ย้อนเวลาตามหาคนรัก ตอนที่ 1 ของขวัญวันครบรอบแต่งงาน
ตอนที่ 1 ของขวัญวันครบรอบแต่งงาน
ณ ร้านคาเฟ่ใจกลางกรุงเทพฯ "น้ำฟ้า" หญิงสาวที่มีผิวขาวเรียบเนียนดังไข่มุก กับดวงตาที่มีประกายเย็นเฉียบ ยามที่เธอนิ่งเงียบ และคิ้วที่ดกดำโค้งสวยมนได้รูปจนไม่ต้องเสริมแต่ง แต่จมูกและริมฝีปากของเธอนั้น ดันไม่ได้โดดเด่นและรูปทรงสวยงาม ซึ่งมันไม่ได้เข้ากับใบหน้าและผิวที่งดงามของเธอ จึงทำให้เธอเป็นเพียงแค่หญิงสาวที่มีผิวขาวงดงามกับดวงตาที่เย็นชา และบุคลิคภายนอกที่เย็นชาของเธอจึงทำให้ชายหนุ่มที่สัญจรผ่านไปมา ทำได้แค่หันมาสนใจเธอที่มีผิวขาวงดงาม แต่ยิ่งเข้าใกล้ยิ่งรู้สึกเยือกเย็น จึงทำให้ไม่มีใครสนใจเธอสักเท่าไหร่
แต่ถึงอย่างนั้นในเวลานี้คนที่สามารถทำให้ผู้หญิงที่มีดวงตาเป็นประกายเย็นเฉียบกลับกลายเป็นดวงตาที่ลุกวาวและหวานฉ่ำได้คือชายหนุ่มรูปงามที่มีตำแหน่งงานเป็นถึงหัวหน้าฝ่ายวิศกรของบริษัทยักษ์ใหญ่ในเมืองไทย "ภาคิน"
วันนี้เป็นวันครบรอบวันแต่งงานครบรอบ 5 ปี ของน้ำฟ้าและภาคิน เธอมักจะทำเรื่องเซอร์ไพรส์ต่าง ๆ ให้กับชายหนุ่มในทุก ๆ ปี แต่ในปีนี้ ช่วงหลัง ๆ มานี้ น้ำฟ้ามีอาการไม่สบาย ภาคินจึงขอให้เธอแค่ออกมาทานข้าวเย็นกับเขาก็พอ
เมื่อน้ำฟ้าแต่งงานกับภาคินได้ 3 ปี ชายหนุ่มขอให้เธอลาออกจากงานและอยู่บ้านทำงานบ้านเป็นแม่บ้านให้กับเขา และถึงอย่างนั้นฟ้าเองก็ไม่ใช่คนขี้เกียจ เธอจึงช่วยภาคิน ทำงานทั้งในบ้านและนอกบ้าน โดยการไปดูแลพ่อกับแม่ของภาคิน ในทุก ๆ วัน และ เมื่อใกล้เวลาภาคินเลิกงาน เธอก็จะรีบกลับมาที่เรือนหอของเธอและภาคิน ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ชายหนุ่มรักเธอด้วยหัวใจทั้งหมดที่มี และด้วยความรักที่เขามีให้เธอ ฟ้าจึงรับรู้ด้วยหัวใจมาตลอดว่าเขารักเธอมากแค่ไหน และเธอเองก็รักเขามากเช่นกัน
ฟ้ามารอภาคินที่ร้านอาหารก่อนเวลานัด 1 ชม. เนื่องจากเธอมีอาการอ่อนเพลียตั้งแต่เช้า เธอกลัวว่าจะตื่นสายหลังจากที่กินยาและนอน จึงรีบเดินทางมาร้านอาหารก่อนเวลานัด และในเวลานี้ ประตูร้านก็เปิดเข้ามาและชายหนุ่มที่เธอเฝ้ารอ ได้เดินเข้ามาพร้อมกับช่อดอกกุหลาบสีแดงสด แต่ในปีนี้ดอกกุหลาบสีแดงพวกนั้น มีดอกกุหลาบสีขาวแทรกเข้ามาด้วย ทำให้น้ำฟ้าปะหลาดใจ เพราะใน ทุก ๆ ปี ภาคินมักจะมอบดอกกุหลาบสีแดงสดทั้งช่อให้เธอมาตลอด โดยแต่ละปี ของขวัญที่อยู่ตรงกลางจะแตกต่างออกไป เพียงแต่ในปีนี้ ไม่มีกล่องของขวัญอยู่ตรงกลางของช่อดอกไม้ เธอจึงมองชายหนุ่มด้วยสีหน้าปะหลาดใจ แต่รอยยิ้มของเธอในครั้งนี้แตกต่างออกไปจากทุกปี เนื่องจากที่ผ่านมาเธอไม่เคยรับรู้เลยว่า เธอไม่ได้แค่ชอบดอกกุหลาบแดงมากขนาดนั้น แต่ดอกไม้ที่เธอชอบจริง ๆ คือ ช่อดอกไม้ดอกนี้ เธอมองมันด้วยแววตาหลงใหลจนแทบจะลืมมองสามีของเธอที่กำลังนั่งมองดูเธอยิ้มอย่างมีความสุข จนภาคินเองก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มตามเธอ
ภาพตรงหน้าทำให้ชายหนุ่มแอบถ่ายรูปของเธอไว้โดยที่เธอไม่รู้ตัวเมื่อถ่ายรูปภาพของฟ้าเสร็จเรียบร้อย
ภาคินจึงลุกขึ้นจากเก้าอี้อีกฝั่งและเดินไปข้าง ๆ เธอเขาย่อตัวลงข้าง ๆ เธอ โดยที่น้ำฟ้าเองยังอยู่ในภวังค์ของช่อดอกไม้ดอกนี้โดยไม่ทันได้รับรู้ว่าสามีของเธอเดินมายืนข้าง ๆ
เมื่อภาคินมายืนข้าง ๆ ภรรยา เขาเห็นว่าเธอยังใจลอยอยู่จึงได้ยกมือถือขึ้นเพื่อถ่ายรูปของเธอและเขา โดยที่เขาตั้งเวลาถ่ายไว้ และเมื่อตัวเลขนับเวลาถอยหลังนับถึง 1 ชายหนุ่มได้หอมแก้มของเธอ จนทำให้น้ำฟ้าตื่นจากภวังค์ และหันหน้ากลับมามองคนรักของเธอ จนปากของเธอและภาคินชนกัน และนั่นก็ทำให้ภาคินได้มีโอกาสถ่ายภาพนี้ได้อีก 1 ภาพ รวมถึงภาพที่เขาได้หอมแก้มน้ำฟ้าก่อนที่เธอจะหันมา เนื่องจากว่าที่แห่งนี้คือร้านคาเฟ่ และมีคนค่อนข้างเยอะ ภาคินจึงไม่ได้จูบกับภรรยาสุดที่รักของเขา เขาได้แต่แอบบ่นในใจว่า "รู้งี้กินข้าวในบ้านดีกว่า"
"สุขสันต์วันครบรอบ 5 ปีนะครับสุดที่รัก"
"เช่นกันค่ะคิน ฟ้ารักคินนะคะ"
2 ประโยคของสามีภรรยา ที่มีให้กันในวันครบรอบทุกปี ทำให้ทั้งสองคนรักกันมากขึ้นทุกวันความรักที่เกิดจากความเข้าใจ เชื่อใจ และความซื่อสัตย์ที่ทั้งสองคนมี ให้กัน จึงทำให้โลกของฟ้าและภาคินเป็นสีชมพูในทุกวันเมื่อยามที่เขาทั้งสองอยู่เคียงข้างกัน
แต่...ในขณะเดียวกัน สายตาอีกคู่ที่จ้องมองอย่างอาฆาต จากนอกร้านคาเฟ่ หญิงสาวที่มีใบหน้างดงามยิ่งกว่าน้ำฟ้า และมีความงดงามหมดจดเทียบได้กับดารานางแบบในไทยยุคปัจจุบัน ที่สำคัญยังเป็นลูกสาวของบริษัทยักใหญ่ที่ ภาคินทำงานอยู่ "แก้วใส" ซึ่งตอนนี้เธอเป็นเพื่อนร่วมงานของภาคิน และเธอก็ยังเป็นเพื่อนของฟ้าเมื่อสมัยที่ฟ้ายังคงทำงานอยู่ที่เดียวกับภาคิน แต่เมื่อฟ้าแต่งงานกับภาคิน ฟ้าได้ลาออกจากงานไปเป็นแม่บ้านให้ภาคิน แก้วใสกับฟ้าจึงพบปะกันน้อยลง และมีเพียงแค่ภาคินและแก้วใส ที่ยังคงอยู่ในกลุ่มเพื่อนร่วมงานที่ไปกินสังสรรค์กันในเวลาทำงาน ซึ่งทุกครั้งภาคินจะบอกให้ฟ้ารับรู้ทุกครั้ง
