ย้อนเวลาตามหาคนรัก ตอนที่ 2 ฉันเป็นผู้หญิงที่โง่ที่สุด
ตู้มมมมมมมมมม
…
…
ตึก ๆ ตึก ๆ ตึก ๆ ….
น้ำฟ้าหันหลังกลับไปมอง ภาพตรงหน้าที่เธอเห็น มืออีกข้างกุมที่หัวใจ และอีกข้างปิดปากตัวเองไว้ ดวงตาของเธอจมดิ่งลงไปยังภาพตรงหน้าของเธอ เธอกรีดร้องทั้ง ๆ ที่มือปิดปากไว้ และกุมหัวใจที่เจ็บปวดของเธอไว้ เสียงร้องที่เจ็บปวดของเธอ ทำให้ไทยมุงที่อยู่บริเวณรอบ ๆ บางคนถึงกับร้องไห้ไปพร้อมกันกับเธอ
จากไปแล้ว…. ผู้ชายที่รักเธอ ไม่มีอีกแล้ว
“คิน ฟ้าขอโทษ ฟ้าขอโทษได้ยินไหมคิน คินอย่าจากฟ้าไป…..”
เธอตะโกนสุดเสียง และหมดสติไป
เมื่อน้ำฟ้าลืมตาขึ้นมา ภาพตรงหน้า กลายเป็นห้องสี่เหลี่ยมสีขาว แต่สุดท้ายสิ่งที่เธอนึกขึ้นได้ก่อนที่เธอจะหมดสติไป คือภาพที่ภาคินจากไปต่อหน้าเธอ น้ำฟ้าตื่นขึ้นมาพร้อมด้วยหยาดน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้มทั้งสองข้าง
พรรณี แม่ของน้ำฟ้า เมื่อเห็นลูกสาวลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมกับน้ำตา เธอผู้เป็นแม่ จึงได้แต่เช็ดน้ำตาให้ลูกสาวสุดที่รัก และดึงเธอเข้ามาปลอบโยน
“ฟ้า แม่อยู่ตรงนี้นะลูก อยากร้องก็ร้องออกมาเลย”
เสียงของมารดา ที่ปลอบโยนเธอ เปรียบเสมือนฟางเส้นสุดท้ายที่เธอคว้าไว้ได้ พอได้ยินดังนั้น เธอจึงปล่อยโฮออกมาเหมือนกับเด็กเล็ก ๆ ในอ้อมกอดมารดา เมื่อสุวิทย์ ที่กำลังเดินเข้ามาในห้องพยาบาล เห็นภาพแม่ลูกกอดกัน เขาผู้เป็นบิดา เห็นภาพดังกล่าวแล้ว หัวใจก็เจ็บปวดแทนลูกสาวของตน จึงได้เข้าไปกอดสองคนแม่ลูกเอาไว้
ปัง!!! เสียงประตูถูกเปิดออกอย่างรุนแรง
แขกที่สุวิทย์และพรรณี คาดไว้ได้ปรากฎตัวขึ้นหลังจากที่ได้รับทราบข่าวของ ภาคิน แต่สิ่งเรื่องกลับยิ่งเลวร้ายลง เมื่อ ธเนศ และ สุวิมล พ่อและแม่ของภาคิน ผลักประตูเข้ามาอย่างรุนแรง โดยมี แก้วใส เดินตามหลังทั้งสองคนมาติด ๆ
“หึ ลูกฉันตายเพราะความโง่เง่าของแกทั้งคน แกยังจะมีหน้ามากอดกันกลม เหมือนครอบครัวอบอุ่นอยู่อีกหรอ อีเด็กสารเลว!!!”
สุวิมลเดือดดาลทันทีที่เห็นภาพครอบครัวนี้รักใคร่กัน หลังจากที่เธอได้สูญเสียลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียว
“ฟ้า เธอบอกพ่อได้ไหมว่าอุบัติเหตุครั้งนี้ เธอจะรับผิดชอบยังไง พ่อกับแม่ รักเธอเสมือนลูกสาวของเรา แต่พอมีเรื่องผิดใจกันนิดหน่อย หนูถึงขาดสติขนาดนี้เลยหรอ”
ธเนศ ยังคงมีสติอยู่ในสถานการณ์นี้ จึงเอ่ยถามลูกสะใภ้ของเขา เพื่อให้เธออธิบายว่าเหตุการณ์เป็นเช่นใดจนทำให้เขาต้องเสียลูกชายไป
ฟ้าคลายจากอ้อมกอดของบิดาและมารดา ก่อนจะหันมาตอบกับธเนศ
“พ่อคะ หนูขอโทษ”
ฟ้ากล่าวจบก็รีบก้าวลงจากเตียง แต่เธอกลับล้มลงที่พื้นทันทีที่เธอลงจากเตียง เนื่องจากว่า เหตุการณ์ในครั้งนี้ เธอไม่ได้สูญเสียชายคนที่เธอรักไป แต่เธอได้เสียลูกน้อยที่ยังไม่ได้มีโอกาสลืมตาดูโลกไปเช่นเดียวกัน……
แต่เมื่อเธอกำลังจะพูด แก้วใสที่อยู่ตรงนั้นก็รีบพูดขึ้นมาทันที
“ฟ้า ทำไมเธอใจดำได้ขนาดนี้ คินเขาพยายามอธิบายกับเธอ แต่เธอไม่ยอมฟังอะไรเลย ฉันแค่ไปซื้อที่ตรวจครรภ์ให้เธอ พอเห็นที่ตรวจครรภ์ เธอก็ควรดีใจ ที่เขาอุตส่าห์ใส่ใจเธอขนาดนี้ แต่นี่เธอกลับไม่ให้โอกาสเขาอธิบาย แถมยังตบหน้าเขาแล้ว วิ่งหนีออกไป จนคิน…..”
พูดจบแก้วใสก็ทำเป็นร้องไห้ แต่น้ำตาของเธอมันก็ไหลอาบลงมาจากสองแก้มเช่นกัน เมื่อเธอนึกถึงภาคินที่ได้จากเธอไปจริง ๆ
“ที่ตรวจครรภ์อะไร!!”
