สหรัฐอเมริกา กับ 7 เมืองที่โด่งดังขึ้นได้จากเรื่องแปลก ที่คุณอาจไม่เคยได้ยินมาก่อน
ช่วงนี้อากาศร้อนผิดปกตินะครับ เลยจะมานำเสนออะไรที่มันแปลกๆใหม่ๆ จากต่างประเทศโดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา
7 เมือง ในสหรัฐ ที่โด่งดังขึ้นได้จากเรื่องแปลกๆที่คุณไม่เคยได้ยินมาก่อน น่าสนใจแล้วใช่ไหมครับเดี๋ยวเรามาเข้าดูรายละเอียดกันเลยดีกว่า
สหรัฐอเมริกา กับ 7 เมืองที่โด่งดังขึ้นได้จากเรื่องแปลก ที่คุณอาจไม่เคยได้ยินมาก่อน
อเมริกาเป็นประเทศขนาดใหญ่และเต็มไปด้วยวัฒนธรรมหลากหลาย นอกจากเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลกแล้ว ก็ยังมีอีกหลายเมืองมีเรื่องราวที่น่าสนใจจนมีชื่อเสียงจากเรื่องแปลกจนสามารถดึงดูดเม็ดเงินมากมายจากการท่องเที่ยวได้ วันนี้เราขอเสนอ 7 เมืองในอเมริกาที่มีชื่อเสียงจากเรื่องสุดแปลกที่คุณอาจไม่เคยได้ยินมาก่อน
1. ริเวอร์ไซด์ รัฐไอโอวา – สถานที่เกิดของกัปตันเคิร์กในอนาคต
เมืองริเวอร์ไซด์เป็นเมืองขนาดเล็กในตอนกลางของไอโอวา สโลแกนของเมืองนี้คือ “จุดเริ่มต้นของสตาร์เทรค” แน่นอนว่ามันหมายถึงกัปตันเจมส์ ที เคิร์ก ผู้นำของยานยูเอสเอส เอ็นเตอร์ไพรส์ ในหนังสือสตาร์เทรคระบุไว้ว่าเขาจะเกิดในวันที่ 22 มีนาคม ปี 2228 ในเมืองไอโอวา ทำให้เมืองริเวอร์ไซด์เอาเรื่องราวเหล่านี้มาใช้เป็นจุดขายพร้อมทั้งเริ่มต้นเทศกาลสตาร์เทรคขึ้นอีกด้วย
(แต่ตามความจริงไม่มีการระบุถึงเมืองนี้ทั้งในภาพยนตร์และหนังสือนะ)
2. ซีวอร์ด รัฐเนบราสกา – ไทม์แคปซูลที่ใหญ่ที่สุดในโลก
เมืองขนาดเล็กแห่งนี้มีชายที่ชื่อแฮโรลด์ เดวิสซัน ในปี 1975 เขาอยากแน่ใจว่าเขาได้รักษาสิ่งของมากมายไว้ให้คนยุคใหม่ได้เห็นสิ่งของล้ำค่าในยุคนั้นและลงมือสร้างไทม์แคปซูลขนาดยักษ์ขึ้นมา ที่เก็บมีขนาด 45 ตันบรรจุด้วยสิ่งของมากกว่า 5,000 ชิ้นจากยุค 1970 บันทึกสถิติโลกกินเนสส์ได้ประกาศว่าไทม์แคปซูลของเขามีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกจนทำให้เมืองมีชื่อเสียงจนดึงดูดความสนใจจากนักท่องเที่ยว ไทม์แคปซูลของเขาจะเปิดออกในวันที่ 4 กรกฎาคม 2025 ถ้าใครสนใจก็เตรียมจองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้าได้เลย
3. คลาสก์เดล รัฐมิสซิสซิปปี – ทางแยกปีศาจ
โรเบิร์ต จอห์นสัน มือกีต้าร์เพลงบลูส์ที่เก่งกาจที่สุดคนหนึ่งของโลก เขาคือต้นกำเนิดของเรื่องราวในตำนานที่ว่ากันว่าเขาขายวิญญาณให้กับปีศาจที่สี่แยกเพื่อแลกกับพรสวรรค์ทางด้านดนตรี โดยเขาได้ทำสัญญากับปีศาจที่เมืองคลากส์เดล มิสซิสซิปปีแห่งนี้ซึ่งเป็นสี่แยกของถนนสาย 61 และ 49 ทำให้ทางแยกแห่งนี้มีชื่อเสียงนับแต่นั้นเรื่อยมา ถ้าคุณกำลังสิ่นหวังบางทีคุณอาจจะอยากลองแวะไปที่เมืองแห่งนี้ดูก็ได้
4. เซนทราเลีย รัฐเพนซิลเวเนีย – เมืองผีต้นกำเนิดหนังสยองขวัญ
