แอบรักลุงข้างบ้าน ตอน13
ตอนที่ 13
เล่นตัวนัก อกหักซะเลย
อิสระไปเยี่ยมหาน้องสาวที่มาเช่าตึกขายข้าวแกงอยู่ใกล้แฟลตตำรวจ เพื่อสอบถามถึงความเป็นไปของญาติพี่น้อง เพราะตั้งแต่หนีแยกออกมาอยู่ตัวคนเดียวก็ไม่ได้ติดต่อหรือส่งข่าวให้ใครรู้เลย
เล็ก ที่เป็นคนสุดท้องในจำนวนพี่น้องเจ็ดคน ได้ตักข้าวราดแกงให้ พอว่างจากลูกค้าหล่อนก็มานั่งเล่าเรื่องราวของคนอื่น ของลูกตน และหลานแต่ละคนให้ฟัง ซึ่งทุกคนก็ล้วนอยู่สุขสบายกันตามอัตภาพ
ขณะที่ฟังนั้นเขาก็คิดว่าควรจะย้ายกลับไปอยู่บ้านนอกกับพี่สาวดีไหม โดยนำเงินที่ได้จากลูกชายของผดุงเกียรติไปขอซื้อที่สักผืนหนึ่ง ปลูกบ้านทำแปลงผักสวนครัว ใช้ชีวิตสมถะพอเพียงกับญาติใกล้ชิด เผื่อมีอะไรจะได้ดูแลกัน เกิดเขาเจ็บป่วยไม่สบายอย่างวันนั้นก็จะได้มีหลานช่วยดูแลแทนรุ้งขวัญ
รุ้งขวัญ...ทำไมเขาถึงต้องหาทางหลบหนีจากเธอด้วยเขากลัวอะไรกัน?
ชายหนุ่มสะบัดหน้าไล่ความคิด หนีความจริงที่ไม่กล้ายอมรับทิ้ง ลุกขึ้นจะกลับ แต่ก่อนจากก็ได้ทิ้งเบอร์โทรของตนไว้เผื่อใช้ติดต่อกัน จะได้ไม่มีใครเป็นห่วงตนอีก และยังแบ่งเงินให้เล็กใช้รวมถึงฝากส่งไปถึงพี่น้องคนอื่นด้วย
เขากลับโดยเลือกใช้วิธีการเดินด้วยสองขา แม้อากาศจะร้อนและระยะทางจะไกล แต่ไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านหรือเหน็ดเหนื่อยแต่อย่างใด เดินคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยอย่างใจลอย หาคำตอบว่ารุ้งขวัญชอบเขาจริงหรือเปล่า และชอบเขาที่ตรงไหน
แม้ตนจะถูกผู้หญิงรุมตอมอยู่เป็นประจำ แต่ส่วนมาก มักจะเป็นคนที่แก่กว่าหรือมีอายุรุ่นราวคราวเดียวที่ไม่ต่างกันนัก กับเด็กสาวที่ห่างกันถึงยี่สิบปีเพียงนี้ จนพอเป็นพ่อลูกกันได้ ช่างมีความเป็นไปได้น้อยเหลือเกิน
นอกจากสังขารของตัวเองที่เปลี่ยนไปจากสมัยวัยหนุ่ม ความรู้ยังต่ำ ฐานะยากจนแล้วก็มีประวัติด่างพร้อยอีกต่างหาก เรียกได้ว่าไม่มีอะไรดีเหมาะสมคู่ควรกันเลยสักนิดเดียว
คิดว่าเธอคงแค่ติดอกติดใจกับภาพลักษณ์เก่า ๆ ของเขาในอดีตเสียมากกว่า ที่เคยขับร้อง ร่ายรำและเปล่งประกายเฉิดฉายอยู่บนเวที เลยเกิดนิยมชมชอบขึ้นมาเหมือนการคลั่งไคล้ศิลปินทั่วไป เพราะไม่อย่างนั้นคงไม่ตัดข่าวของเขาเก็บสะสมไว้เป็นแฟ้มหรอก
ฮึ่ย!
