จีนเปิดประเทศ 8 ม.ค.2566 ยกเลิกการตรวจโควิดและกักตัว
ต้องขอออกตัวก่อนเลยว่าเราคือผู้อยู่ในธุรกิจท่องเที่ยวโดยตรง ซึ่งที่ผ่านมาได้รับผลกระทบแบบเต็มร้อยไปกับการปิดประเทศเพราะโควิด กิจการที่เปิดให้บริการเรียกได้ว่าปิดนานเกือบ 3 ปี ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะมีการเปิดประเทศแต่ก็ยังต้องมีการกักตัว 14 วัน ทำให้ธุรกิจที่ทำอยู่นั้นบอกเลยว่ารายรับเป็นศูนย์ พอไทยได้เปิดประเทศอย่างเสรีอีกครั้ง ตั้งแต่ ก.ค.65 ที่ผ่านมา ทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวหวังว่ายอดนักท่องเที่ยวจะเข้าประเทศมาแบบพุ่งกระฉูด แต่กลับไม่ได้เป็นอย่างที่คิดมากเพราะนักท่องเที่ยวยังเข้ามาประเทศไทยเพียง 11 ล้านคน ซึ่งถ้าเทียบกับเมื่อก่อนเรามีนักท่องเที่ยวถึง 40 ล้านคน แล้วก็บวกกับธุรกิจเกี่ยวกับท่องเที่ยว ร้านอาหาร ร้านค้า รร.เล็กๆ ที่ปิดไปนานๆ ต้องใช้สายป่านและงบอีกอื้อเลยที่จะเอามาปรับปรุงเปิดใหม่เพื่อเตรียมรับนักท่องเที่ยว
แล้วอะไรที่กลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวหวังเป็นที่สุดล่ะ?
ก็กลุ่มนักท่องเที่ยวจีนไง...เพราะที่ผ่านมาพิสูจน์มาแล้วว่า ยอดนักท่องเที่ยวไม่พุ่งแบบที่เราหวัง แถมพ่วงมากับยอดค่าใช้จ่ายต่อหัวต่ำมากๆ ก็เพราะตัวแประสำคัญอย่างคนจีนรุ่นใหม่สายเปย์ ที่กล้าช็อป กล้าใช้ ทั้งของแบรนด์เนม พฤติกรรมซื้อของฝากเหมาล็อตกลับประเทศ นักท่องเที่ยวจีนนี่ที่สุด สามารถกระจายรายได้ในทุกกลุ่มของธุรกิจท่องเที่ยวเลยจริงๆ และนี่คือสิ่งที่เราก็ต้องยอมรับว่า นักท่องเที่ยวจีนคือแหล่งรายได้ที่ธุรกิจท่องเที่ยวไทยต้องการ
แต่พอจีนประกาศเปิดประเทศยกเลิกการตรวจโควิดและกักตัวใดๆ แล้วในวันที่ 8 ม.ค.66 เข้าจริงๆ และยังเป็นช่วงนี้ที่จีนระบาดพีคสุดจนคุมไม่อยู่ ขาดแคลนทั้งยาและการรักษา (เข้าใจเลือกช่วงเวลาเปิดประเทศซะด้วย) ผู้ประกอบการไทยอย่างเราเลยต้องเข้าสู่สถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ออกอาการหลอนๆ อีกครั้ง ว่าจะมากระตุ้นเศรษฐกิจเราแน่นะวิ! ไม่ใช่ปล่อยมาเพื่อกระจายเชื้อและมากว้านหายา หาอุปกรณ์แพทย์ ทำให้เราต้องเปิดที่กักตัวกันอีกรอบ
เลยไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี เพราะจากข่าวตอนนี้ยอดติดเชื้อโควิด-19ในจีนนั้นพุ่งสูงขึ้นต่อวันเป็นหลักแสนในแต่ละมณฑล และหน่วยงานสาธารณสุขจีนประกาศหยุดเผยแพร่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดรายวันแล้ว ท่ามกลางข้อครหาว่า ตัวเลขที่ทางการเผยแพร่ออกมาต่ำกว่าความเป็นจริงมาก พร้อมประเมินว่าชาวจีนเกือบ 37 ล้านคนอาจพบติดเชื้อโควิด-19 ภายในวันเดียว นับเป็นสถิติการติดเชื้อมากที่สุดในโลกอีกด้วย
ญี่ปุ่นและอินเดีย ออกมาตราการเข้มสั่งตรวจโควิดนักท่องเที่ยวจีน
