สุพรรณบุรีจากแค่เมื่องผ่านขนาดเล็ก สู่ปัจจุบันที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องจนสู่จังหวัดใหญ่อันดับต้นๆ ของประเทศ
จังหวัดสุพรรณบุรีเป็นจังหวัดเก่าจังหวัดหนึ่งอยู่ในภาคกลาง มีสถานที่สำคัญๆ หลายสถานที่ เป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่คนต่างถิ่นนิยมไปท่องเที่ยวอย่างมากมาย และที่สำคัญ สามารถไปได้หลายเส้นทางและห่างจากกรุงเทพมหานครไม่เกิน 100 กิโลเมตร ถ้าย้อนกลับไปสมัยก่อน การเดินทางอาจจะไม่สะดวกสบายเท่านั้นนี้มากนัก แต่ด้วยการพัฒนาความเจริญก้าวหน้าของจังหวัดสุพรรณบุรี ที่เคยเป็นเมืองทางผ่านขนาดเล็ก กลายเป็นเมืองถูกพัฒนาเจริญรุ่งเรืองน่าอยู่ ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าผลทั้งหมด เกิดมาจากแรงกาย “นายบรรหาร ศิลปอาชา นายกรัฐมนตรี คนที่ 21” ของชาวสุพรรณบุรี และทุกวันนี้คนสุพรรณบุรียังระลึกถึงคุณงามความดีทั้งหลายอยู่เสมอ จากคำบอกเล่าของชาวบ้านสุพรรณบุรีท่านหนึ่งได้เล่าไว้ว่า สมัยยังเด็กๆ เรียนหนังสือมัธยมศึกษาตอนต้น ในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรีนั้น เป็นเมืองเล็กๆ ถูกมองข้ามจากคนภายนอก และไม่มีใครรู้ หรือสนใจ เพราะการเดินทางลำบาก ถนนหนทางยังเป็นถนนลูกรัง ในช่วงไปโรงเรียนต้องพากันเดินระยะทาง 2-4 กิโลเมตร ไม่มีไฟฟ้า คนในหมู่บ้านใช้ตะเกียงส่องสว่าง ยกเว้นครอบครัวที่ฐานะดีพอ มีไฟฟ้าใช้ในครอบครัว แต่ก็มีไม่กี่ครัวเรือน ชีวิตของชาวบ้านอยู่กันแบบวิถีชาวไร่ ชาวนา ชาวสวน ใช้น้ำอุปโภค บริโภค ก็ตามลำคลอง หรือบ่อน้ำ ไม่มีระบบน้ำประปาเหมือนทุกวันนี้ จนกระทั่งตั้งแต่ปี 2519 นายบรรหาร ศิลปอาชา ได้รับความไว้ใจจากพี่น้องเทคะแนนเสียง และผ่านการเลือกตั้งเป็น ส.ส.ตลอดมา กระทั่งปี 2538 ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 21 ของประเทศไทย ตั้งแต่นั้นมา จังหวัดสุพรรณบุรีก็พลิกจากหลังมือเป็นหน้ามือ ได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็ว เริ่มปรับปรุงถนนลูกรัง กลายเป็นถนนคอนกรีต และถนนลาดยาง มีรถประจำทางวิ่งระหว่างอำเภอและจังหวัด ประชาชนเดินทางมีความสะดวกสบายมากขึ้น มีการพัฒนาแหล่งการศึกษา สร้างโรงเรียนบรรหารแจ่มใสวิทยา 1-7 วิทยาลัยพยาบาล วิทยาลัยสาธารณสุข วิทยาลัยพลศึกษา ศูนย์พัฒนาเกษตรกรรม ไม่ใช่พัฒนาเฉพาะโรงเรียนเท่านั้น แต่ยังใส่ใจลงมาคลุกคลีกับบุคลากรด้านการศึกษา ให้ทราบถึงปัญหาและแก้ไขให้ถูกจุด พร้อมส่งเสริมทุกด้าน จนนักเรียน นักศึกษา จบในสถานศึกษาแห่งนี้ต่างมีคุณภาพ หลายคนประสบความสำเร็จเป็นบุคลากรสำคัญในการขับเคลื่อนพัฒนาประเทศ เพราะท่านบรรหาร ซึ่งเป็นคนติดดินอยู่แล้ว การอยู่การกินแบบเรียบง่าย และไม่ถือตัวเองว่าเป็นคนใหญ่คนโต ประชาชนเข้าถึงได้ทุกคน ทั้งยังชอบพัฒนาการศึกษา ถนน วัดวาอาราม ทั้งยังเอาใจใส่การทำงานทุกด้าน มีความตั้งใจ คิดทำอะไรต้องทำให้สำเร็จ และงานที่ทำลงไปต้องมีคุณภาพที่ดีเยี่ยม ซึ่งตลอดชีวิตก้าวสู่การเมืองของนายบรรหาร แม้ได้ดิบได้ดี แต่ท่านไม่เคยลืมบ้านเกิดตัวเอง ต้องหันมาคอยมองถึงความเป็นอยู่ชาวบ้านเสมอว่าพวกเราอยู่กินอย่างไร มีความลำบากแค่ไหน และนำความเจริญเข้ามาให้เมืองสุพรรณบุรี และพยายามทำทุกอย่าง ทุกโครงการ เพื่อให้คนมีอยู่มีกินที่ดีขึ้นมาถึงทุกวันนี้
แต่อย่างไรก็ตาม คนสุพรรณบุรียังมีผู้นำถูกส่งไม้ต่อมาจากท่าน อย่างเช่น นายวราวุธ ศิลปอาชา หน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ตัวแทนสืบสานปณิธาน ผู้ที่จะนำพาบ้านเมืองพัฒนาเดินต่อไป รวมถึงพัฒนาจังหวัดสุพรรณบุรีให้เจริญกว่าที่เป็นอยู่เดิมอีกหลายเท่าแน่นอน ดั่งคำโบราณที่ว่า ลูกน้อยหน่า หล่นจากต้น...ยังไงก็เป็นลูกน้อยหน่า ไม่มีทางกลายเป็นลูกฝรั่งไปได้ ดังนั้น พ่อเคยทำดีอย่างไร ลูกของพ่อก็ต้องเดินตามแบบอย่างเหมือนพ่อบรรหารแน่นอน เพราะการทำหน้าที่ของชายร่างเล็กที่ชื่อว่า “บรรหาร ศิลปอาชา” ผู้ทุ่มเทความรู้ความสามารถทั้งมวลให้แก่บ้านเกิดเมืองนอนมาตลอดชีวิตท่าน มีการพัฒนาให้เจริญรุ่งเรือง จนถูกกล่าวขานโด่งดังไปทั่วประเทศ และมีความรำลึกถึงคุณงามความดีของท่านอยู่เสมอ เพราะท่านคือพ่อเมือง เอกบุรุษแห่งเมืองสุพรรณ ดังนั้นการพัฒนาจังหวัดสุพรรณบุรีต้องเป็นคนสุพรรณบุรีเท่านั้น เพราะไม่มีใครรักและเข้าใจคนสุพรรณบุรีเท่ากับคนสุพรรณบุรีด้วยกันเองเช่นพรรคชาติไทยพัฒนาอย่างแน่นอน