เช็คเครื่องใช้ไฟฟ้า หากเปิด 1 ชั่วโมง กินไฟไปเท่าไหร่ ??? พร้อมแนะนำวิธีการประหยัดไฟ
เป็นเรื่องที่แชร์กันสนั่นเกี่ยวกับเรื่องค่าไฟแพงกว่าปกติ แต่ก่อนบางคนจ่ายเพียงแค่เดือนจะหลักร้อยกลับต้องมาจ่ายแพงขึ้นเป็นหลักพัน
ส่วนใครที่แต่ละเดือนจ่ายแพงอยู่แล้ว ก็ยิ่งทวีความแพงไปอีก
ยิ่งหน้าร้อนนี้ ค่าไฟยิ่งเพิ่มสูงขึ้น เพราะทุกบ้านล้วนเปิดพัดลมและเครื่องปรับอากาศ อีกทั้งบ้านไหนที่มีเด็กวัยเรียนช่วงนี้ก็เป็นช่วง
ปิดเทอมของนักเรียน อีกด้วย ทำให้มีการใช้ไฟเพิ่มขึ้นกว่าเดิม
ค่าไฟแพง เป็นเรื่องที่ร้อนปรอทแตกมาก ๆ เพราะในช่วงเดือนเมษายนนี้โลกโซเชียลต่างมีการแชร์บิลค่าไฟกันให้ว่อน
แต่ทางการไฟฟ้าก็ได้ออกมาชี้แจงถึงสาเหตุค่าไฟแพงไปแล้ว เพราะเข้าสู่หน้าร้อนคนใช้ไฟมากขึ้น
แค่อากาศร้อนขึ้นก็ทำให้ค่าไฟสูงขึ้นร้อยละ เป็นสาเหตุให้เแม้จะใช้ไฟฟ้าเท่าเดิม แต่ค่าไฟฟ้ากลับเพิ่มขึ้น
ดังนั้นอยากให้ทุกคนลองมาเช้คดูว่า ในทุก 1 ชั่วโมงนั้น เครื่องใช้ไฟฟ้ากินไฟไปเท่าไหร่ ชนิดไหน กินไฟสูงสุด
จะได้ช่วยกันประหยัด ไม่ต้องมานั่งจ่ายค่าไฟแพงที่พุ่งสูงปรี๊ดทุกเดือน
เครื่องปั้มน้ำ 150-200 วัตต์ ชั่วโมงละ 60-80 สตางค์
ตู้เย็น (7-10 คิว) 70-175 วัตต์ ชั่วโมงละ 28-58 สตางค์
เครื่องทำน้ำอุ่น 3,000-5,000 วัตต์ ชั่วโมงละ 12-20 บาท
เครื่องฟอกอากาศ 2-25 วัตต์ ชั่วโมงละ 0.8-10 สตางค์
เครื่องปรับอากาศ 1,200 - 3,300 วัตต์ ชั่วโมงละ 5-13 บาท
หลอดไฟ LED T8 16 วัตต์ ชั่วโมงละ 6.4 สตางค์
Notebook 40-65 วัตต์ ชั่วโมงละ 16-26 สตางค์
ชาร์จมือถือ 6 วัตต์ ชั่วโมงละ 2.4 สตางค์
ทีวี 80-180 วัตต์ ชั่วโมงละ 32-72 สตางค์
เตารีด 750-2,000 วัตต์ ชั่วโมงละ 3-8 บาท
เครื่องซักผ้า 3,000 วัตต์ ชั่วโมงละ 12 บาท
6 วิธีเซฟค่าไฟแพง
1. ทำความสะอาดเครื่องใช้ไฟฟ้า
เป็นวิธีแรก ที่ช่วยลดการทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้า และส่งผลต่อการใช้ไฟฟ้าทันที ไม่ว่าจะเป็นตู้เย็นที่แช่ของมากมายเกินความจำเป็น
แอร์ที่นานจนฝุ่นเกาะ พัดลม เครื่องกรองอากาศ
2. ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้า ถอดปลั๊กเมื่อไม่ใช้งาน
คนในบ้านช่วยกันสอดส่อง หลักเลิกใช้งานให้ปิดและถอดปลั๊ก เพื่อลดการจ่ายไฟ ทั้งที่ไม่ได้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นสวิตซ์ไฟ
ปลั๊กพัดลม หรือ ทีวี
3. เลือกใช้หลอดไฟฟ้า LED
ได้เวลาเปลี่ยนหลอดไฟที่เป็นหลอดเก่ากินไฟ มาเป้นหลอด LED ประหยัดไฟรวมไปถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าแบบประหยัดไฟอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน
4. ไม่ชาร์จโทรศัพท์ข้ามคืน
สมัยนี้ไม่เป็นต้องชาร์จมือถือทิ้งไว้ทั้งคืน หรือชาร์จตลอดเวลาเพื่อให้เต็มแล้ว สมาร์จโฟนส่วนใหญ่จะมีระบบฟาร์สชาร์จ
เพื่อประหยัดเวลาและประหยัดไฟด้วย
5. เปิดแอร์ในอุณหภูมิที่เหมาะสม หรือ ใช้พัดลมช่วย
การเปิดแอรืและพัดลมพร้อม ๆ กัน จะช่วยประหยัดไฟได้ ด้วยการเปิดแอร์ด้วยอุรหภูมิที่สูงหน่อย สัก 26-28 องศา
จะทำให้คอมเพรสเซอร์แอร์ทำงานน้อยลง จึงทำให้ใช้ไฟน้อยลงด้วย และเปิดพัดลมจะช่วยเพิ่มความเร็วลม
ทำให้ความเย็นกระจายตัวได้มากขึ้น เมื่อมีลมเยอะ อากาศจะลดลงกว่าอุณหภูมิที่ตั้งไว้ 1-2 องศา
วิธีนี้จะช่วยประหยัดไฟในช่วงหน้าร้อนไดอย่างดี
6. เลือกใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีฉลาก ประหยัดไฟเบอร์ 5
เพราะเป้นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ได้รับการการันตีแล้วว่า ประหยัดไฟจริง ตามมาตรฐานที่ กฟผ. และกระทรงพลังงานกำหนด