอดขาย และ ทำให้ลดต้นทุนต่อหน่วยได้ด้วย
ตัวอย่างธุรกิจ B2B
โมเดลธุรกิจแบบ b2b นั้นเป็นได้ทั้งสินค้า และ บริการ และอยู่ในหลายในอุตสาหกรรม เช่น บริษัทให้บริการทางด้านธุรกิจ หรือ สินค้าที่โดยจะยกตัวอย่างและกระบวนการของโมเดล b2b ดังนี้
- b2b ที่เป็นสินค้า - เป็นโมเดลธุรกิจที่ขายตัวสินค้ารวมถึงบริการหลังการขาย ยกตัวอย่างเช่น บริษัท a นั้นผลิตและพัฒนาซอฟต์แวร์ โดยจุดประสงค์และกลุ่มตลาดนั้นคือ องค์กรธุรกิจ หรือหน่วยงานต่างๆ โดยเป็นซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวกับการจัดการและเก็บข้อมูล เพื่อสะดวกต่อการเข้าถึงข้อมูลสำหรับองค์กร และมีบริการหลังการขายในการอบรมพนักงานฟรี หรือ ให้คำปรึกษาและแก้ไขในกรณีที่เกิดปัญหากับตัวสินค้า
- b2b ที่เป็นบริการ - เป็นธุรกิจ b2b ที่ขายเป็นบริการ เช่น บริษัท D เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการให้ปรึกษาด้านกฏหมายทางธุรกิจ เช่น กฏหมายพาณิชย์ กฏหมายทรัพย์สิน กฎหมายการลงทุน เป็นต้น
ธุรกิจ B2B ส่งผลต่อ Market Share อย่างไร
ด้วยขนาดของกลุ่มตลาด b2b คือสิ่งที่แตกต่างจาก b2c โดยกลุ่มฐานลูกค้าของ b2b นั้นจะเล็กกว่า b2c ที่เน้นกระจายไปให้มากที่สุด ซึ่ง b2b นั้นคือการหาองค์กรธุรกิจ หรือ หน่วยงาน ที่สนใจในสินค้านั้นๆที่ตรงกับธุรกิจของตัวเอง ซึ่งอาจเป็นการให้พนักงานไปติดต่อโดยตรง หรือ ส่งใบเสนอราคาไปที่อีเมลทางฝั่งผู้จัดซื้อ ซึ่งโดยปกตินั้น b2b จะได้กำไรที่สูงกว่า b2c ในการขายที่สูงในแต่ละครั้งเนื่องจากการทางฝั่งองค์กรธุรกิจที่ซื้อนั้นส่วนใหญ่ซื้อในปริมาณที่ครั้งละมากๆ หรือ เซ็นสัญญานานนั่นเอง
ซึ่งในบทความนี้เราจะลิสต์สิ่งที่ธุรกิจ b2b ควรทำเพื่อให้ธุรกิจของคุณเติบโตขึ้น
1. ธุรกิจ b2b ต้องพัฒนา และ รักษาลูกค้าไว้เสมอ
ยิ่งเป็นสินค้าที่เกี่ยวกับซอฟต์แวร์หรือบริการรายเดือนนั้นสำคัญมากเพราะส่วนใหญ่จะเป็นการทำสัญญาที่กินระยะเวลานาน โดยในขณะนั้นธุรกิจ b2b ต้องพัฒนา หรือ ปรับปรุงสินค้าบริการตัวเองอย่างสม่ำเสมอ และ คอยติดต่อหรือสอบถามลูกค้าว่ามีปัญหา หรือ มีข้อเสนอแนะอย่างไรบ้าง
2. ธุรกิจ b2b ต้องมีช่องทางการเข้าถึง หรือ แสดงอยู่บนอินเตอร์เน็ตอย่างดี
ธุรกิจ b2b ส่วนใหญ่นั้นลงทุนกับการออกแบบเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ เข้าถึงได้ง่ายไม่ยุ่งยาก แสดงเนื้อหาที่ครบถ้วนชัดเจนเพื่อการเข้าถึงข้อมูลและให้ลูกค้าสนใจในผลิตภัณฑ์ และการจัดทำ SEO เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณเสิร์ชหาพบได้ง่ายขึ้น
3. ธุรกิจ b2b นั้นต้องมีความสามารถในจัดการเรื่องค่ายใช้จ่าย และ การชำระหนี้ที่อาจเกิดความล่าช้า
ธุรกิจ b2b นั้นจะได้เงินช้าเนื่องจากการออกใบแจ้งหนี้ให้กับลูกค้านั้นในช่วงระยะเวลา 30 หรือ 60 วันทำให้ในวันนั้นไม่ได้รับเงิน หากเกิดกรณีที่บริษัทเกิดผลกระทบจากใบแจ้งหนี้เยอะๆ นั้นจะต้องมีวิธีการในการจัดการงบประมาณหรือ ช่องทางต่างๆเพื่อจัดการงบได้
6 กลยุทธ์การตลาดสำหรับธุรกิจ B2B
B2B Marketing คืออะไร
b2b marketing นั้นการตลาดจะไม่สร้างสรรค์หรือหลากหลายแบบ b2c มากนั้น b2b marketing นั้นเน้นไปที่การสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์และสินค้า และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าคิดว่าคุ้มค่ากับธุรกิจของตนเอง และสนใจใช้บริการ