ภาคินไม่เคยรับรู้เลยว่าเพื่อนร่วมงานคนนี้แอบมีใจให้เขาตั้งแต่วันที่เขากับเธอได้ไปดูงานร่วมกันกับภาคินที่นอกบริษัทเหตุการณ์ในวันนั้นที่แก้วใสใส่รองเท้าส้นสูงและล้มลงจนส้นสูงหัก เนื่องจากเธอไม่เคยทำงานมาก่อน และได้มาทำงานที่นี่เป็นครั้งแรก เธอจึงไม่รู้ว่าสถานที่และรูปแบบการทำงานของภาคินเป็นแบบไหน เธอจึงใส่รองเท้าส้นสูงตามสไตล์คุณหนูที่มักชอบแต่งตัวสวยและดูดีอยู่ตลอดเวลา เมื่อตอนไปดูไซต์งานเธอเดินไปข้าง ๆ ภาคินและคอยจดรายการสเปคให้กับเขา จนเธอพลาดเหยียบเศษแก้วและได้พยายามที่จะรีบยกเท้าขึ้นจนเธอล้มลงกับพื้นไม่เป็นท่า ทำให้รองเท้าส้นสูงหัก และกระโปรงของเธอที่สั้นทำให้ท่าที่เธอล้มลงไป มองเห็นกางเกงชั้นในสีขาวของเธอ ทำให้ผู้จัดการที่ไซต์งานซึ่งเป็นเพียงชายหนุ่มที่อายุเพิ่งเข้าเลข 3 ได้รีบหันไปด้านข้างเพื่อที่จะได้ไม่มองเห็นช่วงหว่างขาของเธอที่อ้าออกจนเห็นกางเกงชั้นใน แต่ก็มีแอบชำเลืองมองมาบ้างจนเธอหน้าแดง
และเนื่องจากตอนที่เธอล้มลงทำให้ข้อเท้าพลิกเธอจึงไม่สามารถลุกขึ้นได้ในทันที แต่ภาคินที่มีนิสัยเป็นสุภาพบุรุษ เมื่อเห็นภาพตรงหน้าทำให้เขารีบนำผ้าเช็ดหน้าออกมาวางไว้ที่หน้าตักของแก้วใสเพื่อปกปิดไม่ให้เห็นกางเกงชั้นใน และรีบพยุงให้เธอลุกขึ้น เมื่อผู้จัดการไซต์งานเห็นว่าแก้วใสอยู่ในสภาพที่ไม่โป๊แล้ว เขาจึงรีบมาช่วยภาคินพยุงแก้วใสอีกข้าง แต่เหตุการณ์ในครั้งนี้ ชายที่ได้หัวใจของเธอไปมีเพียงภาคิน
"คุณแก้วพอเดินไหวไหมครับ" ปกรณ์ ผู้จัดการไซต์งานหนุ่มถามขึ้นขณะพยุงแก้วใส
เมื่อแก้วใสได้ยินเธอจึงเมินเฉยใส่ปกรณ์ และหันกลับมาพูดกับภาคินว่าเธอไม่น่าจะเดินไหวเนื่องจากข้อเท้าเธอพลิก เมื่อภาคินได้ยินดังนั้นเขาจึงอุ้มแก้วใสขึ้น "คุณปกรณ์ครับ ถ้ายังไงเรื่องคุยงานเราเปลี่ยนเป็นวันพรุ่งนี้ดีไหมครับ วันนี้ผมเกรงว่าไม่น่าจะสะดวกเท่าไหร่" เมื่อปกรณ์ได้ยินก็รีบตอบรับไปทันที "ได้เลยครับคุณภาคิน รีบพาเธอไปที่ห้องพยาบาลของบริษทผมก่อนได้ครับ เดี๋ยวผมเรียกให้รถมารับตอนนี้เลย และในส่วนเรื่องงานรอให้คุณแก้วใสหายดีก่อนแล้วค่อยพาเธอมาใหม่ก็ได้ครับ เธอจะได้เรียนรู้งานเพิ่มเติมด้วย" ปกรณ์พูดไปพร้อมกับมองไปที่แก้วใส โดยไม่มองหน้าภาคินเลยแม้แต่นิด ซึ่งภาคินเองก็เห็นว่ายิ่งปล่อยไว้นานแก้วใสน่าจะปวดเท้ามาก เขาจึงรีบเดินไปที่รถบริษัทของปกรณ์และรีบนำแก้วใสไปห้องพยาบาล
เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในวันนั้น แก้วใสบอกกับหัวใจตัวเองว่าเธอจะไม่รักใครอีกถ้าหากว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอคนนี้ไม่สามารถเป็นของเธอได้ เธอก็จะไม่รักใครอีก เพราะคิดว่าไม่มีใครคู่ควร เนื่องจากเธอเป็นลูกของครอบครัวมีเงิน จึงมีผู้ชายมากหน้าหลายตาเข้าหาเธอตลอด แต่สิ่งที่เธอได้รับรู้ก็คือมีแต่คนหวังในเรื่องของหน้าที่การงาน หวังในเรื่องเงินทองของครอบครัวเธอ แต่กับภาคินต่างกันออกไป เขาไม่เคยเข้าหาเธอเลยสักครั้งเมื่อเธอมาทำงานในวันแรก เขาทำเพียงเดินผ่านเธอไป โดยไม่สนใจเธอ จนวันที่พ่อของเธอต้องการให้เธอเติบโต เธอจึงได้ร่วมงานกับภาคิน แต่ถึงอย่างนั้น ภาคินก็ไม่เคยคิดแทะโลมเธอทั้งคำพูดและสายตา เหมือนกับที่เธอเคยเจอ จนเธอเองก็เริ่มรู้สึกดีกับเขาขึ้นทุกวัน
ณ ร้านคาเฟ่ใจกลางกรุง เมื่อภาคินกับฟ้าถ่ายรูปเสร็จเรียบร้อย ภาคินจึงเตรียมของขวัญมาเซอร์ไพรส์น้ำฟ้า ซึ่งน้ำฟ้าเองก็ใจจดใจจ่อกับของขวัญของภาคิน และแก้วใสเองก็เดินเข้ามาในร้านเรียบร้อยและใกล้จนสามารถเห็น และได้ยินเสียงของทั้งคู่ แต่เนื่องจากฟ้าและภาคิน เมื่อเขาทั้งสองอยู่ด้วยกัน จึงไม่ได้คิดสนใจจะแวงใคร เนื่องจากทั้งคู่รู้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าตนเอง ซื่อสัตย์ทั้งต่อหน้าและลับหลัง
ภาคิน หยิบของขวัญในกระเป๋ากางเกงจนเองขึ้นมาและแบมือให้น้ำฟ้าดู "ของขวัญวันครบรอบ 5 ปี ครับคุณภรรยาสุดที่รัก" ของขวัญชิ้นนี้น้ำฟ้าตกใจทันทีที่เห็น แม้แต่แก้วใสเองก็เช่นกัน แต่ภาคินกลับยิ้มอย่างภาคภูมิใจ เพราะสิ่งที่อยู่ในมือเขาคือ "ที่ตรวจครรภ์ ที่มี 2 ขีดชัดเจน" น้ำฟ้าได้แต่อ้าปากพูดอะไรไม่ออก แต่ไม่รู้ว่าทำไมน้ำตากลับไหลออกมา เธอคิดไปต่าง ๆ นา ๆ ว่าโดนภาคินนอกใจตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอน้ำตานองหน้าและเงยหน้ามองดูผู้ชายคนที่ตนเองรักสุดหัวใจ ในเวลานั้น เธออยากจะพูดอะไรหลาย ๆ อย่างออกมา แต่เธอก็พูดมันไม่ออก เหมือนมีก้อนอะไรมาจุกอยู่ที่ลำคอ เธอได้แต่สลับมองของในมือของภาคินและหน้าของเขา แต่ภาคินก็ยังคงยิ้ม จนสักพักชายหนุ่มจึงหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา และซับน้ำตาให้เธอ น้ำฟ้าพยายามจะเบี่ยงหน้าหนี แต่ภาคินก็จับหน้าเธอไว้ เขาจึงยิ้มและบอกกับเธอว่า
"ยัยบื้อ ร้องทำไมคิดว่าผมนอกใจเมียตัวเองหรอ"
เมื่อน้ำฟ้าได้ยิน เธอจึงได้สติและเสียงของเธอก็กลับมาอีกครั้ง เธอถามเขาไปพร้อมกับเสียงที่อู้อี้ว่า
"คุณให้ฉันดูสิ่งนี้ในวันนี้ คุณจะไม่ให้ฟ้าเสียใจเลยหรอ เพราะฟ้าไม่ได้ซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจ แต่ทำไมคุณกลับมีมัน ทั้ง ๆ ที่ฟ้าไม่ได้ตรวจ!!"
