เอาอากาศบริสุทธ์ เป็นเงินในกระเป๋า วราวุธย้ำเป็นไปได้จริงกับ คาร์บอนเครดิตร

ไม่ๆน่าเชื่ออุตสาหกรรมอาหารจะสามารถปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ถึงปีละ 1.37 หมื่นล้านกิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หรือ 26% ของปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ที่ปล่อยออกมาจากกิจกรรมของมนุษย์ในแต่ละปี ซึ่งการผลิตอาหารเป็นกิจกรรมที่ต้องพึ่งพา

.

ทรัพยากรธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น ที่ดิน 50 % เเละ 70% ของน้ำจืดทั่วโลกถูกใช้เพื่อการเกษตร และการเกษตรก็เป็นหัวใจหลักในการผลิตอาหารมุ่งสู่ตลาดและการบริโภคในโลกทุนนิยม

ปัจจุบันในเมื่อการเกษตรเป็นสิ่งที่มนุษย์หลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะประเทศไทย ประเทศที่ได้ฉายา " ครัวโลก" เพราะว่าเป็นประเทศเกษตรกรรมเกิน 60% ของพื้นที่ทั้งหมด ในอนาคตย่อมหนีไม่พ้น การอาจเป็นประเทศที่อาจมีการปล่อยมลพิษจากการเกษตรเป็นแน่

เพราะตอนนี้ประเทศไทย เจอกับฝุ่น PM 2.5 เกือบทุกปี และการเกษตรแบบเก่าที่ชาวบ้านยังมีวิถีการทำการเกษตรแบบดั้งเดิม อาทิเช่นการเผาอ้อย การทำไร่เลื่อนลอยในหลายพื้นที่ หรือแม้กระทั่งการใช้เคมีภัณฑ์ในกระบวนการการเพาะปลูกส่งผลให้มีปริมาณคาร์บอนจำนวนมาก และอาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อสิ่งแวดล้อม และสุขภาพคนในประเทศ และในอนาคตอาจรวมไปถึงกำแพงภาษีเกี่ยวกับมลภาวะจากประเทศในกลุ่มพวกประเทศที่เคร่งครัดเรื่องสิ่งแวดล้อม

.

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ตระหนักและเห็นถึงปัญหาดังกล่าว จึงมีนโยบายผลักดันในการส่งเสริม และ พัฒนาให้เกษตรกรไทยโดยมีการผลักดัน ให้เกษตรกรไทย ขายคาร์บอนเครดิต เพื่อเป็นแรงผลักดันในการหารายได้ และเป็นการลดปัญหามลภาวะสิ่งแวดล้อมให้ยั่งยืน อีกทั้งลดผลกระทบทางด้านภาษีในอนาคตในการส่งออกผลิตผลทางการเกษตรอีกด้วย

.

แม้ในปัจจุบัน การขายคาร์บอนเครดิตรอาจมีเพียงพืชประเภทต้นไม้ยืนต้นที่สามารถดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศได้ แต่นับเป็นก้าวแรกของโลกที่ชาวนาไทย ขายคาร์บอนเครดิตจากการปลูกข้าว แล้วมีการซื้อขายระหว่างเกษตรกรกับผู้ประกอบการต่างชาติโดยตรง โดยรับซื้อตันละ เกือบ 500บาท ต่อตัน หรือคิดเป็นต่อ 1 ไร่อีกด้วย

.

แม้จะเป็นก้าวแรกของคนไทย แต่เป็นก้าวที่มีพลังในการปฏิวัติการเกษตรรุ่นใหม่ให้ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และอนาคต