ใครจะคิดว่าจากฟาร์มเลี้ยงหมูริมแม่น้ำที่ทำลายระบบนิเวศจะกลับกลาย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อแห่งใหม่ของจังหวัดสุพรรณบุรีได้
ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมมีทั้งปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ควบคู่กันไปเป็นส่วนใหญ่เพื่อสร้างรายได้ให้กับครัวเรือน แต่ก็มักจะมีปัญหาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมตามมาด้วยเช่นกัน ขอยกตัวอย่างกรณีปัญหาเกี่ยวกับการเลี้ยงหมูของชาวบ้านที่ตำบลสวนแตง อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี สืบเนื่องจากแต่ก่อนมีการปล่อยน้ำเสียจากฟาร์มเลี้ยงหมูลงสู่แม่น้ำท่าว้าบ่อยครั้ง น้ำเสียที่ว่าเกิดจากมูลหมู เมื่อได้ปล่อยทิ้งลงไปก็เป็นสาเหตุของกลิ่นเหม็น น้ำเสีย และของเสีย ซึ่งเป็นแหล่งมลภาวะต่างๆและทำให้ระบบนิเวศพังอีกด้วย ดังนั้นหากสามารถแก้ไขปัญหามลภาวะที่เกิดจากขี้หมูได้ ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง โดยได้มีเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปให้ความรู้ในเรื่องนี้กับชาวบ้านโดยการให้คำแนะนำในเรื่องของการเลี้ยงหมูและจัดการกับขี้หมู โดยขี้หมูนั้นสามารถนำไปหมักโดยการใช้เทคโนโลยีก๊าซชีวภาพสู่ทางด้านพลังงานไฟฟ้า รวมถึงยังได้ปุ๋ยอินทรีย์จากขี้หมูที่สามารถนำไปใช้ทางด้านการเกษตรกรรม ลดต้นทุนเพิ่มผลกำไรให้กับพืชผลทางการเกษตรได้อีกทางด้วย ซึ่งหลังจากมีการกำชับไม่ให้มีการถ่ายเทของเสียลงสู่แม่น้ำท่าว้าแล้วนั้น ก็ทำให้แม่น้ำท่าว้า มีสภาพใสสะอาดขึ้นระดับหนึ่ง ทางด้านกรมเจ้าท่าจึงได้เข้ามาขุดลอกเพื่อคืนชีวิตคืนสภาพระบบนิเวศที่สมบูรณ์ให้กับแม่น้ำท่าว้าอีกครั้ง เมื่อมีการพัฒนาเกิดขึ้นกับแม่น้ำท่าว้า จึงเกิดสิ่งที่เกินคาดไว้คือ ปัจจุบันแม่น้ำท่าว้า ใสสะอาดไร้มลพิษ ทำให้มีหิ่งห้อยมาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก สร้างความมหัศจรรย์ให้กับผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก
โดยล่าสุด ดร.อุดม โปร่งฟ้า ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(รมว.ทส.) และคณะได้ลงสำรวจพื้นที่สุพรรณบุรี พบว่าปัจจุบันสภาพน้ำในคลองท่าว้าใสสะอาด และได้พบมวลหิ่งห้อยจำนวนมาก ส่องแสงเรืองรองสวยงามโดยเฉพาะบริเวณ หมู่ 3-8-9 บ้านสังฆจายเถร ต.สวนแตง อ.เมืองสุพรรณบุรี และเชื่อว่าน่าจะพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวในภาคกลางคืนให้กับจังหวัดสุพรรณบุรีได้เป็นอย่างดี จึงได้ประสานหน่วยงานรัฐ ผู้นำท้องถิ่น ภาคเอกชนและชาวบ้าน ร่วมประชุมหาแนวทางในร่วมกันพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สร้างรายได้ให้กับชาวบ้านในพื้นที่และสร้างชื่อเสียงในการท่องเที่ยวให้จังหวัดสุพรรณบุรีได้อีกด้วย จากการเข้าร่วมสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่คลองท่าว้า ที่ผ่านมาโดยล่องเรือชมทัศนียภาพริมฝั่งคลองและหิ่งห้อยในคลองท่าว้า เป็นระยะทาง 1.5 กิโลเมตร (ไป-กลับ รวม 3 กิโลเมตร) พบว่ามีหิ่งห้อยได้ออกมาบินให้เห็นตลอดทุกระยะเส้นทางที่ผ่านอีกด้วย
ดร.อุดม โปร่งฟ้า กล่าวว่า นับตั้งแต่นาทีนี้เป็นต้นไป ตนเชื่อมั่นว่าคนไทยทั้งประเทศและคนทั้งโลก จะหันมามอง ต.สวนแตง จังหวัดสุพรรณบุรี ในฐานะแหล่งท่องเที่ยวเชิงระบบนิเวศที่มีความสมบูรณ์มีความสวยงามทางธรรมชาติที่สร้างสรรค์มาให้มนุษย์ ทั้งนี้ต้องได้รับความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนเจ้าของพื้นที่ ที่จะเป็นผู้ได้ประโยชน์ จากการท่องเที่ยว และเสียประโยชน์ ก็คือต้องเสียสละ เพราะเป็นเรื่องของธรรมชาติของระบบนิเวศดังนั้นความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนที่เคยเป็นอยู่มาอย่างไรก็แล้วแต่ คำว่านิเวศไม่สามารถที่จะพัฒนาไปสู่ความเจริญแบบที่จะเป็นได้ เพราะบางจุดบางพื้นที่ที่พบมวลหิ่งห้อยในระยะทางประมาณ 1.5 กม. ของเส้นทางการล่องเรือ จะต้องเป็นระบบที่เราจะต้องรักษาระบบนิเวศของเขาไว้ จึงขอพี่น้องประชาชนมีความเข้าใจมีความเสียสละ “ในฐานะที่ตนเป็นตัวตั้งตัวตี เป็นผู้ริเริ่มที่จะทำเศรษฐกิจของภาพรวมของจังหวัดสุพรรณบุรีทั้งหมดในภาคกลางคืนฟื้นคืนกลับมาโดยเร็ว ทำพื้นที่ ต.สวนแตงให้เป็นแหล่งดึงดูดเศรษฐกิจที่ยิ่งใหญ่ของจังหวัดสุพรรณบุรีให้ได้”
สำหรับการพัฒนาระบบนิเวศแม่น้ำท่าว้าครั้งนี้ ทั้งเกษตรกรฟาร์มเลี้ยงหมูและชาวบ้านในพื้นที่ต่างก็ได้รับสิ่งดีๆ กลับคืนมาอีกครั้ง ทั้งความอุดมสมบูรณ์ของแม่น้ำท่าว้าระบบนิเวศต่างๆ ที่ดีขึ้นไปอีก ร่วมถึงการสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านและเกษตรกรในพื้นที่ต่อไปในอนาคตอีกด้วย