เมืองที่ไม่น่าอยู่เลยบนโลกใบนี้?
ในการเดินทางไปแต่ละประเทศนั้น ย่อมมีทั้งน่าอยู่และไม่น่าอยู่ แต่ละประเทศนั้นมีความแตกต่างกันออกไป เราจะรวมไว้ในที่นี้ว่าเมืองไหนไม่น่าอยู่ที่สุดในโลก?..
1 เมืองแบกแดด สาธารณรัฐอิรัก
เป็น เมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศอิรัก ทั้งยังเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกอาหรับ (รองจากไคโร) และใหญ่เป็นอันดับสองในเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ (รองจากกรุงเตหะราน) มีประชากรอาศัยในเขตเมืองมากกว่า 6.5 ล้านคน เมืองแบกแดด ได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางด้านวิทยาการและวัฒนธรรม เพราะได้รับมรดกด้าน ตัวเลข ตัวอักษร ดวงดาว โหราศาสตร์ และการแพทย์ มาจากรุ่นบรรพบุรุษ
ที่ผ่านมามักเกิดสงครามและเหตุการณ์ ไม่สงบบ่อยครั้งในเมืองแบกแดด (ล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ สมาชิกรัฐสภาอิรัก เพิ่งถูกลอบยิงเสียชีวิต) แม้เหตุการณ์ต่างๆ จะเริ่มเบาบางลง แต่การโจมตีที่เกิดขึ้นเป็นระยะ จนดูเหมือนเป็นเรื่องปกติ ทำให้เมืองนี้ได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองที่ไม่น่าอยู่อาศัยที่สุดในโลก
2 เมืองบังกี สาธารณรัฐแอฟริกากลาง เดิมเป็นที่ตั้งทางการทหารของประเทศฝรั่งเศส และเป็นศูนย์กลางการปกครองนับตั้งแต่ยุคโคโลเนียลจวบจนกระทั่ง ปัจจุบัน เมืองนี้มีประชากรอาศัยอยู่มากกว่า 5 แสนคน โดยมีอุตสาหกรรมหลัก คือ สิ่งทอ สบู่ และเบียร์ ที่สำคัญ โบราณสถานซึ่งมีอยู่มากมายทั้งในและรอบนอกเมืองบังกี ยังได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก สาขาวัฒนธรรม จากองค์การยูเนสโก เมื่อปี ค.ศ. 2006 สิ่งที่ทำให้บังกี ติดอันดับรองแชมป์เมืองไม่น่าอยู่ที่สุดในโลกคือ เหตุการณ์ความไม่สงบและ ปัญหาความรุนแรงที่มักเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลายาวนานกว่า 20 ปีนั่นเอง
3 เมืองเอ็นจาเมนา สาธารณรัฐชาด (Chad) ถูกค้นพบโดยชาวฝรั่งเศส เมื่อปี ค.ศ. 1900 (พ.ศ. 2443) ปัจจุบัน เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดในประเทศชาด มีประชากรอาศัยมากกว่า 700,000 คน อันที่จริงเมืองนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามหลายแห่ง น่าเสียดายที่มักเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบและเกิดปัญหาการจราจลบ่อยครั้ง (เหตุการณ์นองเลือดครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว) ทำให้คิดอันดับเมืองไม่น่าอยู่เป็นอันดับ 3 ของโลก
4 เมืองบราซซาวิล สาธารณรัฐคองโก เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของ "สาธารณรัฐคองโก" มีประชากรอาศัยอยู่ราว 1 ล้านคน เมืองนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำคองโก โดยมีกินชาซ่า เมืองหลวงของ "สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก" ตั้งอยู่ริมแม่น้ำฝั่งตรงกันข้าม บราซซาวิลถูกค้นพบในปี ค.ศ. 1880 (พ.ศ. 2423) โดยนักสำรวจชาวยุโรปที่ชื่อ "ปิแอร์ เซเวอร์แกน เดอ บราซซา" อุตสาหกรรมหลักของเมืองนี้ คือ สิ่งทอ และการฟอกหนัง อย่างไรก็ตาม เมืองนี้มักเกิดปัญหาความขัดแย้งและมีเหตุการณ์นองเลือดบ่อยครั้ง นับตั้งแต่ยุคปี 90 เป็นต้นมา ทั้งความขัดแย้งระหว่างฝ่ายรัฐบาลและผู้ก่อการจราจล รวมถึงความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้าน เป็นเหตุให้มีประชาชนล้มตายเป็นจำนวนมาก จึงเกิดการอพยพโยกย้ายถิ่นฐานเพื่อหนีภัยสงครามในที่สุด
5 เมืองคาร์ทูม สาธารณรัฐซูดาน เป็นเมืองหลวงของรัฐคาร์ทูมและประเทศซูดาน ตั้งอยู่บริเวณที่มีการบรรจบกันของแม่น้ำไวท์ไนล์ ซึ่งไหลมาจากทะเลสาบวิกตอเรีย และแม่น้ำบลูไนล์ที่ไหลมาจากประเทศเอธิโอเปีย ตัวเมืองมีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 2,207,794 คน ปัจจุบัน ซูดานยังคงมีปัญหาความไม่สงบและมีการสู้รบกันภายในประเทศ เป็นเหตุให้มีประชาชนล้มตายเป็นจำนวนมาก
แค่นี้ก็พอรู้ละครับวว่าที่ไหนไม่ควรไปมากที่สุดในโลกอิอิ..