หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

โรคเก๊าท์ โรคของพระราชา.??

โพสท์โดย อับดุล รอเเย๊ะส์

มองประวัติศาสตร์ผ่านโรคเก๊าท์ โรคของพระราชา

เชื่อหรือไม่? โรคเก๊าท์ที่สร้างความเจ็บปวดแก่ใครทั้งหลายนั้นเคยเป็นแฟชั่นสุดฮิตเพื่ออวดความร่ำรวยในอดีต

โรคเก๊าท์ เกิดจากร่างกายมีกรดยูริก (uric acid) ในเลือดสูงติดต่อกันเป็นเวลานานจนเกิดเป็นผลึกสะสมอยู่ในข้อ ในระยะแรกผู้ป่วยจะมีอาการปวด บวมแดง ร้อนบริเวณข้ออย่างฉับพลันทันทีทันใด มักเริ่มจากข้อบริเวณโคนนิ้วหัวแม่เท้า แต่ก็สามารถเกิดกับข้ออื่นๆ ได้ เช่น ข้อเท้า ข้อเข่า ข้อมือ ซึ่งจะเป็นๆ หายๆ ในระยะแรก หากไม่ได้รับการรักษาหรือดูแลอย่างถูกต้อง อาการอักเสบจะรุนแรงมากขึ้นทำให้ผู้ป่วยปวดถี่ขึ้นและนานขึ้นจนอาจกลายเป็นโรคข้ออักเสบเรื้อรัง และอาจส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมา ถ้ามีการสะสมของกรดยูริกมากๆเข้า จนจับตัวเป็นก้อนที่ ข้อกระดูก หรือ เนื้อเยื่อใกล้เคียง จะเรียกก้อนที่เกิดขึ้น นั้นว่าโทไฟ(tophi)

โรคเก๊าท์เป็นโรคที่อยู่คู่กับโลกเรามานานว่าที่คิด ชาวอียิปต์เมื่อ 2640 ปีก่อนคริสตกาล สามารถวินิจฉัย podagra หรือโรคเก๊าท์ที่แสดงอาการอักเสบเฉียบพลันบริเวณนิ้วโป้งเท้าได้ ต่อมาแพทย์ชาวกรีกนามว่าฮิปโปรเครติส (Hippocrates) บิดาแห่งการแพทย์ มีชีวิตอยู่ในช่วง 400 ปีก่อนคริสตกาล บรรยายถึงโรคเก๊าท์ไว้ว่าเป็นโรคที่เกิดจากเสมหะ (phlegm)เข้าไปสะสมอยู่ในข้อ เขาได้บันทึกว่า ผู้ป่วยสูงอายุที่เป็นโรคเกาท์ จะมีโทไฟ (Tophi) เกิดขึ้นบริเวณข้อ และจะมีอาการท้องผูกเรื้อรังที่รักษาไม่ได้ ฮิปโปรเครติดได้ตั้งชื่อโรคนี้ว่าคือ โรคที่เดินไม่ได้ (the unwalkable disease) และ โรคข้ออักเสบของคนรวย (arthritis of the rich) นอกจากนี้ ฮิปโปเครติสเองได้ตั้งข้อสังเกตุว่าผู้หญิงจะไม่เป็นโรคเก๊าท์ จนกว่าจะเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน ซึ่งเป็นข้อมูลที่ใกล้เคียงกับการแพทย์แผนปัจจุบันมาก

ตั้งแต่ยุคกรีกโรมันไปจนหลังยุคปฎิวัติอุตสาหกรรม โรคเก๊าท์คือโรคที่เกิดขึ้นในชนชั้นสูงผู้มีอันจะกินเท่านั้น เพราะปัจจัยเสียงของโรคเกาท์อันได้แก่ แอลกอฮอล์และเนื้อสัตว์ปริมาณมาก ก็มีแต่คนรวยเท่านั้นที่จ่ายได้ และโรคเก๊าท์เกิดในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง(หญิงวัยหมดประจำเดือนจะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น) ซึ่งกษัตริย์ ผู้นำตระกูล นักรบ นักการเมือง ขุนนางในอดีตล้วนมีแต่ผู้ชายทั้งสิ้น จึงเป็นสาเหตุที่โรคเก๊าท์ได้รับการขนานนามว่าโรคของพระราชา หรือ disease of the king