ขายาวหวดเตะกระป๋องเบียร์ที่เกะกะอยู่บนสะพานทิ้ง แล้วหันไปตะโกนใส่ผืนน้ำเบื้องล่างและแผ่นฟ้าเบื้องบนด้วยความอึดอัดใจ
โว้ยยยย!
รุ้งขวัญจะชอบตนแค่นั้นจริง ๆ หรือ มันไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของเขาเลยสักหน่อย เป็นแค่เพียงการแสดงและภาพมายาเพ้อฝันเท่านั้นเอง
หากเธอชอบเขาเพราะเหตุนั้นนั่นก็หมายความว่า คำรักที่หญิงสาวพูดออกมามันก็ไม่ต่างจากคำรักของโสมวดี ของ
นงคราญ หรือของใครต่อใครหลายคนที่หลงใหลในตัวเขาตอนเป็นเทพพิทักษ์ เพชรบุษยา
ฉาบฉวย...เปลือก...ปลอม
พูดออกปากมาแสนง่าย ได้กันแล้วก็จบข่าว พอสุขสมใจที่ได้นอนกับคนที่แอบชอบแอบปลื้มเสร็จแล้วก็แยกย้ายทางใครทางมัน เหมือนวันไนต์สแตนด์ของวัยรุ่นสมัยนี้ แค่นั้นเอง ไม่ได้มีค่ามีความหมายอะไรต่อกันเลยสักนิดเดียว
จริงอยู่ว่าเขาเป็นผู้ชายไม่มีอะไรเสียหาย แต่มันก็เบื่อแสนเบื่อ
เบื่อกับคำรัก...คำลวง...คำน้ำเน่าที่หลอกล่อใจคนเหมือนแมลงเม่า ทำให้เขากลายเป็นคนเห็นแก่ตัวไปโดยปริยาย ฉกฉวยโอกาสโดยการใช้ความรักใคร่เสน่หาของผู้หญิงเหล่านั้นแลกกับเงินทองของนอกกาย สุดท้ายแล้วเหมือนเขาจะเป็นฝ่ายได้ แต่กลับไม่ได้อะไรเลยแม้แต่ความจริงใจ
เมฆาบอกว่าเคยอิจฉาตน แต่เขาก็ไม่เคยบอกรุ่นน้องว่าตัวเองนั้นกลับเป็นฝ่ายรู้สึกอิจฉาเมฆาเสียมากกว่า ที่ได้เจอเนื้อคู่ ได้สมรสรักกับคนรู้ใจ มีคู่คิด คู่ชีวิตที่อยู่เคียงข้างสามารถพูดคุยปรับทุกข์ระบายเรื่องราวทุกอย่างให้แก่กันและกันฟังได้
ที่สำคัญยังมีลูกน้อยกลอยใจเป็นส่วนเติมเต็มชีวิตครอบครัวให้สมบูรณ์ ผิดกับเขาที่ไม่มีอะไรเลย ความมีเสน่ห์ในอดีตก็ร่วงโรยเลือนหายไปตามกาลเวลา ปัจจุบันก็กลายเป็นเพียงแค่ไอ้แก่ที่โดดเดี่ยวเดียวดาย ต้องใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพังอย่างน่าสงสาร
หนุ่มใหญ่นั่งเหม่อพิงเสาศาลาท่าน้ำ กำลังใช้ความคิดหนักอย่างต่อเนื่อง ถึงเรื่องที่ได้รู้จักกับรุ้งขวัญและกลายมาสนิทสนมกัน จนเกิดเป็นความสัมพันธ์ที่ขยับขยายไปไกลถึงจุดที่สุ่มเสี่ยงต่ออันตราย