ธเนศถามขึ้นมาทันที หลังจากที่สุวิทย์พยุงลูกสาวของตนขึ้นมานั่งบนเตียงเรียบร้อยแล้ว
“คินเขาวานให้แก้วไปซื้อที่ตรวจครรภ์ค่ะ เพราะเห็นว่าน้ำฟ้า ประจำเดือนขาดไป 3 เดือนแล้ว เขาไม่กล้าไปซื้อเองจึงฝากแก้วไปซื้อค่ะคุณพ่อ วันนั้นแก้วมีนัดทานข้าวกับพ่อที่ร้านนั้นพอดี จึงได้เห็นภาคินกับน้ำฟ้า จึงกะจะเข้าไปทักทาย แต่แก้วเห็น ที่ตรวจครรภ์ขึ้น 2 ขีด แก้วเลยรีบเข้าไปแสดงความดีใจกับทั้งคู่ แต่ก็ไม่คิดว่า…… น้ำฟ้าจะเข้าใจผิด คิดว่าคินนอกใจเธอ”
แก้วใสพูด พร้อมกับทำท่าทางสำนึกผิด แต่ในใจเธอกลับสะใจที่ได้เหยียบย่ำน้ำฟ้า
“ใช่ ฉันรู้ว่าที่ผ่านมา ตาคินรักเธอ ดูแลใส่ใจเธอมากแค่ไหน เขาถามฉันทุกครั้งว่าผู้หญิงจะมีลูกได้ตอนไหนบ้าง ฉันไม่คิดเลยว่าเขาจะแอบตรวจครรภ์ให้เธอเอง”
สุวิมล พูดไปร้องไห้ไป เธอตาแดงกล่ำ แต่ก็ยังไม่วายต่อว่าน้ำฟ้า จนพรรณีทนไม่ไหว จึงได้พูดขึ้น
“พี่มลคะ เรื่องที่เกิดขึ้นมันคืออุบัติเหตุ ฟ้าเองเขาก็ไม่ได้ตั้งใจ แต่พอเขารู้ความจริง เขาก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยภาคิน ฟ้าช่วยจน”
เมื่อกล่าวมาถึงจุดน้ำพรรณีก็จุกที่อกและน้ำตาไหลออกมาทำให้เธอพูดไม่ออก
พอสุวิทย์เห็นดังนั้น จึงเข้าไปกอดภรรยาไว้และพูดแทนเธอว่า
“ลูกของยัยฟ้ากับตาคิน เขาไม่อยู่แล้ว”
เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้น ธเนศ ที่อดีตเป็นถึงนายทหารผู้กล้าที่ฝ่าสมรภูมิรบมามากมาย กลับล้มทั้งยืนไม่เป็นท่า ส่วนสุวิมลกรีดร้องจนเป็นลมหมดสติไป และแก้วใส ได้รีบมารับตัวเธอไว้ ส่วนน้ำฟ้า
ลูก…. ลูกไม่อยู่แล้วหรอ ลูกของเรากับคิน…. ตัวแทนความรักของเรากับคิน
เธอกุมท้องน้อย ๆ ของตัวเอง ที่มันว่างเปล่า ดวงตาเบิกกว้าง แต่กลับเหมือนวี่แววของคนไร้ชีวิตจิตใจ และสุดท้าย ภาพตรงหน้าของเธอก็มืดลงไป
หลังจากเหตุการณ์ผ่านไป 3 เดือน
“ฟ้า วันนี้แม่เอาสาลี่ฉ่ำ ๆ หวานมาให้ลูกด้วยนะ ลูกตื่นขึ้นมากินได้ไหมลูก”
เสียงของพรรณี แหบพล่าเรียกลูกสาว ที่หลับเป็นเจ้าหญิงนิทรามาแล้ว 3 เดือน ให้ตื่นขึ้นมา ในตอนนี้ พรรณีร่างกายดูซูบลง ส่วนสุวิทย์เองก็มีดวงตาที่เศร้าหมองจนเห็นได้ชัด ดวงตาที่เย็นเฉียบของเขา ที่ปกติแทบจะทำให้คนรอบข้างหวาดกลัวแล้ว ในเวลานี้ มันน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม เพราะตั้งแต่น้ำฟ้าหมดสติไป พรรณีก็ร้องไห้ทุกคน และผวาเรียกลูกสาวให้ตื่นขึ้นแทบทุกคืน ทำให้เขาเองก็แทบจะไม่ได้พักผ่อน แถมยังต้องคอยรับแรงปะทะทางอารมณ์กับ สุวิมล แทบทุกวัน เนื่องจาก สุวิมล มาเพื่อ ปลุกให้น้ำฟ้าตื่นขึ้นมารับ การด่าทอของเธอ
ปัง!!! เสียงประตู ถูกเปิดขึ้นในเวลาเดียวกันทุกวัน และเช่นเคย คนที่ก้าวเข้ามาก็คือสุวิมล
“ยัยฟ้า แกยังมีหน้านอนหลับได้สบายใจอยู่อีกหรอ แกไม่คิดจะตื่นมาเลยหรือไง”
เมื่อมองดูดี ๆ สภาพของสุวิมลตอนนี้ ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับ พรรณี ภรรยาของเขา เธอซูบผอมลง และเริ่มมีผมขาวขึ้นมาเล็กน้อย ที่สำคัญ ความคล้ำรอบดวงตากลับยิ่งเห็นได้ชัด อดีตสาวงามแห่งเมืองไทยในเวลานี้ ความงามของเธอหมดลงไป พร้อมกับข่าวการเสียชีวิตของภาคิน
“คุณมล นี่ก็ 3 เดือนแล้ว ฟ้าเองก็สภาพจิตใจย่ำแย่เช่นกัน หมอบอกว่าเธอปิดกั้นตัวเองออกจากความเป็นจริง ถ้าหากว่าครอบครัวเราสามารถชดเชยให้คุณได้ ผมก็จะชดเชยให้ แม้ว่านั่นจะเป็นชีวิตของผมก็ตาม”
สุวิทย์เอ่ยขึ้น หลังจากที่เขาเองก็หมดแรงที่จะห้ามปรามสุวิมล
“หึ ชีวิตของคุณทุกคน เทียบไม่ได้กับลูกชายของชั้น!!!!”