ในเมื่อโรคเก๊าท์เกิดเฉพาะกษัตริย์หรือชนชั้นสูง เหล่าชนชั้นสูงเองก็จะสร้างแนวคิดหรือสร้างกระแสว่าสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่(และชนชั้นล่างไม่เป็น)นั้นดีงามเหลือเกิน ตัวอย่างเช่น ศตวรรษที่ 16 ผู้ชายในยุคนั้นก็เชื่อกันว่าเจ้าก้อนโทไฟ (Tophi) ของชายชาตรีเป็นสิ่งกระตุ้นอารมย์ทางเพศของผู้หญิง นักปรัชญาชาวฝรั่งเศสนามว่า Michel de Montaigne ได้กล่าวไว้ว่า ยิ่งขาของชายนั้นอ่อนแรง(ปวดเท้าจากโรคเกาท์)มากเท่าไหร่ อวัยวะเพศของชายผู้นั้นจะแข็งแรงและดุดันมากเท่านั้น และในศตวรรษที่ 18 ก็มีแนวคิดว่าโรคเก๊าท์เป็นสิ่งที่ดีต่อร่างกาย ทำให้ระบบสืบพันธ์ของท่านชายได้พักผ่อน ก็เพราะเดินไม่ได้ต้องนอนพักอยู่กับที่ ทำให้อสุจิไหลย้อนกลับไปที่ไต ใครที่อ่านก็ต้องงงอย่างแน่นอน แต่อย่าลืมว่าคนสมัยนั้นมีความรู้เรื่องการทำงานของร่างกายน้อยมากเมื่อเทียบกับสมัยปัจจุบัน

ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา มีบุคคลดังหลายคนที่เป็นโรคเก๊าท์ ได้แก่ กษัตริย์เฮนรี่ที่ 8 แห่งราชวงศ์ทิวดอร์ผู้โด่งดังจากการมีราชินีถึง 6 พระองค์ คนต่อมาคือ ปิเอร์โร ดิ โคซิโม (Pierro di Cosimo) หนึ่งในผู้นำตระกูลเมดิซี ตระกูลพ่อค้าแห่งฟลอเรนซ์ ป่วยเป็นโรคเก๊าท์ เขาทรมาณกับโรคนี้มากจนได้ฉายาว่า เจ้าเก๊าท์ปิแอร์โร (Pierro the Gouty) แม้กระทั่งเบนจามิน แฟรงค์คลิน (Benjamin Franklin) หนึ่งในบิดาผู้สร้างชาติของสหรัฐอเมริกาก็ป่วยเป็นโรคเก๊าท์เช่นกัน ความเจ็บปวดทรมาณแสนสาหัสที่เท้า ทำให้เขาเดินลำบากและต้องนั่งเสลี่ยง (sedan chair) เพื่อเดินทางเข้าประชุมสภา เขาถึงกับเขียนจดหมาย(เหมือนเขียนไดอารี่)ถึงโรคเก๊าท์ของเขา “โอ้ แม่นางเก๊าท์ ฉันได้ทำอะไรลงไปถึงได้รับความทรมาณที่แสนจะโหดร้ายเยี่ยงนี้” ในบั้นปลายชีวิต แฟรงค์คลินได้เสพติดฝิ่นเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดที่เขาเผชิญ

มีความเป็นไปได้ว่าเหตุการณ์ Boston tea party เกิดขึ้นเพราะชายผู้นี้ปวดเก๊าท์?! รัฐบุรุษของบริเตนนามว่าวิลเลียม พิตต์ (William Pitt) เขาเป็นผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการเก็บภาษีชาวอาณานิยมอเมริกันโดยไม่ถามความเห็นของชาวอาณานิคมและพยายามผลักดันแนวคิดนี้อยู่หลายครั้ง แต่โชคร้ายที่เขาเป็นโรคเก๊าท์ ความเจ็บปวดแสนสาหัสนั้นทำให้เขาต้องขาดประชุมสภาหลายครั้ง ครั้งหนึ่งที่เขาขาดประชุมสภาไป เป็นครั้งที่สภาผ่านกฎหมาย stamp act เป็นกฎหมายที่บังคับให้เอกสารต่าง ๆ ที่ผลิตในอาณานิคมจะต้องติดแสตมป์เสียภาษี ไม่ว่าจะเอกสารทางกฎหมาย นิตยสาร หนังสือพิมพ์ หรือไพ่ และอีกครั้งหนึ่งที่วิลเลียม พิตต์ขาดประชุมสภาก็คือครั้งที่สภาลงมติที่จะขึ้นภาษีใบชา นั่นทำให้ชาวอาณานิคมจำนวนมากไม่พอใจและปลอมตัวเป็นอินเดียนแดงขึ้นเรือขนส่งสินค้าแล้วโยนใบชาลงทะเลไป เกิดเป็นงานเลี้ยงน้ำตาแห่งบอสตัน หรือ Boston tea party ขึ้นนั่นเอง เจ้าโรคเก๊าท์โจมตีได้ถูกที่ถูกเวลาเสียจริง…