เมื่อแก้วใสได้ยินดังนั้น เธอจึงรีบลุกขึ้นยืนและเดินมาหาน้ำฟ้า ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ภาคินกำลังจะเอ่ยปากพูด
"ใช่ ที่ตรวจนี้ไม่ใช่ของเธอ แต่เป็นของฉันเองน้ำฟ้า" แก้วใสพูดพร้อมยิ้มเยาะให้น้ำฟ้า และเธอก็ยังเดินไปหาภาคินพร้อมกับเอามือกอดแขนภาคิน ซึ่งในเวลานี้ ภาคินเองก็ช็อคกับเหตุการณ์นี้ เขาทำอะไรไม่ถูก จนพอคิดว่าตัวเองจะต้องรีบพูดอธิบายกับภรรยา เขาจึงรีบพูดโดยที่ลืมเอามือของแก้วใสที่ควงแขนเขาไว้ออก
"ฟ้า มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด" เมื่อแก้วใสเห็นภาคิณพยายามอธิบาย เธอจึงรีบพูดตัดบท "คินคะ คุณเลิกโกหกเธอเถอะค่ะ ในเมื่ออีกไม่นานลูกของเราก็ต้องตื่นมาลืมตาดูโลก" น้ำฟ้ามองดูแก้วใสควงแขนภาคิน และท่าทางภาคินที่ทำอะไรไม่ถูก แต่ก็ยังคงอยากจะแก้ตัวกับเธอจนไม่คิดจะเอาแขนของแก้วใสออก ซึ่งโดยปกติ ภาคินจะไม่เข้าใกล้ผู้หญิงคนอื่นเลย เนื่องจากเขารู้ว่าเธอหวงและหึงเขามากแค่ไหน เพราะทุกครั้งที่มีผู้หญิงอื่นเข้าใกล้ เขามักจะรีบเดินห่างออกมา และทำสายตารังเกียจใส่ผู้หญิงทุกคนที่เข้ามาหาเขาเสมอ แต่ในครั้งนี้ ภาพที่น้ำฟ้าเห็น ภาคินไม่แม้แต่จะแกะมือแก้วใสออก เขากลับยืนนิ่งอยู่เฉย ๆ เธอจึงปาช่อดอกไม้ที่เธอชอบที่สุดในชีวิตเธอ ใส่ผู้ชายที่เธอรักสุดหัวใจ และรีบวิ่งออกจากร้าน เธอรีบสตาร์ทรถยนต์ของเธอและขับออกไปข้างหน้าโดยไร้จุดมุ่งหมาย เมื่อภาคินเห็นดังนั้น เขาจึงรีบวิ่งตามน้ำฟ้าออกไป และก่อนที่จะออกไป เขาไม่ลืมที่จะหันมาพูดกับแก้วใสว่า
"ถ้าน้ำฟ้าเป็นอะไรไป คุณอย่าได้คิดว่าจะได้มายืนลอยหน้าลอยตาอยู่ข้างผมอีก ผู้หญิงอย่างคุณมันน่ารังเกียจ"
เมื่อแก้วใสได้ยินคำพูดของภาคิน เธอถึงกับล้มทั้งยืน เธอคิดมาตลอดว่าจะทำยังไงให้ภาคินกับน้ำฟ้าเลิกกัน ถึงขนาดว่าขอให้พ่อของเธอช่วยเรืองงาน ให้ภาคินได้ไป ตจว. หลายวัน โดยมีเธอร่วมทาง และเธอเองก็คิดหาวิธีที่จะทำให้ภาคินเป็นของเธอ แต่ทุกอย่างมันก็ผ่านไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น
จนเมื่อ 2 วันก่อนภาคินได้เข้ามาปรึกษากับเธอ บอกว่าช่วงนี้น้ำฟ้ามีอาการอาเจียนและเพลียบ่อย ๆ แถมประจำเดือนก็ขาด เขาจึงอยากได้ที่ตรวจครรภ์ แต่เขาไม่มีความกล้าในการเข้าไปซื้อ จึงได้ขอให้เธอไปซื้อให้เขา