สุวิมลพูดทิ้งท้ายและเดินจากไป
ณ สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ดอกกุหลาบสีแดงและสีขาว ปลูกสลับไปมาทั้ง 2 ฝั่ง ณ ที่เก้าอี้ตรงนั้น มีเด็กผู้ชายตัวน้อย ๆ ผิวสีขาว คิ้วดกดำ จมูกเป็นคมสัน และดวงตาที่สุขุม กำลังวิ่งไล่จับกับ ชายผู้ที่มีร่างกายกำยำ สูงโปร่งไหล่ที่กว้างของเขา เผยให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง เมื่อยามที่เขาอุ้มลูกน้อยขึ้นมา
“แม่….. แม่มาแล้วหรอครับ”
น้ำฟ้าหันไปมองรอบข้าง เธอเห็นว่าไม่มีใคร เธอจึงยิ้มให้กับเด็กหนุ่มคนนั้นและถามว่า
“หนูเรียกน้าหรอจ๊ะ”
เด็กน้อยทำหน้างง และเอียงคอเล็กน้อยมองมารดาตรงหน้า
“จะไม่ให้เรียกแม่ แล้วจะให้ผมเรียกใครครับ”
ฟ้าพยายามทำความเข้าใจกับภาพตรงหน้า ว่าที่เธอจำได้ว่าภาคินจากไป พร้อมกับลูกในท้องของเธอ แสดงว่าที่ผ่านมา เธอแค่ฝันร้ายกับมันสินะ เพราะตอนนี้ภาพตรงหน้า คือลูกน้อยของเธอ ส่วนชายที่ยืนอยู่ตรงเก้าอี้ที่ริมสระน้ำนั้น คือภาคิน เมื่อเธอนึกได้ น้ำตาก็ไหลลงมาอาบแก้มสีขาวนวลของเธอ
“คิน ฟ้าคิดถึงคินเหลือเกิน” เธอพยายามเดินไปหาชายตรงนั้น
แต่ยิ่งเดิน ก็เหมือนยินไกล ที่สำคัญ เธอที่พยายามเดินตามลูกชาย เพื่อวิ่งไปหาภาคิน เธอก็เดินไม่ถึงมันสักที เธอไขว่คว้าหาภาคิน และได้แต่พร่ำเพ้อออกไป
“คิน ฟ้าขอโทษ…….”
ณ ห้องผู้ป่วย
“ฟ้า แม่สงสารลูกเหลือเกิน” พรรณี มองหน้าลูกสาวที่มีน้ำตาไหลลงมาอาบแก้ม พร้อมกับอาการกระตุกที่มือเล็กน้อย หลังจากที่เธอหมดสติได้ 3 เดือน เธอจะมีอาการแบบนี้ในทุก ๆ วัน
ภาพในสมองของน้ำฟ้า ยังคงวนเวียนอยู่กับภาคินและสวนสาธารณะแห่งนั้น จนวันนี้ เธอได้มาอยู่ในสถานที่ที่มืดมิด มองไปทางไหนก็ไม่เห็นแม้แต่แสงสว่าง เธอเดินไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย พร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้มตลอดเวลา เมื่อเธอเดินไปได้สักพัก เธอได้สะดุดล้มลง และเมื่อก้มลงไป เธอมองเห็นภาพตรงหน้าคือแม่น้ำที่กำลังไหลเชี่ยว และภาพในหัวของเธอกลับกลายเป็น สายน้ำที่มีเลือดสีแดงสด และศพมากมายที่ไหลลงมาตามแม่น้ำ เธอมองมันด้วยความหวาดกลัว และพยายามจะวิ่งหนี แต่เมื่อกำลังจะก้าวท้าว
ฮือ ๆ ๆ เสียงสะอึกสะอื้นของหญิงสาวดังขึ้นจากตรงไหนสักแห่งในความมือมิด
“ใคร!!! นั่นใครน่ะ”
“....”
“คุณคือใคร ?” เจ้าของเสียงสะอื้นร่ำไห้ เอ่ยถามขึ้น เมื่อเธอเงยหน้ามามองดูน้ำฟ้า ที่กำลังหวาดกลัว
น้ำฟ้าแปลกใจกับสำเนียงที่ได้ยิน เนื่องจากภาษาที่เขาถามเธอกลับมา ไม่ใช่ภาษาไทย แต่มันกลับเป็นภาษาจีน แต่แล้วเธอก็ยิ่งแปลกใจยิ่งกว่าที่ตัวเธอเองสามารถตอบกลับเสียงนั้นเป็นภาษาจีนกลับไปได้เช่นกัน ทั้ง ๆ ที่เธอไม่เคยเรียนภาษาจีนเลย
“เธอ… เธอเป็นใคร และอยู่ตรงไหน ทำไมฉันมองไม่เห็นเธอ ฉันเห็นแต่ศพ เธอไม่เป็นไรใช่ไหม”
หานซี หันมามองเธอและลุกขึ้นจากมุมมืดนั้น และเดินไปจับมือเธอ ทันใดนั้น น้ำฟ้าก็ได้มองเห็นหน้าของหญิงสาวชัด ๆ เธอตกใจกับภาพตรงหน้า และ หานซี เองก็ตกใจเช่นกัน เพราะทั้งสองคน มีใบหน้าที่เหมือนกันมาก เพียงแต่ชุดที่เธอทั้งสองสวมใส่ ต่างกันคนละภพสมัย
แต่ถ้าเทียบกับความงามของทั้งสอง หานซี มีความงามที่มากกว่าน้ำฟ้ามาก เนื่องจาก จมูกที่เป็นสันคมสวยงาม ปากที่เล็กจิ้มลิ้ม ส่วนน้ำฟ้า มีจมูกที่เล็ก แต่ไม่ได้เป็นสันคม และริมฝีปากของเธอก็เสมือนริมฝีปากทั่วไป แต่กับหานซีนั้น เธองดงามหมดจด ไร้ที่ติ เพียงแต่ดวงตาของทั้งคู่ที่ดำสนิท ไร้สีสัน ที่ยิ่งเมื่อมาอยู่ในที่มืดมิดเช่นนี้ ยิ่งรับรู้ได้ถึงความเย็นชาผ่านสายตาคู่นั้น
“เธอ…”
“เธอ…”
น้ำฟ้าและหานซี กล่าวขึ้นพร้อมกัน และผละออกจากกัน แต่เมื่อน้ำฟ้าได้สติก่อน
“เธอ… ทำไมมีหน้าตาคล้ายฉันมาก เธอเป็นใคร และมาจากไหน และที่แห่งนี้คือที่ใด”
