การเผาอ้อยนอกจากจะมีโทษหนัก ทำให้อากาศเป็นพิษแล้วการไปส่งขายต่อโรงงานที่รับ ราคาที่ได้ก็น้อยลงอีกด้วย มันคุ้มกันไหมกับที่ลงทุนไป
สำหรับเกษตรกรชาวไร่อ้อย ที่เตรียมตัดอ้อยส่งขายในช่วงฤดูปิดหีบ นี้คงต้องตระหนักให้ดีถึงวิธีการที่จะตัดอ้อยส่งโรงงานแบบไหนให้ได้กำไร คุณภาพและคุณค่าทั้งทางด้านผลผลิตและสภาพแวดล้อมในพื้นที่ให้มากที่สุด สำหรับชาวไร่อ้อยสมัยใหม่ยุคนี้ นิยมตัดสดส่งโรงงานกันมากขึ้น และไม่นิยมเผากันแล้ว ส่วนหนึ่งมาจากการตัดอ้อยสดส่ง นั้นทางรัฐได้ออกมาตการให้ความช่วยเหลือ สนับสนุนเงินเพิ่มในอัตรา 120 บาทต่อตัน ซึ่งจะทำให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยที่ตัดอ้อยสด ได้รับราคาอ้อยขั้นสุดท้ายรวมกับเงินช่วยเหลือแล้ว ไม่ต่ำกว่าตันละ 1,100 บาทที่รัฐและโรงงานร่วมมือกันในการสนับสนุนอ้อยสดครั้งนี้ กรณีชาวไร่อ้อยที่จังหวัดหนึ่งทางภาคอีสานได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องตัดอ้อยสดไปขายซึ่งล่าสุดเจ้าตัวแจ้งว่าทางโรงงานให้ราคาสูงถึง 1,300 บาท กันเลยทีเดียว ซึ่งเป็นราคาที่รับซื้อสูงมากและอาจจะเพิ่มราคาได้อีกถ้าผลผลิตดีมีคุณภาพอีกทั้งยัง สร้างกำลังใจให้ชาวไร่อ้อยได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
ส่วนอ้อยเผานั้น จากข้อมูลล่าสุดแจ้งให้ทราบเลยว่าทางโรงงาน บางแห่งรับโควต้ารับซื้ออ้อยเผา เหลือเพียงวันละ 5% เท่านั้น และ อ้อยไฟไหม้จะถูกหัก 30 บาท/ตันอีกด้วย เพื่อนำ เงินที่หักจากการจ่ายอ้อยเผานั้น มาเฉลี่ยจ่ายให้กับอ้อยสดทุกตันแทน ดังนั้นเราจะเห็นภาพชัดๆได้เลยว่าแค่เราเปลี่ยนจากอ้อยเผา มาเป็นอ้อยสด ก็สามารถเพิ่มรายได้ให้มากยิ่งขึ้น และอีกเหตุผลที่ควรชาวเกษตรกรไร่อ้อยควรรู้ไว้คือ การเผาอ้อยมีโทษหนัก ถึงขั้นทั้งจำคุกและโทษปรับสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิตและปรับสูงสุดถึง 1 แสนบาทกันเลยทีเดียว เนื่องจากการเผาอ้อยนั้นสร้างความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง และยังสามารถขยายเป็นวงกว้างไปยังที่อื่นๆ เพราะหมอกควันที่จากการเผาที่ลอยขึ้นไปในอากาศ เกิดสภาวะอากาศเป็นมลพิษอย่างหนักเกิดสภาวะโลกร้อน สร้างฝุ่นหิมะปลิวดำไปทั่ว และที่สำคัญยังก่อให้เกิดฝุ่น PM.2.5 ต้นตอของการเกิดโรคทางเดินหายใจ หรือถ้าหนักๆ คือ โรคมะเร็งปอดอีกด้วย ดังนั้นเกษตกรชาวไร่อ้อยควรคิดและพิจารณาถึงข้อดี ข้อเสียในการปลูกอ้อย และการเก็บเกี่ยวผลผลิตอย่างไรให้ได้คุณภาพ และได้ราคามากขึ้นกว่าเดิม โดยไม่มีผลกระทบตามมาที่หลังอีกด้วย อย่างไรก็ตาม การรณรงค์ให้ชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดแทนการเผาก่อนตัดนั้นยังคงเป็นเรื่องที่ยังต้องใช้กำลังในการสื่อสารและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง รวมถึงปลูกจิตสำนึกของชาวไร่อ้อยให้รับรู้ถึงผลกระทบการจากเผาอ้อยที่เป็นพิษกับสิ่งแวดล้อมกันอีกต่อไป ดังนั้นจึงอยากขอฝากให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยโปรดได้ติดตามข่าวสารจากทางหน่วยงาน หรือ บุคคลที่สามารถแนะนำให้ความรู้ดีๆ เพื่อนำไปปรับใช้และพัฒนาให้ดีขึ้นต่อไป