ที่ผ่านมา เพราะเขาเคยเจอแต่คนที่พร้อมนอนทอดกายถวายตัวให้เชยชมอย่างง่ายดาย จึงไม่เคยรักหรือปรารถนาผู้หญิงคนไหนเป็นพิเศษ ก็เลยทำให้ไม่รู้ว่าความรู้สึกแท้จริงที่มีต่อรุ้งขวัญนั้นเป็นอย่างไร ทั้งยังไม่มั่นใจในตัวเอง เพราะไม่เคยมีความสัมพันธ์จริงจังฉันท์คนรักแบบนี้มาก่อน เคยแต่เป็นฝ่ายได้รับอย่างเดียวจนเคยชิน ถึงต้องมานั่งคิดตรึกตรองใคร่ครวญอยู่อย่างนี้
เธอเป็นคนแรกที่เปิดประตูเข้ามาในสถานที่แห่งนี้
เข้ามาทำให้ชีวิตเหงา ๆ เฉา ๆ เปลี่ยนไป
เข้ามาทำให้โลกส่วนตัวใบเล็กนี้มีสีสันสดใส
เข้ามาเปิดหัวใจที่เคยปิดตายแน่นหนาจากผู้คนรอบข้าง
ไม่เพียงแค่บรรยากาศรอบกายที่มีชีวิตชีวาขึ้น มันยังแผ่ขยายไปถึงหัวใจเหี่ยว ๆ โทรม ๆ ดวงนี้อีกด้วย จนยากจะปฏิเสธว่าเขาเองไม่ได้รู้สึกดี รู้สึกพิเศษกับการมีหญิงสาวเข้ามายุ่งวุ่นวายในชีวิต
ฝนตกโปรยปรายลงมาในเวลาฟ้ามืด คนที่รุ้งขวัญเรียกติดปากว่าคุณลุงกำลังนอนตะแคงบนที่นอนบาง ฟังเสียงฝนเปาะแปะกระทบหลังคาเป็นจังหวะ
กี่ปีมาแล้วนะที่ต้องนอนกอดตัวเองอยู่อย่างนี้ แม้ที่ผ่านมาจะเคยอยู่คนเดียวได้ แต่ตอนนี้ชักรู้สึกอยากมีใครสักคนอยู่ข้างกายเพื่อมอบไออุ่นให้แก่กันและกันเสียแล้วสิ
จะมีไหมนะคน ๆ นั้น
และจะเป็นไปได้ไหมหากเป็นคนที่กำลังทำให้เขาคิดมากอยู่ในขณะนี้
หนุ่มใหญ่วัยกลางคนนอนเบิกตาโพลงอยู่ในห้องแคบที่มืดสนิทอย่างเศร้าใจ พยายามข่มตาเพื่อให้ผ่านช่วงเวลากลางคืนที่แสนทรมานนี้ไปได้โดยง่าย พอใกล้จะเคลิ้มหลับ หูก็แว่วคล้ายยินเสียงฝีเท้าย่ำฝ่าสายฝนเดินย่องขึ้นบันไดมา
ประตูถูกผลักออกอย่างช้า ๆ นำพาสายลมเย็นและกลิ่นไอดินพัดกรูเข้ามาด้วย ร่มถูกทิ้งไว้ข้างนอก บานประตูงับปิดอย่างเงียบเชียบ คนตัวเล็กขยับกายแนบชิดอิงแอบแผ่นหลัง เขาจึงพลิกกายกลับมาหาคนที่นอนสั่นระริกใกล้ชิดบนฟูกนอนเดียวกัน แล้วโน้มไปจุมพิตหน้าผากแผ่วเบา โอบวงแขนกอดกระชับ ดึงผ้าห่มผืนบางขึ้นมาคลุมกาย แล้วพากันนิทราภายใต้บรรยากาศชื่นฉ่ำของสายฝนพรำ
ฝนหยุดตกก่อนเวลาย่ำรุ่งไม่กี่ชั่วโมง ดวงตะวันทอแสงสาดส่องเข้ามาภายในห้องรังหนูแสนเล็กและคับแคบ ที่มีชายคนหนึ่งถือครองอยู่เพียงผู้เดียว
เขาผุดลุกขึ้นมามองพื้นที่ว่างเล็กข้างกาย
รุ้งขวัญไม่อยู่แล้ว…..