“ฉันคือ หยวน หานซี เป็นชายาเอกของท่านอ๋องซุนหยาง บุตรนอกสมรสของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน แห่งราชวงค์ชิง”
“....” อะไรวะเนี่ยยยย น้ำฟ้าคิดในใจ เธองง และพยายามตบตัวให้ตื่น แต่เธอก็ยังคงอยู่ตรงนั้น
“ฉันไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน แต่ฉันรู้แค่ว่า ฉันถูกปล้น และถูกฆ่าตายที่ริมธารแห่งนี้ ตอนที่ฉันออกมาเยี่ยมท่านแม่ ที่เมืองไห่ซื่อ ซึ่งห่างจากเมืองหลวง 60 ลี้ บริวารและผู้ติดตามของฉันถูกฆ่าตายหมด และสาวใช้ที่ท่านอ๋องส่งมาดูแลฉัน ช่วยให้ฉันหนีรอดมาจนถึงด้านล่าง เมื่อเรากำลังจะข้ามแม่น้ำ ภาพสุดท้ายที่ฉันจำได้คือ สาวใช้คนนั้น เอาก้อนหินก้อนนั้น มาทุบที่หัวของฉัน และฉันก็ได้มาอยู่ในที่แห่งนี้ นานเท่าใดแล้ว ก็ไม่สามารถบอกได้เช่นกัน”
เมื่อฟังหญิงสาวตรงหน้ากล่าวจบ น้ำฟ้าก็มองไปที่หินก้อนนั้น ที่เธอสะดุดล้มก่อนหน้านี้ เธอมองมัน และนึกย้อนไปที่เหตุการณ์ก่อนหน้าของเธอเช่นกัน ในเวลานี้ ภาพความทรงจำต่าง ๆ ของเธอ ในวันครบรอบแต่งงาน รวมไปถึงภาพที่ภาคินจากเธอไป และข่าวร้ายที่สุดในชีวิตของเธอ ก็คือ เธอได้เสียพยานรักของเธอกับภาคินไป เมื่อเธอนึกถึงลูกน้อยของเธอ เธอได้นึกถึงภาพความฝันที่เธอฝันถึงบ่อย ๆ ภาพที่เธอพยายามเอื้อมไปคว้าไว้ แต่ก็ไม่สามารถคว้าได้ มุมปากของเธอยกขึ้นมาเล็กน้อย
“ฉันเป็นแค่ผู้หญิงที่โง่ที่สุด”
“....” หานซีได้ยินดังนั้น เธอจึงเดินเข้าไปหาน้ำฟ้า และสวมกอดเธอไว้
“ไม่ใช่เธอคนเดียวหรอกที่โง่ ข้าเองก็เช่นกัน ให้ความรักนำทางทุกอย่าง ข้ารักชายคนนั้นอย่างสุดหัวใจ ไม่ว่าเขาต้องการอะไร แม้แต่ต้องการรับสหายสนิทของข้าเป็นชายารอง ข้าก็ยอมเขาทุกอย่าง”
เมื่อเล่ามาถึงจุดนี้ หานซี ก็หยุดกล่าว แต่น้ำฟ้ารับรู้ได้ถึงสายน้ำอุ่น ๆ ที่ไหลลงลงมากระทบกับไหล่ของเธอ
น้ำฟ้าเอื้อมมือไปปลอบประโลมหญิงสาวที่กอดตนอยู่ ทั้งสอง กอดกันร้องไห้อย่างเงียบ ๆ โดยไม่พูดจา จนเวลาผ่านไปนานเท่าใด ไม่มีใครรู้ได้
จู่ ๆ ก็มี แสงสีขาวของเด็กน้อย เดินเข้ามาท่ามกลางความมืดมิดจนน้ำฟ้าและหานซีหันกลับไปมอง
“สเด็จแม่… ท่านรีบกลับมาหาลูกได้แล้ว”
เสียงนี้… น้ำฟ้าคิดในใจ ทำไมมันช่างคุ้นเคย และใบหน้านั้นอีก ที่งดงามราวกับรูปปั้นกามเทพน้อย และเมื่อเด็กน้อยเดินเข้ามาใกล้ น้ำฟ้าตาเบิกกว้างขึ้น เธอจำได้ในทันที ว่าเด็กคนนี้คือลูกของเธอที่อยู่ในความฝันของเธอในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
“ลูก….” น้ำฟ้าน้ำตาไหลพรากและปล่อยโฮ ออกมาอีกครั้ง เพราะครั้งนี้ เธอกอดเขาได้ แบบตัวเป็น ๆ เธอจับเขาได้ เด็กน้อยมีสีหน้า ดีใจปนกับ ความเร่งรีบ
“ท่านแม่ ท่านอย่าเพิ่งดีใจตอนนี้ ท่านต้องรีบไปจากที่แห่งนี้ หากท่านอยากเจอลูกอีก ท่านต้องรีบก้าวออกไปที่ประตูนั้น”
เด็กน้อยชี้ไปที่ประตูสีขาวตรงด้านหน้าที่ห่างออกไปเพียง 10 ก้าว
หานซี เองก็ตกใจไม่แพ้น้ำฟ้า เธอนั่งย่อลงข้างกายเด็กน้อย และถามว่า
“เธอมาพาแม่เธอกลับไปหรอ”
หานซี ในยามที่เธอมีชีวิตอยู่ เธอเป็นหญิงสาวที่มีความสามารถรอบด้าน ทั้งในการเย็บปักถักร้อย มีความคิดเป็นของตนเอง และได้รับการอ่านเรียน เขียนหนังสือ จากท่านอาจารย์ในวังหลวง ในการแอบปลอมตัวเป็น นักเรียนชาย ไปแอบเรียนหนังสือแทนพี่ชายลูกพี่ลูกน้องของเธอ ที่ชอบทำตัวสำมะเลเทเมา และที่สำคัญ เธอได้แอบเรียนรู้การต่อสู้ และกำลังภายใน ซึ่งมีเพียงเธอและอาจารย์ของเธอ เพียงคนที่เดียวที่รู้ว่าเธอมีกำลังภายในมี เนื่องจาก ในราชวงค์ชิง หญิงสาวห้ามเรียนรู้การตีรันฟันแทง และเรียนวรยุทธ์ และยิ่งหญิงสาวที่มีกำลังภายใน จะโดนประหารทั้งครอบครัว เนื่องจาก ในราชวงค์ไม่ต้องการให้หญิงเป็นใหญ่เหนือชาย เมื่อเหตุการณ์ต่าง ๆ ปรากฏขึ้น เธอก็รับรู้ได้ในทันที
ว่านี่คงหมดเวลาของเธอแล้ว……
ตู้มมมมมมมมมม
…
…
ตึก ๆ ตึก ๆ ตึก ๆ ….
