สุดยอดสมุนไพรลดน้ำตาลในเลือด!!
สมุนไพรในประเทศไทยมีมากมายหลายชนิด แต่ละชนิดล้วนแต่มีคุณประโยชน์มากมายตามที่เราต้องการ แต่มีเพียงไม่กี่ชนิดที่ช่วยลดน้ำตาลในเลือดได้..
ใบหม่อน
ในใบหม่อนมีแคลเซียมสูง มีสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญหลายชนิด เช่น เควอซิติน , แคมเฟอรอล, และ รูติน นอกจากนั้นยังพบว่า “ ชาใบหม่อน”มีสารดีเอ็นเจ (1-deoxynojirimycin) มีสรรพคุณลดระดับน้ำตาลในเลือด มีสารกาบา (gamma amino-butyric acid) ลดความดันโลหิต มีสารกลุ่มฟายโตสเตอโรล (Phytosterol) ลดไขมันในเลือด
การดื่ม"ชาใบหม่อน" ช่วยต้านทานได้หลายโรคเช่น..
-ต้านโรคมะเร็ง เหล็ก แคลเซียม สังกะสี เบต้าแคโรทีน และกรดแอสคอร์บิคเป็นสิ่งที่พบได้ในใบหม่อน แร่ธาตุและสารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้ ช่วยในการขจัดอนุมูลอิสระและช่วยลดโอกาสในการเกิดโรคมะเร็ง
- ลดระดับกลูโคสในเลือด กรดแกลลิคที่อยู่ในใบหม่อน ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดด้วยการปล่อยอินซูลินออกจากเซลล์ตับอ่อน คุณสมบัตินี้ทำให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน ช่วยยับยั้งเอนไซม์ที่ย่อยสลายน้ำตาลจากลำไส้
ใบกระเพรา
กะเพราจัดเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่ง ที่มีสรรพคุณทางยาช่วยรักษาโรคได้หลายชนิด ทั้งตำรับยาไทยและต่างประเทศเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณหลายด้าน อย่างตำราสมุนไพรไทยบ้านเราก็บรรยายสรรพคุณของกะเพราเอาไว้ว่า รสฉุน ร้อน ช่วยขับลมแก้ซาง แก้ท้องขึ้น จุกเสียดแน่นท้อง ปวดท้อง ช่วยในการย่อยอาหาร และช่วยบำรุงธาตุ เป็นต้น และในต่างประเทศก็มีการใช้กะเพราในการรักษาโรคกันอย่างกว้างขวางยิ่งกว่าบ้านเราเสียอีก โดยเฉพาะประเทศอินเดีย ถือว่ากะเพราเป็นยารักษาโรคได้ทุกโรค และยังจัดเป็นราชินีแห่งสมุนไพร (The Queen of herbs) หรือเป็นยาอายุวัฒนะ
ตำลึง
เป็นผักที่มีสารต้านอนุมูลอิสระอย่างฟลาโวนอยด์ค่อนข้างสูง สามารถช่วยรักษาและป้องกันโรคต่าง ๆ ได้ ทั้งโรคเบาหวาน เนื่องจากมีงานวิจัยที่พบว่าตำลึงช่วยลดน้ำตาลในเลือดได้ ส่วนในใบตำลึงก็มีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่หลายชนิด จึงช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งได้นั่นเอง
ทั้งนี้การกินตำลึงเพื่อลดน้ำตาลในเลือด สามารถทำได้โดยใช้เถาแก่ของตำลึงประมาณครึ่งถ้วย นำมาต้มกับน้ำ หรือนำน้ำคั้นจากผลตำลึงดิบ ๆ ดื่มวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น น้ำตำลึงก็จะช่วยลดน้ำตาลในเลือดได้..