เมืองลุกเป็นไฟแห่งนี้มีจุดเริ่มต้นในปี 1960 เมื่อเหมืองถ่านหินใต้เมืองเกิดติดไฟขึ้นจนทำให้เกิดควันและความร้อนปกคลุมไปทั่วทั้งเมือง ทำให้ผู้คนเริ่มย้ายหนีจากเมืองไปจนเกือบหมดสิ้น เมืองมีเหตุการณ์แก๊สระเบิด พื้นดินยุบและสิ่งอันตรายมากมายจนทางการประกาศยึดพื้นที่ทั้งหมดในบริเวณนั้นคืน แต่ยังมีประชาชนที่กล้าหาญส่วนน้อยที่ยังอาศัยอยู่บริเวณนั้น นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าไฟที่ลุกใต้ดินจะยังคงเป็นแบบนั้นไปอีก 250 ปี
5. สก็อตโบโร รัฐแอละแบมา – เมืองหลวงแห่งกระเป๋าหาย
แอละแบมามีชื่อเสียงจากทีมอเมริกันฟุตบอลรวมทั้งภาพยนตร์ “Forrest Gump” แต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่สร้างชื่อให้เมืองนี้ก็คือ กระเป๋าที่คนลืมหรือทำหายจากสายการบินจะมารวมกันอยู่ที่นี่ และเมืองสก็อตโบโร่คือสถานที่รวบรวมกระเป๋าเหล่านั้นไว้ เมื่อสายการบินหาเจ้าของกระเป๋าที่ถูกลืมไว้ไม่เจอ มันจะถูกส่งมายังศูนย์เก็บสัมภาระที่ยังไม่มีใครรับไป มีสิ่งของมากมายที่ถูกลืมทิ้งไว้ทั้งกระเป๋าเอกสารเก่าแก่ เครื่องประดับล้ำค่าจากยุคอียิปต์โบราณ เอกสารทางการลับและแม้แต่แหวนเพชร 5.8 กะรัตก็ถูกพบที่นี่อีกด้วย
6. กิบซอนตัน รัฐฟลอริดา – เมืองแห่งการแสดง
คุณเคยสงสัยไหมว่านักแสดงโชว์ในละครสัตว์เร่ใช้ชีวิตที่ไหนหลังเกษียณ คำตอบคือเมืองกิบซอนตัน ฟลอริดา ที่เหล่านักแสดงในโรงละครสัตว์เร่มารวมตัวกัน คนเหล่านี้มีทั้งคนแคระ คนเท้ายักษ์ สาวหมาป่าที่ขนขึ้นบนหน้า พวกเขาต่างถูกสังคมปฎิเสธจนทำให้พวกเขามารวมตัวกันในเมืองกิบทาวน์แห่งนี้ ที่ซึ่งปฎิบัติต่อพวกเขาเหมือนกับคนปกติ ที่นี่มีร้านค้าและสถานบริการที่ให้บริการสำหรับคนแคระ โต๊ะในสถานีตำรวจสำหรับคนยักษ์และร้านขายของที่เปิดโดยคู่แฝดสยาม
7. ไวทเทียร์ รัฐอะแลสกา – เมืองภายใต้หลังคาเดียว
ด้วยประชากรเพียง 218 คนในเมืองไวทเทียร์ทำให้พวกเขาอาศัยอยู่ในอาคารหลังเดียวกันทั้งหมด มันคือคอนโดมีเนียมที่มีขนาด 14 ชั้น เดิมทีออกแบบมาเพื่อใช้เป็นโรงทหารของกองทัพระหว่างปี 1950 หลังจากที่กองทัพย้ายออกไปผู้คนใช้อาคารแห่งนี้ทั้งเป็นที่อยู่อาศัยและใช้เป็นที่ทำภารกิจประจำวัน ทั้งร้านค้า โบสถ์ สถานีตำรวจและแม้แต่ที่ทำการไปรษณีย์ของเมือง เรียกได้ว่าเมืองก็คือตึกนั้นเอง
คุณสามารถไปที่เมืองแห่งนี้ได้ทางเรือที่ไกลมาก หรือทางรถยนต์ผ่านอุโมงค์ใต้ภูเขาไปเกือบวันกว่าจะทะลุไปอีกฝั่งได้ ชุมชนที่นี่เรียกได้ว่าสันโดษและมีความสนิทสนมกันอย่างมาก
เป็นยังไงบ้างครับกับเมืองแปลกในอเมริกาที่นำจุดเด่นของเมืองที่มีน้อยนิดมาทำให้เป็นจุดขายได้ แล้วเมืองของเพื่อน ๆ มีของดีแบบไหนบ้าง บอกเราได้คอมเมนต์
สุดท้ายนี้หวังว่าบทความนี้จะมีความรู้แปลกๆใหม่ๆ ให้กับเพื่อนๆบ้าง พอสมควรนะครับ
ที่มา: elitereaders