น้ำฟ้าหันหลังกลับไปมอง ภาพตรงหน้าที่เธอเห็น มืออีกข้างกุมที่หัวใจ และอีกข้างปิดปากตัวเองไว้ ดวงตาของเธอจมดิ่งลงไปยังภาพตรงหน้าของเธอ เธอกรีดร้องทั้ง ๆ ที่มือปิดปากไว้ และกุมหัวใจที่เจ็บปวดของเธอไว้ เสียงร้องที่เจ็บปวดของเธอ ทำให้ไทยมุงที่อยู่บริเวณรอบ ๆ บางคนถึงกับร้องไห้ไปพร้อมกันกับเธอ
จากไปแล้ว…. ผู้ชายที่รักเธอ ไม่มีอีกแล้ว
“คิน ฟ้าขอโทษ ฟ้าขอโทษได้ยินไหมคิน คินอย่าจากฟ้าไป…..”
เธอตะโกนสุดเสียง และหมดสติไป
เมื่อน้ำฟ้าลืมตาขึ้นมา ภาพตรงหน้า กลายเป็นห้องสี่เหลี่ยมสีขาว แต่สุดท้ายสิ่งที่เธอนึกขึ้นได้ก่อนที่เธอจะหมดสติไป คือภาพที่ภาคินจากไปต่อหน้าเธอ น้ำฟ้าตื่นขึ้นมาพร้อมด้วยหยาดน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้มทั้งสองข้าง
พรรณี แม่ของน้ำฟ้า เมื่อเห็นลูกสาวลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมกับน้ำตา เธอผู้เป็นแม่ จึงได้แต่เช็ดน้ำตาให้ลูกสาวสุดที่รัก และดึงเธอเข้ามาปลอบโยน
“ฟ้า แม่อยู่ตรงนี้นะลูก อยากร้องก็ร้องออกมาเลย”
เสียงของมารดา ที่ปลอบโยนเธอ เปรียบเสมือนฟางเส้นสุดท้ายที่เธอคว้าไว้ได้ พอได้ยินดังนั้น เธอจึงปล่อยโฮออกมาเหมือนกับเด็กเล็ก ๆ ในอ้อมกอดมารดา เมื่อสุวิทย์ ที่กำลังเดินเข้ามาในห้องพยาบาล เห็นภาพแม่ลูกกอดกัน เขาผู้เป็นบิดา เห็นภาพดังกล่าวแล้ว หัวใจก็เจ็บปวดแทนลูกสาวของตน จึงได้เข้าไปกอดสองคนแม่ลูกเอาไว้
ปัง!!! เสียงประตูถูกเปิดออกอย่างรุนแรง
แขกที่สุวิทย์และพรรณี คาดไว้ได้ปรากฎตัวขึ้นหลังจากที่ได้รับทราบข่าวของ ภาคิน แต่สิ่งเรื่องกลับยิ่งเลวร้ายลง เมื่อ ธเนศ และ สุวิมล พ่อและแม่ของภาคิน ผลักประตูเข้ามาอย่างรุนแรง โดยมี แก้วใส เดินตามหลังทั้งสองคนมาติด ๆ
“หึ ลูกฉันตายเพราะความโง่เง่าของแกทั้งคน แกยังจะมีหน้ามากอดกันกลม เหมือนครอบครัวอบอุ่นอยู่อีกหรอ อีเด็กสารเลว!!!”
สุวิมลเดือดดาลทันทีที่เห็นภาพครอบครัวนี้รักใคร่กัน หลังจากที่เธอได้สูญเสียลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียว
“ฟ้า เธอบอกพ่อได้ไหมว่าอุบัติเหตุครั้งนี้ เธอจะรับผิดชอบยังไง พ่อกับแม่ รักเธอเสมือนลูกสาวของเรา แต่พอมีเรื่องผิดใจกันนิดหน่อย หนูถึงขาดสติขนาดนี้เลยหรอ”
ธเนศ ยังคงมีสติอยู่ในสถานการณ์นี้ จึงเอ่ยถามลูกสะใภ้ของเขา เพื่อให้เธออธิบายว่าเหตุการณ์เป็นเช่นใดจนทำให้เขาต้องเสียลูกชายไป
ฟ้าคลายจากอ้อมกอดของบิดาและมารดา ก่อนจะหันมาตอบกับธเนศ
“พ่อคะ หนูขอโทษ”
ฟ้ากล่าวจบก็รีบก้าวลงจากเตียง แต่เธอกลับล้มลงที่พื้นทันทีที่เธอลงจากเตียง เนื่องจากว่า เหตุการณ์ในครั้งนี้ เธอไม่ได้สูญเสียชายคนที่เธอรักไป แต่เธอได้เสียลูกน้อยที่ยังไม่ได้มีโอกาสลืมตาดูโลกไปเช่นเดียวกัน……
แต่เมื่อเธอกำลังจะพูด แก้วใสที่อยู่ตรงนั้นก็รีบพูดขึ้นมาทันที
“ฟ้า ทำไมเธอใจดำได้ขนาดนี้ คินเขาพยายามอธิบายกับเธอ แต่เธอไม่ยอมฟังอะไรเลย ฉันแค่ไปซื้อที่ตรวจครรภ์ให้เธอ พอเห็นที่ตรวจครรภ์ เธอก็ควรดีใจ ที่เขาอุตส่าห์ใส่ใจเธอขนาดนี้ แต่นี่เธอกลับไม่ให้โอกาสเขาอธิบาย แถมยังตบหน้าเขาแล้ว วิ่งหนีออกไป จนคิน…..”
พูดจบแก้วใสก็ทำเป็นร้องไห้ แต่น้ำตาของเธอมันก็ไหลอาบลงมาจากสองแก้มเช่นกัน เมื่อเธอนึกถึงภาคินที่ได้จากเธอไปจริง ๆ
“ที่ตรวจครรภ์อะไร!!”
