เที่ยวสายบุญกันที่สุพรรณบุรี
เทศกาลตรุษจีนเป็นเทศกาลสำคัญสำหรับคนไทยเชื้อสายจีนในประเทศไทยมายาวนานหลายชั่วอายุคนที่ได้รับวัฒนธรรมมาจากคนจีนที่อพยพมาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในหลายยุคหลายสมัย
โดยในแต่ละพื้นที่ก็จะมีคนจีนที่ปักหลักตั้งฐานในการค้าขายทำงานกรรมกร จนขยับฐานะเป็นพ่อค้าเป็นเถ้าแก่ จนหลายคนเป็นเจ้าสัวมีกิจการใหญ่โต
แต่สิ่งที่ยึดเหนี่ยวให้คนจีนเหล่านี้ประสบความสำเร็จนอกจากความขยัน การจับทางในการประกอบอาชีพ และการตั้งหลักปักฐาน คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์
จังหวัดสุพรรณบุรีนับว่าเป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่มีคนจีนอาศัยอยู่มาก จะเห็นได้จาก ชื่อแม่น้ำ ที่เป็นร่องรอยของคนจีนที่มาค้าขายในจังหวัด ที่เรียกว่าแม่น้ำท่าจีน และศาลเจ้าอีกจำนวนมาก และแน่นอนในจังหวัดสุพรรณบุรีก็นับเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีการจัดตรุษจีนอย่างยิ่งใหญ่ไม่แพ้ในหลายจังหวัดในประเทศไทยเลย
วันนี้ผู้เขียนจะพาทุกท่านไปเที่ยวที่สำคัญอีกที่หนึ่งคือ ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองจังหวัดสุพรรณบุรีที่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีความเป็นจีนและสอดคล้องกับเทศกาลตรุษจีนด้วยครับ
ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรี ซึ่งแต่เดิมเรียกกันว่า ศาลเทพารักษ์หลักเมือง เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่เคารพนับถือของชาวจังหวัดสุพรรณบุรีและ ประชาชนทั่วๆไปมาตั้งแต่สมัยโบราณกาลแล้ว ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรี ตั้งอยู่ในเขตเมืองโบราณสุพรรณบุรี ถนนมาลัยแมน ตำบลรั้วใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี
ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง เป็นพุทธปฎิมากรรมสลักบนแผ่นหินแบบนูนต่ำ (Relief) ในพุทธศาสนาลัทธิมหายาน ซึ่งเป็นศาสนาที่ชาวจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ทิเบต ญวน เขมร นับถือ เป็นศิลปะแบบขอมเป็นรูปพระวิษณุกรรมสวมหมวกแขก ในศิลปะไพรกเม็ง อายุประมาณ 1300-1400 ปีมาแล้ว มีพระนามว่าพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร หรือ พระนารายณ์สี่กร มีหน้าที่ช่วยเหลือมนุษย์ และเหล่าสรรพสัตว์ให้พ้นทุกข์ ประสพแต่ความสุขความเจริญ เช่นเดียวกับพระโพธิสัตว์ เจ้าแม่กวนอิม ตามคำบอกเล่าต่อๆกันมา เมื่อประมาณ 150 ปีมาแล้ว มีผู้พบพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร จมดินอยู่ตรงริมศาลเจ้าพ่อ ชาวบ้านจึงช่วยกันอัญเชิญขึ้นข้างบน พร้อมกับสร้างศาลใหม่ให้เป็นที่ประทับ มีคนจีนชื่อ เฮียกงเป็นผู้ดูแลรักษาเรื่อยมา เมื่อครั้งโบราณมีคำกล่าวว่า " ห้ามเจ้าไปเมืองสุพรรณจะทำให้มีอันเป็นไป " เมื่อ พ.ศ. 2435 สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสด็จตรวจราชการเมืองสุพรรณ ได้ทรงสักการะเจ้าพ่อหลักเมือง ได้ประทานทรัพย์ส่วนพระองค์สร้างศาลเพิ่มขึ้น พร้อมวางแผนให้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสเมืองสุพรรณ พระพุทธเจ้าหลวงทรงพระดำรัสว่า "เข้าทีดีหนักหนา แต่เขาไม่ให้เจ้าไปเมืองสุพรรณ ว่าถ้าขืนไปจะเป็นบ้าไม่ใช่หรือ" สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพจึงกราบบังคมทูลว่า ข้าพระพุทธเจ้าไปมาแล้วไม่เห็นเป็นอะไร ยังรับราชการมาจนบัดนี้ พระพุทธเจ้าหลวงทรงตรัสสั้นๆว่า "ไปซิ" จากนั้นพระองค์จึงเสด็จมาเมืองสุพรรณ ในคราวเสด็จประพาสต้นเมื่อ พ.ศ. 2447 และทรงกระทำพลีกรรมเจ้าพ่อหลักเมือง และพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ก่อสร้างเขื่อนรอบเนินศาล ทำชานไว้สำหรับคนที่บูชา สร้างกำแพงแก้ว ต่อตัวศาลเพิ่มเติมออกมา ข้างหน้าเป็นแบบเก๋งจีน โดยทั่วไปศาลหลักเมืองนั้นจะทำด้วยไม้ บนยอดจะเป็นหัวเม็ด แต่หลักเมืองของสุพรรณนี้พิเศษกว่าหลักเมืองทั่วไปคือ จะเป็นหินและมีพุทธปฎิมากรอยู่ด้วย ลองไหว้ขอพร จะได้เรื่องโชคลาภ บารมี แก้ปีชงและอื่นๆ
ถ้าทำบุญยังไม่พอ ทางผู้เขียนอยากให้ขับรถเลยไปทำบุญต่อที่เป็นการทำบุญทางเลือก ที่มูลนิธิเสมอกัน ที่อำเภอ ด่านช้าง ซึงเป็นมูลนิธิกู้ภัยที่ใหญ่แห่งหนึ่งในจังหวัดสุพรรณบุรีและมีการช่วยเหลือผู้ยากไร้ และผู้ประสบอุบัติเหตุทั้งน้อยใหญ่ อีกทั้งช่วยเหลือศพไร้ญาติด้วยอาสาสมัครที่มีใจรักและอยากช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
โดยนาย เสมอกัน เที่ยงธรรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขต 4 พรรคชาติไทยพัฒนาให้การสนับสนุน และคอยดูแลอย่างใกล้ชิด
ตรุษจีนนี้คิดไม่ออกว่าจะไปเที่ยวไหนลองมาทำบุญไหว้พระที่สุพรรณดูนะครับได้ทั้งได้บุญสุขกายและสบายใจอิ่มบุญครับครับ