อีกครั้งหนึ่งที่โรคเก๊าท์เปลี่ยนประวัติศาสตร์ นั่นคือสมัยของจักรพรรดิชาร์ลที่ 5 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์และกษัตริย์ชาร์ลที่ 1 แห่งสเปน (ท่านมีหลายตำแหน่ง) เขาได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเก๊าท์ตั้งแต่สมัยที่ยังมีชีวิตอยู่ ในปี 1552 ช่วงที่เขาขี่ม้านำทัพรบกับฝรั่งเศส อยู่ดีๆอาการปวดก็ดันกำเริบขึ้นมาทำให้เขาไม่สามารถนำทัพได้อีกต่อไป จึงต้องเลื่อนการบุกเมือง Meltz ในประเทศฝรั่งเศสออกไปก่อน และก็ถูกฝรั่งเศสตีกลับในเวลาต่อมา เหตุการณ์นี้ผลักดันให้เขาสละราชบัลลังก์และกลายมาเป็นบาทหลวง อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องตัดสินใจอะไรที่ยิ่งใหญ่ระหว่างที่กำลังปวดเก๊าท์นั่นแล เชื่อว่าหลังจากที่เขาสละราชบัลลังค์ อาการของโรคเกาท์ได้กำเริบหนักมากจนเดินแทบไม่ได้

การรักษาโรคเก๊าท์ก็มีมานานเช่นกัน การรักษาโรคเก๊าท์ครั้งแรกถูกบันทึกในคริสตศตวรรษที่ 6 โดยแพทย์ชาวคริสเตียนนามว่า Alexander of Tralles แห่งอาณาจักรไบแซนไทน์ (ตุรกีในปัจจุบัน)เขาได้รักษาโรคเก๊าท์ด้วยยาที่ทำจากดอกไม้ที่ชื่อว่า autumn crocus ในเวลาต่อมาอีกนานแสนนาน เจ้าดอก autumn crocus ได้ถูกนำมาสกัดเป็นยา colchicine หนึ่งในยาที่ใช้รักษาโรคเก๊าท์ในปัจจุบัน

จากบทความนี้ จะเห็นได้ว่าโรคภัยไข้เจ็บนั้นอยู่ควบคู่กับประวัติศาสตร์มนุษยชาติเสมอ และบางครั้งก็มีอำนาจพอที่จะเปลี่ยนประวัติศาสตร์ได้ แม้โรคเก๊าท์จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ได้เท่ากับกาฬโรคในอดีตหรือโควิด-19 ในปัจจุบันก็ตาม ถ้าโลกนี้ไม่มีเก๊าท์ เราอาจจะไม่เห็นสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศและอาจจะไม่มีฝรั่งเศสในแผนที่โลกก็เป็นได้ ปัจจุบันได้มีการคิดค้นยาเพื่อรักษาโรคเก๊าท์โดยเฉพาะและยาลดอาการปวดที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ผู้ป่วยโรคเก๊าท์ไม่ต้องทนทุกข์ทรมาณกับการปวดเท้า(และอาการอื่นๆ) สามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีและดำเนินชีวิตได้เหมือนคนทั่วไป

.

.

ชมคลิปวีดีโอเพิ่มเติม👇👇

https://youtu.be/5c_YoU0Kdvk

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
5 VOTES (5/5 จาก 1 คน)
VOTED: Thorsten
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
Gen Z ไฟแรง สูงทะเยอทะยาน อยากโตไว ไม่รอแล้วนะ!เเตเเต มิสแกรนด์พม่า แต่งหน้าไม่สวยเหมือนตอนอยู่ไทยสะเทือนใจ! เด็กถูกสุนัขกัดกลางถนน ไม่มีใครช่วยเพื่อนบ้านแฉ หมอดูฮวงจุ้ย พ่อขับแท็กซี่ ได้วิชาจากลูกค้านั่งรถเป็นซินแสเก็บตก! งาน Top9 MGI Queen’s Celebration 2024 งานแฟชั่นโชว์สุดอลังการฉลองความสำเร็จ Miss Grand Internationalชม ยอยักษ์ กับวิวพระอาทิตย์ตกสวยๆ ที่ทะเลน้อย พัทลุงเจอแก๊สรั่วแบบนี้ ปิดวาล์วตรงไหนดีน้ำมันตับปลา ยาอายุวัฒนะจากท้องทะเลลึก สู่ช้อนชาในโรงเรียนอังกฤษผู้เสียหายเดินหน้า แจ้งความเอาผิด “หมอดูฮวงจุ้ย” ขณะนี้มีมูลค่าความเสียหาย มากกว่า 70 ล้าน ตร.ยัน เข้าข่ายฉ้อโกงมาดู ข้อห้ามที่ห้ามทำในสงคราม
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
เเตเเต มิสแกรนด์พม่า แต่งหน้าไม่สวยเหมือนตอนอยู่ไทยเก็บตก! งาน Top9 MGI Queen’s Celebration 2024 งานแฟชั่นโชว์สุดอลังการฉลองความสำเร็จ Miss Grand Internationalน้ำมันตับปลา ยาอายุวัฒนะจากท้องทะเลลึก สู่ช้อนชาในโรงเรียนอังกฤษ
ประโยชน์ของชาเขียวโครงการช่วยเหลือให้เกิดสภาพคล่องของเศรษฐกิจรู้หรือไม่? แก๊งคอลเซ็นเตอร์มักใช้ข้อมูลอะไรหลอกลวงคุณแผนที่ที่เก่าแก่ที่สุดของยุโรปอายุ 4,000 ปี
ตั้งกระทู้ใหม่