พบเจอ "ผีกองกอย" ที่ลาว น่ากลัวมาก!!
"ผีกองกอย กลัวอำนาจจิตหลวงปู่ฝั้น"
จากข้อมูลของวิกิพีเดียระบุว่า กองกอย เป็นผีป่าชนิดหนึ่ง มีลักษณะรูปร่างไม่เป็นที่ปรากฎชัด แต่โดยมากจะอธิบายว่าเป็นผีที่มีขาข้างเดียว เคลื่อนที่โดยการกระโดดไปด้วยขาเดียว และส่งเสียงร้องว่า “กองกอยๆ” อันเป็นที่มาของชื่อ แต่บ้างก็ว่ามีปากเป็นท่อเหมือนแมลงวัน หรือเชื่อว่ามีหน้าตาคล้ายลิงหรือค่าง บ้างเรียก ผีโป่ง หรือ ผีโป่งค่าง
สันนิษฐานว่า ความเชื่อเรื่องผีโป่งหรือผีกองกอยคือ ค่างแก่หน้าตาน่าเกลียดที่ไม่สามารถขึ้นต้นไม้ได้ มีความเชื่อของคนบางกลุ่มว่า ถ้าได้ดื่มเลือดค่างจะทำให้ร่างกายคงกระพันเป็นอมตะ หรือแม้แต่สัตว์ป่าชนิดอื่นที่มีลักษณะผิดแผกไปจากปกติ ก็ถูกเชื่อว่าเป็นผีกองกอย
ผีกองกอยมีทั้งแบบที่เป็น
อสุรกาย ทางด้านเหนือเขาเรียกว่า “ผีเสื้อห้วย” เคลื่อนไหวเร็วมาก สาเหตุที่คนไม่เห็นตัวเพราะว่าไวมาก คุณโจ๋ย บางจาก ที่ทำสารคดีส่องโลก เคยไปวางกล้องดักถ่ายพวกสัตว์ป่า ถ่ายเจ้าตัวนี้ทีไรจะได้แต่ปลายตีนนิดเดียว
แล้วก็มีอสุรกายอีกประเภทหนึ่งเข้าไปสิง ศพนั้นจะไม่เน่า แล้วขนจะงอกยาวขึ้นเรื่อย ๆ กลางคืนก็จะออกมาดูดเลือดแบบ เรื่องความลับในดงดิบของ ท. เลียงพิบูลย์
.
อีกแบบน่าจะเป็นสัตว์จำพวกลิง แต่ใกล้สูญพันธ์ ตามเรื่องเล่าของชาวไทยดำ ชาวไทดำเชื่อว่าด้วยนิสัยขี้ขโมยของผีกองกอยนี่เองจึงทำให้คนเดินป่าจับย่างกินแทนสัตว์ ผีกองกอยเลยไม่มีให้เห็นในปัจจุบัน
.
แปลก ๆ อันหนึ่งก็คือ ท่าน (หลวงปู่ฝั้น อาจาโร) ไปพักอยู่ที่ ทางภาคอีสาน เขาเรียกว่า "ผีกองกอย" มันร้องกลางคืน เขาว่าถ้าผีชนิดนี้มาเยี่ยมบ่อย ๆ คนมักตายบ่อย ๆ มันกินคนอย่างลึกลับ เขาเรียกผีกองกอย ท่านก็ไปพักอยู่ที่นั่น คนที่มาพักเขาก็บอกว่า ที่แถวนี้มีผีกองกอยมันออกล่ากินเลือดชาวบ้านทุกคืน เขาเล่าให้ท่านฟัง
.
ตอนนั้นดูว่าท่านมีพระไปด้วย เป็นสององค์กับท่าน แล้วก็มีตาปะขาวคนหนึ่งรวมเป็นสามไปพักอยู่นั้น พอสามทุ่มล่วงไปแล้ว คืออยู่ในป่ามันเหมือนดึกนะ เขาบอกว่าแถวนี้มีผีกองกอย ถ้าผีกองกอยเที่ยวไปแถวไหนแล้วคนมักจะเป็นไข้ป่วยแล้วตาย เขาว่าผีพวกนี้มันกินตับคน เขาเล่ากันไปอย่างนั้นแหละท่านก็ฟังไป จึงได้เห็นผีนี้ชัดเจน นั่นเห็นไหมล่ะ
.