พอเธอเห็นเหตุการณ์ในวันนี้ และอาการของน้ำฟ้า เธอจึงรับรู้ได้ในทันทีว่า ภาคินไม่ได้ให้น้ำฟ้าตรวจครรภ์เอง และน้ำฟ้าเองก็อาจจะไม่ได้ตรวจครรภค์เอง เนื่องจากว่าพวกเขาเคยเป็นเพื่อนร่วมงานกันมาก่อน แก้วใสจึงรู้ว่าน้ำฟ้าเป็นคนที่ดูแลและใส่ใจตัวเองน้อยมากแค่ไหน จนทำให้ภาคินต้องคอยดูแลใส่ใจเธอแทนในทุก ๆ เรื่อง แม้กระทั่งเรื่องนับวันตกไข่ เพราะเธอเคยแอบเห็นภาคินโหลดแอพฯ นับวันตกไข่ในมือถือ เธอเห็นภาคินพิมพ์คำว่า ปจด. ลงในแอพฯ นั้น ซึ่งในตอนนั้นเธอยังคงแค่รู้สึกดีกับภาคินที่ไม่ได้มองว่าเธอเป็นลูกเจ้าของบริษัท และน้ำฟ้าเองก็เป็นภรรยาของภาคิน เธอจึงเป็นเพื่อนกับน้ำฟ้าได้ในเวลานั้น เพียงแต่ในบางครั้งเธอก็รู้สึกรำคาญน้ำฟ้า ที่มักจะคอยหึงภาคินทุกครั้งที่มีผู้หญิงไปยืนข้าง ๆ จนภาคินมักจะทำตัวเฉยชากับผู้หญิงคนอื่น และเขยิบตัวออกห่างจากผู้หญิงเหล่านั้นในทุกครั้ง และเมื่อน้ำฟ้าเห็นภาคินทำแบบนั้นต่อหน้าและลับหลัง น้ำฟ้าก็มักจะชี้ให้เธอดูว่า ภาคินนั้นดีเพียงใด ทำให้เธอได้แต่ลอบถอนหายใจ และเบือนหน้าหนีอย่างเบื่อหน่าย แต่เธอก็ยังคงคบกับน้ำฟ้า เนื่องจากบุคลิกที่เย็นชาของน้ำฟ้า ชายหนุ่มที่พยายามเข้าหาเธอ จึงไม่คอ่ยเข้ามาใกล้ เพราะน้ำฟ้ามักจะใช้ดวงตาที่ดำมืดสนิทมองไปทางผู้ชายเหล่านั้นเสมอ ยามที่ที่เธอขอร้อง
เมื่อภาคินออกมาจากร้านคาเฟ่แล้ว เขาก็เห็นเพียงด้านหลังของรถยนต์ BMW ที่เขาซื้อไว้ให้เธอในวันครบรอบแต่งงานปีที่ 4 ภาคินรีบสตาร์ทรถของตนเองตามเธอออกไปทันที จนเขาสามารถตามเธอไปได้ทัน ภาพที่เขาเห็นทำให้เขาหดหู่หัวใจ ภรรยาที่เขารักสุดหัวใจกำลังร้องไห้โดยที่น้ำตาไม่ขาดสาย ภาพความเจ็บปวดของเธอ มันทำให้ใจของเขาเจ็บปวดจนน้ำตาแทบจะไหลออกมา แต่ก็ไม่สามารถไหลออกมาได้ เขาห่วงเธอสุดหัวใจ เขาโทรหาภรรยา แต่เธอก็ไม่รับสาย จนเมื่อถึงไฟแดง ฟ้าใสรีบเร่งความเร็วจนหลุดพ้นไฟแดงในวินาทีสุดท้ายได้ แต่หลังจากหลุดมาได้ สิ่งที่เธอได้ยินคือ เสียงเบรคกระทันหันของล้อรถยนต์ บวกกับเสียงดังตู้ม เมื่อเธอมองที่กระจกมองหลัง ภาพที่เธอเห็นคือ รถยนต์ของสามีเธอ ที่เธอซื้อให้เขาในวันครบรอบปีที่ 4 เช่นเดียวกัน ซึ่งมันเป็นรุ่นเดียวกัน แต่คนละสีกับเธอ เธอจำทะเบียนรถได้ดี เมื่อเธอเห็นภาพนั้น หัวใจเธอแตกสลายทันที เธอรีบจอดรถ และวิ่งเข้าไปหาภาคินอย่างบ้าคลั่ง ภาพตรงหน้า รถกำลังเกิดประกายไฟ เธอวิ่ง และกรีดร้องเรียกให้คนช่วย โดยเรียกหาภาคินอยู่ตลอดเวลา