โดยกลยุทธ์หลักๆที่ b2b นิยมใช้กันมีด้วยกัน 6 กลยุทธ์ดังนี้
ให้ความสำคัญกับ Email Marketing
การใช้กลยุทธ์ Personalize Email พบว่าทำให้อีเมลที่ส่งไปยังลูกค้านั้นถูกเปิดเพิ่มขึ้นถึง 25% เลยทีเดียวซึ่งนับว่าเป็นการตลาดที่ b2b และ b2c ใช้ซึ่งประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง
CRM Marketingใช้ chatbot เพิ่มประสิทธิภาพ
บางครั้งการติดต่อสื่อสารโดยใช้บุคลากรนั้นอาจเกิดความล่าช้าจากปัญหาต่าางๆ การใช้ chatbot เข้ามาเพิ่มนั้นทำให้มีความสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น โดยมีสถิติว่าธุรกิจ b2b กว่า 46%นั้นเลือกใช้ chatbot แทนมนุษย์เพื่อลดความผิดพลาดและสะดวกยิ่งขึ้น
SEO Marketing
การทำ SEO นั้น ช่วยให้สินค้าหรือข้อมูลที่เราเสนอพบเจอได้ง่ายขึ้น ทำให้เพิ่มโอกาสที่ลูกค้าพบสินค้าเราได้นั่นเองซึ่งไม่ได้นิยมกันเฉพาะ b2c เท่านั้น b2b ต้องทำ SEO เพิ่มช่วยให้เว็บไซต์หรือคอนเทนต์อื่นๆเป็นตัวเลือกสำหรับเข้า Lead
Account Based marketing
การรวบรวมข้อมูลของลูกค้าหรือบริษัทต่าง ๆ และตรวจสอบว่าธุรกิจใดบ้างที่เหมาะกับสินค้า หรือ บริการของเราและรวบรวมข้อมูลเพื่อทำการเสนอหรือโฆษณาแก่ธุรกิจนั้น ๆ ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสให้ธุรกิจ b2b ติดต่อลูกค้าได้ถูกกลุ่มเป้าหมายมากขึึ้น
Social Media Marketing
Social Media นั้นนอกจาก b2c จะนิยมแล้ว ทางโมเดล b2b นั้นจะเน้นไปการที่สร้างภาพลักษณ์ ให้ความรู้เกี่ยวกับสินค้า หรือ เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มฐานลูกค้าจากเดิม ทำให้เป็นที่รู้จักและเสนอขายได้ง่ายขึ้น
ให้ความสำคัญกับ Lead Conversion
เราสามารถสร้าง Digital event สำหรับ b2b เพื่อให้ลูกค้านั้นได้รับข่าวสารต่างๆเกี่ยวกับธุรกิจ b2b ของเรา และ subscribe เพื่อได้รับข้อมูลเพิ่มเติมและไปยัง Lead อีกทีได้ ซึ่งจะช่วยให้ การเข้าสู่ Lead นั้นมีประสิทธิภาพมากขั้น
B2B2C (Business to Business to Customer) คืออะไร
b2b2c นั้นให้เข้าใจง่ายที่สุดนั่นคือนำ b2b และ b2c มาไว้ด้วยกันซึ่งผู้บริโภคคนสุดท้ายที่ซื้อสินค้าจาก b2c นั้นจะรับรู้และใช้บริการของ b2b ด้วยนั่นเอง
B2B แตกต่างจาก B2B2C อย่างไร
b2b นั้นจะเป็นการทำธุรกิจระหว่างองค์กรด้วยกันหรือธุรกิจกับธุรกิจเช่นในกรณีขายปลีก สำหรับ b2b2c นั้นจะเป็นการที่ขายระหว่างองค์กรธุรกิจด้วยกันและขายให้แก่ผู้บริโภคทั่วไปด้วย
ตัวอย่างธุรกิจ B2B2C
ตัวอย่างในเรื่องแอปพลิเคชันสั่งซื้อสินค้าออนไลน์เช่น Shopee Amazon ที่ทำธุรกิจ b2b2c ซึ่งจากตัวอย่าง Amazon นั้นธุรกิจ b2b นั้นคือให้พื้นที่ร้านค้าเล็กๆใช้แพลตฟอร์มตนเองเพื่อขายของแก่ผู้บริโภคสุดท้ายซึ่งนับเป็น b2c ด้วยเช่นกัน
เช็กกันดีกว่าว่าธุรกิจของคุณเป็น B2B หรือไม่
วิธีเช็กที่ง่ายนั้นคือดูว่าธุรกิจที่คุณทำนั้นเป็นการขายให้กับธุรกิจด้วยกัน หรือเป็นผู้บริโภคบุคคลทั่วไป หากว่าธุรกิจคุณนั้นเป็นธุรกิจที่ขายให้กับองค์กรธุรกิจหรือ หน่วยงานต่าง ๆ เป็ฯหลักนั้น เรียกได้ว่าเป็น โมเดลธุรกิจแบบ b2b แล้วนั่นเอง