ไอเดียออกแบบบ้านกล่องสไตล์ White Minimal ตามโจทย์ลูกค้าที่ชอบบ้านสีขาวล้วน
ถ้าพูดถึงการออกแบบบอาคารบ้านเรือน หรือสิ่งปลูกสร้างอะไรก็ตาม นอกจากจะต้องใช้ไอเดียเจ๋งๆ มาตีโจทย์ตามที่ลูกค้าอยากได้ ยังต้องพึ่งประสบการณ์ของนักออกแบบหรือสถาปนิก ที่จะต้องเข้าใจหลักการออกแบบให้สอดคล้องกับแนวการก่อสร้างที่สามารถทำได้จริง รวมไปถึงต้องสื่อสารกับทีมผู้รับเหมาให้เข้าใจแบบในหน้ากระดาษ ที่เราได้เขียนและระบุรายละเอียดต่างๆ เอาไว้ เพื่อให้ภาพรวมของงานทั้งหมดถูกต้องหรือใกล้เคียงตามแบบที่วางไว้มากที่สุด
การออกแบบแต่ละครั้งจึงต้องทำให้ถูกใจผู้อยู่อาศัย และถูกหลักวิศวกรรม ผู้ออกแบบหรือสถาปนิกอย่างเราเองแล้วต้องเข้าใจในเรื่องวัสดุศาสตร์ที่ใช้ในการก่อสร้าง เข้าใจคุณสมบัติ ข้อดีข้อเสียของวัสดุเหล่านั้นด้วย เช่น วัสดุที่ใช้ทำโครงสร้าง วัสดุก่อผนัง สีทากันสนิม สีทาภายนอกและภายในตัวบ้าน เป็นต้น
วันนี้ผมจะมาแชร์ประสบการณ์การทำงานในพาร์ทเรื่องการออกแบบสีบ้านที่ผมดูแล กับลูกค้าท่านหนึ่ง ที่ให้โจทย์ความต้องการมาว่า อยากได้บ้านโทนสีขาวทั้งหลัง ทั้งภายในและภายนอก ที่ดูทันสมัย สไตล์โมเดิร์น ว่าผมมีวิธีการเลือกสีแบบไหน? เลือกสีจากอะไร? มีจุดใดที่ต้องสนใจเป็นบ้าง อ่อลืมบอกผมมีอาชีพเป็นสถาปนิกในเอเจนซี่เล็กๆ หน้าที่ส่วนใหญ่ก็จะช่วยพี่ๆ ในทีม ดูเรื่องการออกแบบเกี่ยวกับสีบ้าน และสเปคสีครับ
โดยเคสตัวอย่างที่ผมหยิบมาเล่านี้ สิ่งแรกเลยผมให้ความสำคัญไปที่เฉดสีก่อน ผมเอาตัวอย่างสีขาวหลายๆโทน ไปให้ลูกค้าเลือกว่าชอบสีขาวโทนไหน ซึ่งลูกค้าชอบสีขาวล้วนๆ ไม่เอาสีขาวออฟไวท์
ผมจึงลองนำเฉดสีขาวไปเรนเดอร์ในโปรแกรมเพื่อให้ลูกค้าเห็นภาพมากขึ้น ระหว่างนั้นก็คอยปรับแบบไปเรื่อยๆ หาวัสดุหลายๆอย่างมาแมตช์ เอาสีอื่นมาตัด เพื่อไม่ให้บ้านทั้งหลังขาวโพลนเกินไป จนลูกค้าโอเค จากนั้นผมก็เริ่มสเปคสี
การสเปคสีผมดูจากคุณสมบัติหลายๆ ส่วนเอามาประกอบกัน เช่น เรื่องความทนทาน ทนแดด ทนฝน ไม่มีกลิ่นฉุน ค่าการสะท้อนความร้อนสูง บ้านลูกค้าจะได้เย็นขึ้น เคสนี้ลูกค้าขอสีเกรดดีที่สุด
