ชาวบ้านเฮ แจ้งเบาะแสใครเผาอ้อย ได้รับเงินนำจับ1แสนบาท

การปลูกอ้อย เป็นหนึ่งในอาชีพหลักของเกษตรกรไทย ไม่แพ้การทำนาปลูกข้าว โดยเฉพาะที่จังหวัดสุพรรณบุรี ในพื้นที่อำเภอด่านช้าง ที่มีลักษณะภูมิประเทศที่เหมาะสม อุดมสมบูรณ์ เหมาะแก่การปลูกไร่อ้อยเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังได้เปรียบตรงที่มีโรงงานน้ำตาลมิตรผล ซึ่งเป็นโรงงานหีบอ้อยรายใหญ่อันดับ 1 ในประเทศไทยและเป็นอันดับที่ 6 ของโลกอยู่ในพื้นที่ รอรับผลผลิตตรงหน้า ทำให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยมีรายได้มากกว่าเดิม เพราะไม่ต้องเสียต้นทุนด้านการขนส่งเพิ่ม

แต่ในทางกลับกัน การเก็บเกี่ยวผลผลิตอ้อย ยังคงเป็นปัญหารบกวนใจให้กับชาวบ้านในละแวกใกล้เคียง เนื่องจากเกิดฝุ่น ควัน เขม่าสู่บ้านเรือน ที่ทำกิน และเกิดมลพิษทางอากาศที่เป็นผลพวงนำไปสู่ภาวะโลกร้อน เพราะชาวไร่อ้อยส่วนใหญ่เลือกใช้วิธีการเผาไร่อ้อยในการเก็บเกี่ยวผลผลิตมากกว่าการตัดอ้อยสดนั่นเอง

การเผาอ้อยถึงจะช่วยลดระยะเวลาในการเก็บเกี่ยว ไม่ต้องใช้แรงงานคนมาก แต่ข้อเสียคือ จะได้อ้อยที่คุณภาพต่ำ ความหวานน้อยลง และราคาที่ต่ำกว่ามาตรฐาน มิหนำซ้ำการเผายังถือว่ามีความผิด ไม่ว่าจะเป็นการตั้งใจเผา โดนกลั่นแกล้ง อุบัติเหตุ หรือสาเหตุอื่นๆ หากโดนจับต้องได้รับโทษทางกฎหมาย ซึ่งโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต ดังนี้

-ตามมาตรา 217 ผู้ใดวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หก เดือนถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท”

-ตามมาตรา 218 ผู้ใดวางเพลิงเผาทรัพย์ดังต่อไปนี้

    (๑) โรงเรือน เรือ หรือแพที่คนอยู่อาศัย

    (๒) โรงเรือน เรือ หรือแพอันเป็นที่เก็บหรือที่ทำสินค้า

    (๓) โรงมหรสพหรือสถานที่ประชุม

    (๔) โรงเรือนอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน เป็นสาธารณสถาน หรือเป็นที่สำหรับประกอบพิธีกรรมตามศาสนา

    (๕) สถานีรถไฟ ท่าอากาศยานหรือที่จอดรถหรือเรือสาธารณะ

    (๖) เรือกลไฟ หรือเรือยนต์ อันมีระวางตั้งแต่ห้าตันขึ้นไป อากาศยาน หรือรถไฟที่ใช้ในการขนส่งสาธารณะ

    ต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี

สำหรับประชาชนที่พบเห็น และเป็นผู้แจ้งเบาะแสผู้กระทำความผิด ด้านโรงงานน้ำตาลได้ตั้งรางวัลนำจับให้ 100,000 บาท อีกด้วย
นายเสมอกัน เที่ยงธรรม สส.พรรคชาติไทยพัฒนา จังหวัดสุพรรณบุรี ขอความร่วมมือให้ประชาชนช่วยกันสอดส่องเป็นหูเป็นตา ส่วนตนเองจะช่วยประสานงานส่วนท้องถิ่นให้เพิ่มความเข้มงวด ในการตรวจตราด้วยอีกทาง” การเผาอ้อยได้สร้างผลเสียไปในวงกว้าง ทั้งในชุมชน สังคม ที่แย่ไปกว่านั้นมันเป็นสิ่งที่ทำลายสุขภาพและพลานามัยของคนในพื้นที่ด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นหยุดเผาแล้วหันมาตัดอ้อยสดดีกว่า ทั้งคุณภาพที่ดี ราคาดีและไม่เป็นพิษต่อโลกอีกด้วย