ไม่ใช่ไม่อยู่ แต่เธอไม่ได้มาที่นี่เลย เมื่อคืนเขาแค่หลับฝันไปเท่านั้นเอง
อิสระนั่งกอดเข่าทอดอาวรณ์อยู่ปากประตูห้อง มองที่ดินเล็ก ๆ ผืนนี้ที่ถือวิสาสะเข้ามาครอบครองโดยพลการ หากวันหนึ่งวันใดเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้ามาสำรวจพบและไล่ เขาก็คงไม่มีที่อยู่อีก
ในชีวิตนี้มีอะไรบ้างที่เป็นของเขาจริง ๆ บ้าง แม้แต่หัวใจก็ย้ายสิทธิ์ครอบครองไปอยู่ในมือของสาวน้อยคนนั้นแล้ว เพิ่งรู้ตัวว่ารุ้งขวัญเข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตให้มีสีสันแตกต่างไปจากเดิมมาก เขามีความสุขที่ได้เห็นหน้าเธอ ได้ยินเสียงเธอ ได้แกล้งเธอเล่น และได้ดูแลเธอ
รุ้งขวัญเองก็เถอะ เธอก็คงมีความสุขไม่ต่างกัน หากใจคนสองคนตรงกันขนาดนี้ ก็สมควรจะเปิดเผยพูดความในใจออกมาอย่างตรง ๆ ตนไม่ควรปล่อยโอกาสอันดีอย่างนี้หลุดลอยไป เพราะมันอาจจะเป็นโอกาสครั้งเดียวครั้งสุดท้ายในชีวิต ที่ฟ้าประทานพรมาเยียวยาให้กับคนอาภัพเช่นเขา
ดูอย่างเมฆากับภรรยาที่เป็นอดีตนางรองลิเกคนนั้นสิ หมอนั่นยังกล้าหาญ กล้าจีบ และกล้าเจ็บ ไม่กลัวความผิดหวังถึงได้มีวันที่มีความสุขอย่างนี้ แล้วเขาเล่าจะกลัวอะไรนักหนา รู้จักเชื่อมั่นและศรัทธาในรักดูบ้าง
เขาถอนหายใจแรงทิ้งความกังวลใจออกไป แล้วสูดอากาศกลับเข้าไปใหม่เพื่อเรียกพลังกลับคืนมา ยิ้มกว้างออกอย่างตัดสินใจได้ และขณะเดียวกันนั้นก็มีสายโทรเข้ามาก็ยิ่งดีใจนัก ที่จะได้ยินเสียงหวานของเธออีกครั้ง
เขาจะเรียกเธอมาที่นี่เพื่อขอโทษ ปรับความเข้าใจกันต่อหน้า และเอ่ยปากบอกความรู้สึกในใจให้ได้ทราบ คาดว่า
รุ้งขวัญเองก็คงจะดีใจไม่น้อยและเลิกร้องไห้ขี้มูกโป่งเสียที
“คุณลุงคะ...หนูขอโทษค่ะ” เอ่ยเสียงเบาอย่างระงับความสั่นสุดฤทธิ์
“ที่ทำเรื่องมากมายให้ไม่พอใจ อย่าถือสาหนูเลยนะคะ หนูอาจยังเด็กไม่รู้จักคิดอย่างที่คุณลุงว่าจริง ๆ แต่หนูจะปรับปรุงตัวใหม่ค่ะ เพื่อไม่ให้คุณลุงต้องลำบากใจอีก ขอเวลาหนูหน่อยนะคะ อย่าโกรธหนูเลย”