ธเนศถามขึ้นมาทันที หลังจากที่สุวิทย์พยุงลูกสาวของตนขึ้นมานั่งบนเตียงเรียบร้อยแล้ว
“คินเขาวานให้แก้วไปซื้อที่ตรวจครรภ์ค่ะ เพราะเห็นว่าน้ำฟ้า ประจำเดือนขาดไป 3 เดือนแล้ว เขาไม่กล้าไปซื้อเองจึงฝากแก้วไปซื้อค่ะคุณพ่อ วันนั้นแก้วมีนัดทานข้าวกับพ่อที่ร้านนั้นพอดี จึงได้เห็นภาคินกับน้ำฟ้า จึงกะจะเข้าไปทักทาย แต่แก้วเห็น ที่ตรวจครรภ์ขึ้น 2 ขีด แก้วเลยรีบเข้าไปแสดงความดีใจกับทั้งคู่ แต่ก็ไม่คิดว่า…… น้ำฟ้าจะเข้าใจผิด คิดว่าคินนอกใจเธอ”
แก้วใสพูด พร้อมกับทำท่าทางสำนึกผิด แต่ในใจเธอกลับสะใจที่ได้เหยียบย่ำน้ำฟ้า
“ใช่ ฉันรู้ว่าที่ผ่านมา ตาคินรักเธอ ดูแลใส่ใจเธอมากแค่ไหน เขาถามฉันทุกครั้งว่าผู้หญิงจะมีลูกได้ตอนไหนบ้าง ฉันไม่คิดเลยว่าเขาจะแอบตรวจครรภ์ให้เธอเอง”
สุวิมล พูดไปร้องไห้ไป เธอตาแดงกล่ำ แต่ก็ยังไม่วายต่อว่าน้ำฟ้า จนพรรณีทนไม่ไหว จึงได้พูดขึ้น
“พี่มลคะ เรื่องที่เกิดขึ้นมันคืออุบัติเหตุ ฟ้าเองเขาก็ไม่ได้ตั้งใจ แต่พอเขารู้ความจริง เขาก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยภาคิน ฟ้าช่วยจน”
เมื่อกล่าวมาถึงจุดน้ำพรรณีก็จุกที่อกและน้ำตาไหลออกมาทำให้เธอพูดไม่ออก
พอสุวิทย์เห็นดังนั้น จึงเข้าไปกอดภรรยาไว้และพูดแทนเธอว่า
“ลูกของยัยฟ้ากับตาคิน เขาไม่อยู่แล้ว”
เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้น ธเนศ ที่อดีตเป็นถึงนายทหารผู้กล้าที่ฝ่าสมรภูมิรบมามากมาย กลับล้มทั้งยืนไม่เป็นท่า ส่วนสุวิมลกรีดร้องจนเป็นลมหมดสติไป และแก้วใส ได้รีบมารับตัวเธอไว้ ส่วนน้ำฟ้า
ลูก…. ลูกไม่อยู่แล้วหรอ ลูกของเรากับคิน…. ตัวแทนความรักของเรากับคิน
เธอกุมท้องน้อย ๆ ของตัวเอง ที่มันว่างเปล่า ดวงตาเบิกกว้าง แต่กลับเหมือนวี่แววของคนไร้ชีวิตจิตใจ และสุดท้าย ภาพตรงหน้าของเธอก็มืดลงไป
หลังจากเหตุการณ์ผ่านไป 3 เดือน
“ฟ้า วันนี้แม่เอาสาลี่ฉ่ำ ๆ หวานมาให้ลูกด้วยนะ ลูกตื่นขึ้นมากินได้ไหมลูก”
เสียงของพรรณี แหบพล่าเรียกลูกสาว ที่หลับเป็นเจ้าหญิงนิทรามาแล้ว 3 เดือน ให้ตื่นขึ้นมา ในตอนนี้ พรรณีร่างกายดูซูบลง ส่วนสุวิทย์เองก็มีดวงตาที่เศร้าหมองจนเห็นได้ชัด ดวงตาที่เย็นเฉียบของเขา ที่ปกติแทบจะทำให้คนรอบข้างหวาดกลัวแล้ว ในเวลานี้ มันน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม เพราะตั้งแต่น้ำฟ้าหมดสติไป พรรณีก็ร้องไห้ทุกคน และผวาเรียกลูกสาวให้ตื่นขึ้นแทบทุกคืน ทำให้เขาเองก็แทบจะไม่ได้พักผ่อน แถมยังต้องคอยรับแรงปะทะทางอารมณ์กับ สุวิมล แทบทุกวัน เนื่องจาก สุวิมล มาเพื่อ ปลุกให้น้ำฟ้าตื่นขึ้นมารับ การด่าทอของเธอ
ปัง!!! เสียงประตู ถูกเปิดขึ้นในเวลาเดียวกันทุกวัน และเช่นเคย คนที่ก้าวเข้ามาก็คือสุวิมล
“ยัยฟ้า แกยังมีหน้านอนหลับได้สบายใจอยู่อีกหรอ แกไม่คิดจะตื่นมาเลยหรือไง”
เมื่อมองดูดี ๆ สภาพของสุวิมลตอนนี้ ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับ พรรณี ภรรยาของเขา เธอซูบผอมลง และเริ่มมีผมขาวขึ้นมาเล็กน้อย ที่สำคัญ ความคล้ำรอบดวงตากลับยิ่งเห็นได้ชัด อดีตสาวงามแห่งเมืองไทยในเวลานี้ ความงามของเธอหมดลงไป พร้อมกับข่าวการเสียชีวิตของภาคิน
“คุณมล นี่ก็ 3 เดือนแล้ว ฟ้าเองก็สภาพจิตใจย่ำแย่เช่นกัน หมอบอกว่าเธอปิดกั้นตัวเองออกจากความเป็นจริง ถ้าหากว่าครอบครัวเราสามารถชดเชยให้คุณได้ ผมก็จะชดเชยให้ แม้ว่านั่นจะเป็นชีวิตของผมก็ตาม”
สุวิทย์เอ่ยขึ้น หลังจากที่เขาเองก็หมดแรงที่จะห้ามปรามสุวิมล
“หึ ชีวิตของคุณทุกคน เทียบไม่ได้กับลูกชายของชั้น!!!!”