ผมปรึกษาร่วมกับพี่ในทีม และผู้รับเหมา คัดเลือกมาทั้งหมด 3 ยี่ห้อ แต่สุดท้ายก็ลงความเห็นกันว่าจะเลือกใช้ Beger Cool เฉด Super White เพราะเห็นว่าเป็นเฉดสีใหม่ที่ขาวที่สุด และมีคุณสมบัติครบตามที่ต้องการ ทั้งในเรื่องเกรดสี 15 ปี การกันความร้อนสะท้อนความร้อนที่ทำได้สูงสุด 97% เลย เห็นว่ามากที่สุดในตอนนี้ แล้วก็พวกเทคโนโลยีเช็ดล้างทำความสะอาดตัวเองได้ ทำให้บ้านดูใหม่อยู่เสมอ
ไม่มีกลิ่นสีฉุน ปราศจากสารระเหยที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และปลอยภัยต่อการอยู่อาศัยในระยะยาว มีใบรับรองเอกสารความปลอดภัย มีมอก. ผมเลยมองว่าน่าจะเหมาะกับลูกค้า ที่ลูกค้าท่านนี้ที่มีสมาชิกในบ้านทุกช่วงอายุ ตั้งแต่เด็กเล็ก จนถึงผู้สูงวัย
พอสเปคสีเสร็จ คอนเฟิร์มทุกอย่างกับลูกค้า ก็เริ่มกระบวนการทาสี อย่างแรกเลยช่างผู้รับเหมาเค้าก็ทำความสะอาดพื้นผิวปัดเศษฝุ่นเศษละอองต่างๆ ที่เกาะออก อันนี้เอามาเล่าให้ฟังเป็นความรู้เพิ่มเติมนะครับ คือก่อนทาสีพื้นปูนที่ฉาบแล้วต้องแห้งสนิท ความชื้นต้องไม่เกิน 14% คิดง่ายๆ คือฉาบปูนเสร็จทิ้งไว้อย่างน้อย 1 เดือน
จากนั้นก็ทาสีรองพื้นปูนใหม่เที่ยวนึง เพื่อเสริมให้สีขาวที่เราจะทาทับลงไปยึดเกาะกับพื้นผิวได้ดีขึ้นติดทนนาน สีตัวนี้ ช่างสีบอกว่าทาง่าย สีลื่นเรียบ ทาแล้วเนียนไม่เป็นรอย ไม่ต้องตามเก็บงานหลายรอบ ทารอบแรกทิ้งไว้แค่ 2-3 ชั่วโมงสีก็แห้งแล้ว สามารถทารอบที่สองทับไปได้เลยไม่ต้องรอนาน ยิ่งถ้าบ้านไหนที่เจ้าของอยากให้สีแน่นสุดๆ ก็อาจจะทารอบที่สามเพิ่มก็ได้ ซึ่งเจ้าของบ้านหลังนี้ให้จัดเต็มได้เลย หลังทาเสร็จสีตัวบ้านดูโดนเด่น ขาวสว่างเนียนมากๆ
เจ้าของเล่าให้ฟังว่าเค้าประทับใจมาก มีแต่คนถามมาถามเกี่ยวกับสีบ้าน เลือกสีโดนใจแบบนี้ก็ได้ใจทั้งเจ้าของบ้านและผู้รับเหมากันเลยทีเดียว
หากใครที่กำลังสร้างบ้านใหม่ และต้องการบ้านโทนสีขาว แต่ไม่รู้ว่าจะเลือกยี่ห้อไหนดี ลองเอาสี BegerCool ตัวนี้ไปเป็นหนึ่งในตัวเลือกดูนะครับ เท่าที่ผมใช้มาหลายโปรเจคยังไม่เจอปัญหาอะไร
อ้อ... ช่วงนี้งานออกแบบบ้าน ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นคนรุ่นใหม่ เค้าจะชอบเน้นสไตล์มินิมอล หรือเน้นสีภายนอกภายใน ซึ่งการที่ได้สีขาวที่คุณภาพดีแบบนี้ ต่อไปผมก็ทำงานง่ายขึ้นเยอะเลย ไม่ต้องเสียเวลา ไม่ต้องปวดหัวกับปัญหาการเลือกสีระหว่างทาง สุดท้ายถ้าลูกค้า Happy กับงานที่เราทำ สถาปนิกอย่างผมเองก็ Happy หลังจากนี้น่าจะได้ออกแบบ ได้สร้างบ้านแนวๆ นี้อีกเยอะเลยครับ