เธอบอกพร้อมกับน้ำตาไหลหยด ยกมือขึ้นปิดปากควบคุมเสียงสั่นเครือ ฝืนกลืนก้อนจุกแข็งลงคออย่างชอกช้ำ เมื่อกำลังพยายามทำอย่างที่ใจคิดมาแล้วทั้งคืน ส่วนคนปลายสาย พอได้ฟังจบประโยคก็ถึงกับอึ้งงันพูดไม่ออก คำที่เตรียมจะบอกก่อนหน้ากลายเป็นหมันค้างเติ่งอยู่ในอก ไม่คิดว่าสถานการณ์จะพลิกผันไปอย่างนี้
ก็เพราะตัวเขาเองนั่นแหละ มัวแต่เป็นกังวลคิดมาก ฟอร์มเยอะ เล่นตัวจัด แถมยังมีหน้าไปขู่หญิงสาวให้กลัวอีกด้วย เธอก็เลยนึกได้และตัดสินใจถอยห่าง
“อืม...ก็ดีนะ เราอาจเกิดอารมณ์หวั่นไหวชั่ววูบเพราะความเยาว์และความใกล้ชิด คิดทบทวนใหม่ก็ดีแล้ว ลองให้โอกาสตัวเองได้รู้จักคบหากับคนที่อายุใกล้เคียงกัน มันอาจจะดีกว่าเอาอนาคตมาทิ้งกับคนแก่อย่างลุง”
น้ำเสียงราบเรียบไม่บอกอารมณ์ แสร้งเล่นละครหลอกรุ้งขวัญและหลอกใจตัวเองต่อไปเหมือนอย่างที่ตั้งใจจะทำตั้งแต่ทีแรก
“ค่ะ หนูจะลองทำตามคำแนะนำของคุณลุง”
เธอตัดสายทิ้งซบหมอนนอนร้องไห้ ส่วนผู้ชายปากแข็งก็พึมพำแต่คำว่า ดีแล้ว...ดีแล้ว…เป็นอย่างนี้ก็ดีแล้ว
ก็ดีแล้วหนิ! ตอนแรกทำข่มขู่อยากจะพิสูจน์ลองใจ พอตอนนี้เธอไปจริง ๆ ก็เพิ่งจะมานึกได้ว่าปล่อยโอกาสให้หลุดลอยมือไปเสียแล้ว สมน้ำหน้าตัวเองนัก นอนเหงาโดดเดี่ยวมานาน อ้อนวอนอยู่ในใจลึก ๆ ว่าต้องการใครสักคนเข้ามาทำให้ชีวิตสมบูรณ์ พอฟ้าส่งตามคำขอมาให้ก็ดันเททิ้งเสียนี่ อยากโง่เองก็นอนเจ็บปวดใจไปอย่างนี้แล้วกัน
รุ้งขวัญหายออกไปจากสถานที่แห่งนี้ไม่มีแม้แต่เงาได้ราวหนึ่งเดือน
วิมานชายโสดเงียบเหงา ชีวิตของเขากลับมาเป็นเฉกเช่นเมื่อนานมาแล้ว สงบ ราบเรียบ เงียบเหงา และก็เหงามากขึ้นกว่าแต่ก่อนด้วย
บางครั้ง ใจก็พาสองขาเดินไปจดจ้องยังรูโหว่ที่หญิงสาวมักใช้ลอดผ่านเป็นประจำ
รอแล้วรอเล่า เฝ้าแต่คิดถึงคะนึงหา ส่งสายตาอาวรณ์ข้ามรั้วไปแต่มันก็ไม่ถึง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูชื่อที่บันทึกไว้ต่างหน้า แล้วก็ถอนหายใจอยู่อย่างนั้น สักวันคิดว่าตนคงจะต้องเจ็บป่วยเพราะตรอมใจเป็นแน่ และไม่สบายคราวนี้คงไม่มีพยาบาลส่วนตัวมาคอยเอาใจใส่ดูแลเหมือนอย่างคราก่อน
อิสระนำผักไปส่งให้แผงของยายลุนที่ตลาด
แม้แกจะรับซื้อจากพ่อค้าขายส่งมาแล้ว แต่ก็ยังรับผักจากเขาอยู่โดยให้ราคาน้อยหน่อย ซึ่งเขาก็ไม่ว่าอะไร อย่างไรเสียยังดีกว่าปลูกเอง ขายเอง แล้วยังต้องมาเสียค่าเช่าที่อีก ได้แค่ไหนก็แค่นั้นไม่เรื่องมากอยู่แล้ว