เมื่อภาคินที่กำลังไม่ได้สติอยู่ในซากรถ ได้ยินเสียงภรรยาสุดที่รักที่กำลังเรียกร้องหาเขาด้วยน้ำเสียงที่บ้าคลั่ง ทำให้เขาพยายามลืมตา แต่เนื่องจากขาเขาติดกับซากรถ และรู้สึกว่ามันไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะขยับออก อีกทั้งเขาเห็นประกายไฟที่อยู่ที่หน้ารถ เขาจึงได้แต่ยิ้มออกมา และรีบหันไปมองน้ำฟ้า โดยพยายามใช้มือที่แทบจะไม่มีเรี่ยวแรง โบกให้เธออย่าก้าวเข้ามา แต่ภาพตรงหน้าที่น้ำฟ้าเห็นคือ มือของเขาที่พยายามเรียกร้องให้เธอช่วยเหลือเขา เธอจึงวิ่งไม่คิดชีวิต และสะดุดล้มลงกลางทางจนมีเลือดออกตามฝ่ามือและหัวเข่า แต่เธอก็ยังคงวิ่งแบบล้มลุกคลุกคลานไปหาสามีของเธอ เมื่อน้ำฟ้าเข้าไปใกล้ภาคิน ภาพที่เธอเห็นทำให้เธอเข่าอ่อน เพราะภาคินไม่สามารถขยับได้ เธอพยายามไปช่วยเขา และคนรอบข้างที่เห็นเหตุการณ์ก็ได้แต่ใจดีสู้เสือ เนื่องจากประกายไฟที่หน้ารถมันจะประทุขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ มีแต่เสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวาย ให้น้ำฟ้า ออกจากตัวรถ ซึ่งภาคินเองก็เป็นหนึ่งในนั้น เขาใช้แรงที่มีบอกเธอว่าให้เธอหนีไป แต่น้ำฟ้าก็ยังคงดึงดันเปิดประตูรถเพื่อพาเขาออกมา แต่มันเปิดเท่าไหร่ก็เปิดไม่ออก เธอได้แต่ทุบรถไป ร้องไห้ไป จนมือของเธอที่บวมและแดงจากการล้มลงตอนที่วิ่งมาหาเขา เริ่มมีเลือดออกจนภาคินเห็นได้ชัด เมื่อภาคินเห็นภาพนั้น เขาจึงใช้แรงที่มีอันน้อยนิดของเขา จับมือของน้ำฟ้าไว้และพูดกับเธอว่า
“ฟ้าครับ ดูแลลูกของเราแทนผมด้วย บอกลูกว่าผมรักเขามาก เขาคือดวงใจของผม และบอกเขาด้วยว่า ให้ดูแลแม่แทนผมด้วย เมื่อยามที่เขาเติบใหญ่”
เมื่อน้ำฟ้าได้ยินดังนั้นเธอจึงหยุดจากการพยายามเปิดประตู เธอจึงมองหน้าเขาและถามว่า “คุณพูดอะไรคิน ลูกของเรา คืออะไร” ภาคินยิ้มให้เธอและบอกกับเธอว่า “ยัยบื้อเอ๊ย ปจด. คุณไม่มา 3 เดือนแล้ว และเมื่อคืนคุณเพลียมาก ผมจึงพาเธอเข้าห้องน้ำ และรีบให้คุณกลับไปนอนโดยบอกว่าจะกดชักโครกเองเพราะผมจะถ่ายหนักต่อ และคุณคิดว่ายังไงหละ” เมื่อภาคินพูดจบ เขาก็เริ่มสำลักเป็นเลือดออกมานิดหน่อย น้ำฟ้าเห็นดังนั้นเธอก็รีบทำการเปิดประตูรถต่อ และระหว่างเปิดรถ เธอก็คิดตามที่ภาคินบอก เธอจึงได้เพียงแต่พยายามงัดประตูรถไปและร้องไห้ปานขาดใจ บอกกับภาคินว่าเธอขอโทษ