พอมันร้อง ตาปะขาวอยู่ที่นั่น ตรงนั้นละ สามทุ่มกว่า ๆ ท่านกำลังนั่งภาวนาอยู่ เสียงกองกอย ๆ มา ได้ยินชัดเจนเงียบ ๆ กลางคืน ที่เขาว่าเสียงกองกอย ๆ มันเสียงอย่างนั้นจริง ๆ เขาเรียกผีกองกอย พอมาถึงตาปะขาว ท่านก็วิตกถึงตาปะขาว กลัวมันจะมาทำไมตาปะขาวเพราะมันเป็นสัตว์ลึกลับ มองด้วยตาไม่เห็น พอมันมาได้จังหวะแล้วท่านก็กำหนดจิตดู ท่านพูดเองนะ โอ๋ย มันตัวเหมือนลิงท่านว่า มันเหมือนลิง พอจิตท่านส่งไป โอ๋ย มันกลัวมากที่สุดเลย พอตามันรับกับใจของท่าน เหมือนว่าตามันรับกับตาเราว่างั้นเถอะ แต่ตาเราเป็นตาใจ พอมองเห็นปั๊บวิ่งปรู๊ดเลย กลัวมากที่สุดเลย กลัวอย่างมากทีเดียว
.
เราเห็นมัน จ้องดูอยู่นี่ พอมันแพล็บเข้ามามองเห็นเรานี้ปรู๊ดวิ่งเลย ตั้งแต่วันนั้นเงียบเลย โอ๋ ได้เห็นแล้วมันเหมือนลิง ท่านว่างั้น สัตว์ตัวนี้เหมือนลิง คือมันไม่ได้เป็นรูปวัตถุนะ รูปเป็นนามธรรมแต่เหมือนลิง ท่านว่างั้น ท่านอาจารย์ฝั้นท่านเล่าให้ฟัง ท่านรู้สึกพิสดารเกี่ยวกับพวกเปรตพวกผี พวกเทวบุตรเทวดา ท่านอาจารย์ฝั้นเด่นอยู่องค์หนึ่ง นั่นละเด่นไปคนละทาง ๆ บรรดาพระเจ้าพระสงฆ์ที่เป็นนักภาวนาด้วยกัน มีนิสัยวาสนาเด่นทางไหนก็เป็นไปทางนั้น ๆ จะเป็นขึ้นมาเองรู้เอง
.
ครูบาอาจารย์ที่เป็นนักภาวนา ท่านรู้ของท่านธรรมดา ๆ แต่เรื่องของโลกมันกีดมันขวาง ท่านจึงไม่นำออกมาใช้ ไม่พูด พูดก็มีแต่การแนะนำสั่งสอนไปธรรมดาที่อยู่ในฐานะซึ่งควรจะสอนได้ แต่เรื่องภายในแล้วท่านไม่พูด เฉย นอกจากพวกเดียวกัน ถ้าพวกเดียวกันท่านพูดเสมอ ไปอยู่ที่นั่นมีอย่างนั้น ๆ เช่นอย่างในถ้ำ มีผีมีเทวดารักษา ท่านรู้ แต่ท่านพูดในวงของท่านเองพวกนักภาวนากรรมฐานด้วยกัน คือใจนี้เป็นนักรู้ เมื่อเปิดออก ๆ นิสัยวาสนาของใครจะเด่นทางไหน ๆ มันจะรู้ของมันเห็นของมันไปตามนั้น จะไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับนิสัยวาสนา ไปคนละทิศละทาง
.
.
โอวาทธรรมคำสอนของหลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
.
ที่มาของบทความ: คัดมาบางส่วนจากพระธรรมเทศนาของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน หัวข้อ "เด่นคนละทาง" ในวาระเทศน์อบรมฆราวาส ณ.สวนแสงธรรม กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม พ.ศ ๒๕๔๗.
.
.
ชมคลิป ผีกองกอย👇👇