ความเคลื่อนไหวของญี่ปุ่นและอินเดีย หลังจากรัฐบาลปักกิ่ง ประกาศยกเลิกกักตัวนักท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. 66 ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เปิดท่องเที่ยวอย่างเสรีเหมือนกับเรา และได้รับความนิยมเพราะเป็นอีกจุดมุ่งหมายของเหล่านักท่องเที่ยว โดยญี่ปุ่นเองก็ออกมาประกาศตั้งรับนักท่องเที่ยวชาวจีนอย่างมีข้อแม้ทันที ว่านักท่องเที่ยวที่มาจากจีน จะต้องตรวจโควิด-19 เมื่อเดินทางถึงญี่ปุ่นและกักตัวเพื่อตรวจโควิดภายใน 7 วันจนกว่าจะมีผลเป็นลบจึงออกเที่ยวได้ โดยให้เหตุผลว่า "จีนมีการแพร่ระบาดโควิด-19 อย่างรวดเร็ว และสร้างความกังวลต่อญี่ปุ่น" ส่วนในอินเดียก็ต้องตรวจหาเชื้อให้เป็นลบก่อนเข้าประเทศ
สหรัฐฯและอิตาลีเป็น 2 ประเทศต่อมาที่ต้องใช้มาตรการแสดงผล Nagative Covid Test เพื่อป้องกันคนจีนที่จะทะลักเข้ามาในต้นปีนี้ ส่วนสหภาพยุโรปก็กำลังพิจารณาเงื่อนไขกันอยู่เพราะอิตาลีขอร้องให้ “ปกป้องกระชาชนก่อน” ทำไมอิตาลีถึงเครียดกับการเปิดประเทศของจีนครั้งนี้หรอ? ก็เพราะว่าล่าสุด อิตาลีได้ทดลองเปิดไฟลท์ Post-Christmas ถึงสองเที่ยวบินที่ตรงมาจากจีน ทั้ง 2 เที่ยวบินนี้มีผู้ติดเชื้อมาแล้วเกิน 50% โดยตรวจพบที่จุดตรวจคนเข้าเมืองมิลาน อิตาลีเลยต้องออกประกาศเพราะพวกเขาเคยมีประสบการณ์เลวร้ายที่สุดจากการเมิยเฉยไม่สนใจอะไรปล่อยคนตายกลางถนนไปแล้วในรอบแรก กรี๊ดไหมล่ะทีนี้…
รอลุ้นรัฐบาลไทยจะมีมาตรการอย่างไรสำหรับนักท่องเที่ยวจีน?
ยังเงียบมากๆ สำหรับความเคลื่อนไหวจากหน่วยงานของไทยเกี่ยวกับมาตรการการเดินทางเข้าประเทศของนักท่องเที่ยวจีน ตอนนี้นี้ยังไม่มีนโยบายใดๆที่เป็นมาตรการชัดเจน ต้องรอดูกันว่ามาตรการจะออกมาเมื่อไหร่ เพราะเจ้าของกิจการแบบเราเอาจริงๆ ก็หวั่นๆเพราะยอดติดเชื้อน่ากลัวมากๆ ปากท้องก็สำคัญ สุขภาพก็สำคัญ งานนี้ไม่รู้จะซ้ายหรือขวาดี ตอนนี้นานาประเทศต้องหันกลับมาถามตัวเองแล้วว่าการเปิดประเทศเพื่อตอนรับนักท่องเที่ยวจากจีนนั้น จะส่งผลกระทบอย่างไรให้กับประเทศ ถ้าไม่มีมาตราการที่มีมาตราฐานที่ชัดเจนปัญหาที่ตามมาหนีจะไม่พ้น
- จำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น
- การปิดๆเปิดๆกิจการต่างๆจะกลับมาอีกหรือไม่ และจะส่งผลทำให้เศรษฐกิจชะงักอีกไหม
- บุคลากรทางการแพทย์ ต้องรับมืออย่างหนัก อีกครั้งหรือไม่
คงต้องลุ้นอีกครั้งสำหรับกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวว่าสิ่งที่เราหวังกันมาตลอดจะเป็นดาบสองคมหรือไม่งานนี้ ผลกระทบด้วยปัจจัยเชิงพื้นที่และเศรษฐกิจเป็นอุปสรรค ซึ่งการเปิดรับนักท่องเที่ยวจีน อาจทำให้เกิดผู้ติดเชื้อที่มากขึ้น แต่หากไม่เปิดรับ ความเสียหายทางเศรษฐกิจก็จะตามมาด้วยเช่นกัน ฝากรัฐบาลอย่ามัวแต่ห่วงสร้างภาพแค่ทำยอดตัวเลขอย่างเดียว ห่วงประชาชนด้วย รายได้ก็ต้องมีแต่มาตรกันป้องกันก็ต้องรัดกุมมากๆ ไม่เอาแล้วนะ #เราจะตายกันหมด น่ะ