ภาคินมองใบหน้าของภรรยาที่เขารักหมดใจ เขายิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน
“ฟ้า คินรู้ว่าฟ้ารักคินมากแค่ไหน แต่คินก็รักฟ้ามากเช่นกัน เพราะฉะนั้น ฟ้าได้โปรดทำตามคำขอร้องสุดท้ายของคินได้ไหม ได้โปรดอยู่ต่อ เพื่อดูแลลูกของเรา เขาเกิดมาจากความรักของเราสองคน” ภาคินพูดไปมองประกายไฟไป น้ำฟ้าเองก็รู้ดีว่าเขาหมายถึงสิ่งใด เมื่อเธอมองตามเขา และไทยมุงรอบ ๆ เองก็ได้แต่มองอยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ เนื่องจากประกายไฟมันพร้อมประทุตลอดเวลา จนเมื่อได้ยินเสียงไซเรนรถฉุกเฉินมา ภาคินจึงหาโอกาส บอกน้ำฟ้าว่าให้รีบออกไปก่อน เธอจึงยอมเดินออกมาเพราะเห็นว่าเจ้าหน้าที่กำลังวิ่งมาทางนี้พร้อมถังดับเพลิง เมื่อภาคินเห็นน้ำฟ้าเดินออกไปจนน่าจะพ้นระยะระเบิดแล้ว เขาจึงมองมืออีกข้างของตนเอง ที่ถือที่ตรวจครรภ์ไว้ และบอกกับ สิ่งของนั้นว่า
“ลูกพ่อ พ่อขอโทษที่ไม่ได้ดูแลหนู ลาก่อน”
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ ถ้าจะย้ายที่อยู่ จังหวัดไหนเหมาะที่สุด ที่ไม่มีมลพิษของฝุ่นและภัยพิบัติทางธรรมชาติ
เปิดการบ้านภาษาไทย เรียงอักษรให้เป็นคำ แบบนี้ยากไปไหม
แบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้
สภาทนายความ แจงเหตุลบชื่อ ‘ทนายคนดัง’ ออกจากทะเบียนทนาย
‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ ถ้าจะย้ายที่อยู่ จังหวัดไหนเหมาะที่สุด ที่ไม่มีมลพิษของฝุ่นและภัยพิบัติทางธรรมชาติ
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
"ธรรมนัส" สวนดราม่าจัดซีเกมส์ ย้ำไทยพร้อม 100% แต่ขอทำแบบ "พึ่งตัวเองล้วนๆ"
Unseen ไทยแลนด์ เกาะรูปหัวใจ "ทุ่งทะเลหลวง" สุโขทัย
“ศุภจี” เฮ! ARASCO ซาอุฯ สั่งซื้อมันสำปะหลังอัดเม็ดเพิ่ม 3 หมื่นตัน ปีหน้าลุ้นพุ่งแตะ 1 แสนตัน
ความเชื่อเรื่องชื่อเสียง ยิ่งเสียงกระดิ่งดังขนาดไหน มากมายเท่าไหร่ เชื่อจะมีชื่อเสียงโด่งดังเสมอเหมือน
“ตำรา 5 ถัง” สูตรน้ำหมักโบราณที่คนรุ่นใหม่ยังไม่รู้—ปลูกอะไรก็งาม ใบเขียวเข้ม โตไว ไร้แมลง
ฮุน เซน ถูก “ทรัมป์” หลอกล้วงตับ – เปิดทางสหรัฐฯ แทรกแซงกฎหมาย-จัดหนักสแกมเมอร์
ความสุขของเด็กๆ คนชมก็มีความสุขปลื้มใจในความสามารถของเจ้าหนูฟันน้ำนมทั้งหลาย