สุวิมลพูดทิ้งท้ายและเดินจากไป
ณ สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ดอกกุหลาบสีแดงและสีขาว ปลูกสลับไปมาทั้ง 2 ฝั่ง ณ ที่เก้าอี้ตรงนั้น มีเด็กผู้ชายตัวน้อย ๆ ผิวสีขาว คิ้วดกดำ จมูกเป็นคมสัน และดวงตาที่สุขุม กำลังวิ่งไล่จับกับ ชายผู้ที่มีร่างกายกำยำ สูงโปร่งไหล่ที่กว้างของเขา เผยให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง เมื่อยามที่เขาอุ้มลูกน้อยขึ้นมา
“แม่….. แม่มาแล้วหรอครับ”
น้ำฟ้าหันไปมองรอบข้าง เธอเห็นว่าไม่มีใคร เธอจึงยิ้มให้กับเด็กหนุ่มคนนั้นและถามว่า
“หนูเรียกน้าหรอจ๊ะ”
เด็กน้อยทำหน้างง และเอียงคอเล็กน้อยมองมารดาตรงหน้า
“จะไม่ให้เรียกแม่ แล้วจะให้ผมเรียกใครครับ”
ฟ้าพยายามทำความเข้าใจกับภาพตรงหน้า ว่าที่เธอจำได้ว่าภาคินจากไป พร้อมกับลูกในท้องของเธอ แสดงว่าที่ผ่านมา เธอแค่ฝันร้ายกับมันสินะ เพราะตอนนี้ภาพตรงหน้า คือลูกน้อยของเธอ ส่วนชายที่ยืนอยู่ตรงเก้าอี้ที่ริมสระน้ำนั้น คือภาคิน เมื่อเธอนึกได้ น้ำตาก็ไหลลงมาอาบแก้มสีขาวนวลของเธอ
“คิน ฟ้าคิดถึงคินเหลือเกิน” เธอพยายามเดินไปหาชายตรงนั้น
แต่ยิ่งเดิน ก็เหมือนยินไกล ที่สำคัญ เธอที่พยายามเดินตามลูกชาย เพื่อวิ่งไปหาภาคิน เธอก็เดินไม่ถึงมันสักที เธอไขว่คว้าหาภาคิน และได้แต่พร่ำเพ้อออกไป
“คิน ฟ้าขอโทษ…….”
ณ ห้องผู้ป่วย
“ฟ้า แม่สงสารลูกเหลือเกิน” พรรณี มองหน้าลูกสาวที่มีน้ำตาไหลลงมาอาบแก้ม พร้อมกับอาการกระตุกที่มือเล็กน้อย หลังจากที่เธอหมดสติได้ 3 เดือน เธอจะมีอาการแบบนี้ในทุก ๆ วัน
ภาพในสมองของน้ำฟ้า ยังคงวนเวียนอยู่กับภาคินและสวนสาธารณะแห่งนั้น จนวันนี้ เธอได้มาอยู่ในสถานที่ที่มืดมิด มองไปทางไหนก็ไม่เห็นแม้แต่แสงสว่าง เธอเดินไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย พร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้มตลอดเวลา เมื่อเธอเดินไปได้สักพัก เธอได้สะดุดล้มลง และเมื่อก้มลงไป เธอมองเห็นภาพตรงหน้าคือแม่น้ำที่กำลังไหลเชี่ยว และภาพในหัวของเธอกลับกลายเป็น สายน้ำที่มีเลือดสีแดงสด และศพมากมายที่ไหลลงมาตามแม่น้ำ เธอมองมันด้วยความหวาดกลัว และพยายามจะวิ่งหนี แต่เมื่อกำลังจะก้าวท้าว
ฮือ ๆ ๆ เสียงสะอึกสะอื้นของหญิงสาวดังขึ้นจากตรงไหนสักแห่งในความมือมิด
“ใคร!!! นั่นใครน่ะ”
“....”
“คุณคือใคร ?” เจ้าของเสียงสะอื้นร่ำไห้ เอ่ยถามขึ้น เมื่อเธอเงยหน้ามามองดูน้ำฟ้า ที่กำลังหวาดกลัว
น้ำฟ้าแปลกใจกับสำเนียงที่ได้ยิน เนื่องจากภาษาที่เขาถามเธอกลับมา ไม่ใช่ภาษาไทย แต่มันกลับเป็นภาษาจีน แต่แล้วเธอก็ยิ่งแปลกใจยิ่งกว่าที่ตัวเธอเองสามารถตอบกลับเสียงนั้นเป็นภาษาจีนกลับไปได้เช่นกัน ทั้ง ๆ ที่เธอไม่เคยเรียนภาษาจีนเลย
“เธอ… เธอเป็นใคร และอยู่ตรงไหน ทำไมฉันมองไม่เห็นเธอ ฉันเห็นแต่ศพ เธอไม่เป็นไรใช่ไหม”
หานซี หันมามองเธอและลุกขึ้นจากมุมมืดนั้น และเดินไปจับมือเธอ ทันใดนั้น น้ำฟ้าก็ได้มองเห็นหน้าของหญิงสาวชัด ๆ เธอตกใจกับภาพตรงหน้า และ หานซี เองก็ตกใจเช่นกัน เพราะทั้งสองคน มีใบหน้าที่เหมือนกันมาก เพียงแต่ชุดที่เธอทั้งสองสวมใส่ ต่างกันคนละภพสมัย
แต่ถ้าเทียบกับความงามของทั้งสอง หานซี มีความงามที่มากกว่าน้ำฟ้ามาก เนื่องจาก จมูกที่เป็นสันคมสวยงาม ปากที่เล็กจิ้มลิ้ม ส่วนน้ำฟ้า มีจมูกที่เล็ก แต่ไม่ได้เป็นสันคม และริมฝีปากของเธอก็เสมือนริมฝีปากทั่วไป แต่กับหานซีนั้น เธองดงามหมดจด ไร้ที่ติ เพียงแต่ดวงตาของทั้งคู่ที่ดำสนิท ไร้สีสัน ที่ยิ่งเมื่อมาอยู่ในที่มืดมิดเช่นนี้ ยิ่งรับรู้ได้ถึงความเย็นชาผ่านสายตาคู่นั้น
“เธอ…”
“เธอ…”
น้ำฟ้าและหานซี กล่าวขึ้นพร้อมกัน และผละออกจากกัน แต่เมื่อน้ำฟ้าได้สติก่อน
“เธอ… ทำไมมีหน้าตาคล้ายฉันมาก เธอเป็นใคร และมาจากไหน และที่แห่งนี้คือที่ใด”
“ฉันคือ หยวน หานซี เป็นชายาเอกของท่านอ๋องซุนหยาง บุตรนอกสมรสของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน แห่งราชวงค์ชิง”
“....” อะไรวะเนี่ยยยย น้ำฟ้าคิดในใจ เธองง และพยายามตบตัวให้ตื่น แต่เธอก็ยังคงอยู่ตรงนั้น
“ฉันไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน แต่ฉันรู้แค่ว่า ฉันถูกปล้น และถูกฆ่าตายที่ริมธารแห่งนี้ ตอนที่ฉันออกมาเยี่ยมท่านแม่ ที่เมืองไห่ซื่อ ซึ่งห่างจากเมืองหลวง 60 ลี้ บริวารและผู้ติดตามของฉันถูกฆ่าตายหมด และสาวใช้ที่ท่านอ๋องส่งมาดูแลฉัน ช่วยให้ฉันหนีรอดมาจนถึงด้านล่าง เมื่อเรากำลังจะข้ามแม่น้ำ ภาพสุดท้ายที่ฉันจำได้คือ สาวใช้คนนั้น เอาก้อนหินก้อนนั้น มาทุบที่หัวของฉัน และฉันก็ได้มาอยู่ในที่แห่งนี้ นานเท่าใดแล้ว ก็ไม่สามารถบอกได้เช่นกัน”
เมื่อฟังหญิงสาวตรงหน้ากล่าวจบ น้ำฟ้าก็มองไปที่หินก้อนนั้น ที่เธอสะดุดล้มก่อนหน้านี้ เธอมองมัน และนึกย้อนไปที่เหตุการณ์ก่อนหน้าของเธอเช่นกัน ในเวลานี้ ภาพความทรงจำต่าง ๆ ของเธอ ในวันครบรอบแต่งงาน รวมไปถึงภาพที่ภาคินจากเธอไป และข่าวร้ายที่สุดในชีวิตของเธอ ก็คือ เธอได้เสียพยานรักของเธอกับภาคินไป เมื่อเธอนึกถึงลูกน้อยของเธอ เธอได้นึกถึงภาพความฝันที่เธอฝันถึงบ่อย ๆ ภาพที่เธอพยายามเอื้อมไปคว้าไว้ แต่ก็ไม่สามารถคว้าได้ มุมปากของเธอยกขึ้นมาเล็กน้อย
“ฉันเป็นแค่ผู้หญิงที่โง่ที่สุด”
“....” หานซีได้ยินดังนั้น เธอจึงเดินเข้าไปหาน้ำฟ้า และสวมกอดเธอไว้
“ไม่ใช่เธอคนเดียวหรอกที่โง่ ข้าเองก็เช่นกัน ให้ความรักนำทางทุกอย่าง ข้ารักชายคนนั้นอย่างสุดหัวใจ ไม่ว่าเขาต้องการอะไร แม้แต่ต้องการรับสหายสนิทของข้าเป็นชายารอง ข้าก็ยอมเขาทุกอย่าง”
เมื่อเล่ามาถึงจุดนี้ หานซี ก็หยุดกล่าว แต่น้ำฟ้ารับรู้ได้ถึงสายน้ำอุ่น ๆ ที่ไหลลงลงมากระทบกับไหล่ของเธอ
น้ำฟ้าเอื้อมมือไปปลอบประโลมหญิงสาวที่กอดตนอยู่ ทั้งสอง กอดกันร้องไห้อย่างเงียบ ๆ โดยไม่พูดจา จนเวลาผ่านไปนานเท่าใด ไม่มีใครรู้ได้
จู่ ๆ ก็มี แสงสีขาวของเด็กน้อย เดินเข้ามาท่ามกลางความมืดมิดจนน้ำฟ้าและหานซีหันกลับไปมอง
“สเด็จแม่… ท่านรีบกลับมาหาลูกได้แล้ว”
เสียงนี้… น้ำฟ้าคิดในใจ ทำไมมันช่างคุ้นเคย และใบหน้านั้นอีก ที่งดงามราวกับรูปปั้นกามเทพน้อย และเมื่อเด็กน้อยเดินเข้ามาใกล้ น้ำฟ้าตาเบิกกว้างขึ้น เธอจำได้ในทันที ว่าเด็กคนนี้คือลูกของเธอที่อยู่ในความฝันของเธอในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
“ลูก….” น้ำฟ้าน้ำตาไหลพรากและปล่อยโฮ ออกมาอีกครั้ง เพราะครั้งนี้ เธอกอดเขาได้ แบบตัวเป็น ๆ เธอจับเขาได้ เด็กน้อยมีสีหน้า ดีใจปนกับ ความเร่งรีบ
“ท่านแม่ ท่านอย่าเพิ่งดีใจตอนนี้ ท่านต้องรีบไปจากที่แห่งนี้ หากท่านอยากเจอลูกอีก ท่านต้องรีบก้าวออกไปที่ประตูนั้น”
เด็กน้อยชี้ไปที่ประตูสีขาวตรงด้านหน้าที่ห่างออกไปเพียง 10 ก้าว
หานซี เองก็ตกใจไม่แพ้น้ำฟ้า เธอนั่งย่อลงข้างกายเด็กน้อย และถามว่า
“เธอมาพาแม่เธอกลับไปหรอ”
หานซี ในยามที่เธอมีชีวิตอยู่ เธอเป็นหญิงสาวที่มีความสามารถรอบด้าน ทั้งในการเย็บปักถักร้อย มีความคิดเป็นของตนเอง และได้รับการอ่านเรียน เขียนหนังสือ จากท่านอาจารย์ในวังหลวง ในการแอบปลอมตัวเป็น นักเรียนชาย ไปแอบเรียนหนังสือแทนพี่ชายลูกพี่ลูกน้องของเธอ ที่ชอบทำตัวสำมะเลเทเมา และที่สำคัญ เธอได้แอบเรียนรู้การต่อสู้ และกำลังภายใน ซึ่งมีเพียงเธอและอาจารย์ของเธอ เพียงคนที่เดียวที่รู้ว่าเธอมีกำลังภายในมี เนื่องจาก ในราชวงค์ชิง หญิงสาวห้ามเรียนรู้การตีรันฟันแทง และเรียนวรยุทธ์ และยิ่งหญิงสาวที่มีกำลังภายใน จะโดนประหารทั้งครอบครัว เนื่องจาก ในราชวงค์ไม่ต้องการให้หญิงเป็นใหญ่เหนือชาย เมื่อเหตุการณ์ต่าง ๆ ปรากฏขึ้น เธอก็รับรู้ได้ในทันที
ว่านี่คงหมดเวลาของเธอแล้ว……