พอรับเงินมาก็จะแบ่งส่วนหนึ่งสำหรับซื้อของใส่บาตรพระ ซึ่งเขาทำอย่างนี้อยู่เป็นประจำสม่ำเสมอ แต่ไม่เคยไปถือศีลนั่งฟังเทศน์ฟังธรรมที่วัดเลยเพราะมุ่งแต่ทำงาน และส่วนหนึ่งคือไม่อยากเหยียบย่างไปในสถานที่ที่ทำให้นึกถึงอดีต ที่ต้องเร่ร่อนไม่เป็นหลักแหล่ง ตั้งแต่อยู่คณะรำวงแล้วก็ย้ายหนีไปอยู่กับคณะลิเก
เมื่อใส่บาตรเสร็จเขาก็เห็นรุ้งขวัญเดินถือถุงกับข้าวมาใส่บาตรพระเยื้องห่างออกไป จากอาการเงอะงะนั้นคิดว่าคงจะเป็นครั้งแรกของเธอ แล้วเขาก็ยืนมองอยู่อย่างนั้นไม่วางตา พร้อมกับดอกไม้ที่เบิกบานในหัวใจ
จากนั้น วันรุ่งขึ้น รวมถึงวันต่อ ๆ ไป ทั้งคู่ก็จะหาจังหวะใส่บาตรพระพร้อมกัน แต่ไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลย ตอนที่นั่งรับศีลรับพรอยู่นั้น อิสระก็จะลอบชำเลืองมองเสี้ยวหน้าหวานด้วยความคิดถึง แต่แล้ววันหนึ่ง เขาก็เกิดหายตัวไปเฉย ๆ
มันเริ่มมาจากวันที่ได้เข้าไปช่วยซ่อมหลอดไฟในบ้านให้ตอนที่หญิงสาวไม่อยู่ แล้วป้าอรก็ชวนพูดคุยสัพเพเหระเรื่อยเปื่อยไปจนถึงที่ว่าหมู่นี้เกิดมีผู้ชายมาติดพันรุ้งขวัญเข้าแล้ว
ใจเขาเจ็บปวดนัก หญิงสาวมีรักใหม่
คิดว่าคงเป็นเพื่อนชายที่เรียนอยู่ด้วยกัน มารับมาส่งบ่อยครั้ง เขามักจะออกไปยืนแอบมองอยู่เสมอยามได้ยินเสียงรถเคลื่อนมาจอดท้ายซอย ยิ่งมองรถสปอร์ตสีดำราคาแพงยับก็ยิ่งตอกย้ำให้ตัวเองเจ็บใจหนักเข้าไปอีก
สมน้ำหน้า! ก็เป็นคนผลักเธอออกห่างแล้วยังจะมาหวังอะไรเงียบ ๆ ผู้ชายคนนั้นก็คงจะเป็นคนที่กำลังคบหาดูใจกันเพื่อมาแทนที่ตน วัยเท่ากัน ความรู้เท่ากัน หน้าตาก็หล่อเหลาเหมาะสมราวกับกิ่งทองใบหยก ซึ่งเข้าท่ากว่าตนเป็นไหน ๆ ที่เดินไปก็มีแต่คนเข้าใจผิดว่าเป็นพ่อ-ลูก เป็นลุง-หลาน
เมื่อรู้สึกเจ็บปวดหัวใจเกินจะทานทนไหว ที่อยู่ใกล้แต่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย เขาจึงหลบหนีกลับไปเลียแผลใจที่บ้านนอก และมองหาที่ทางใหม่เพื่อจะย้ายหนีความจริงอันสุดชอกช้ำระกำทรวง
Ω Ω Ω Ω Ω Ω Ω Ω Ω Ω Ω Ω Ω Ω Ω Ω
ขออนุญาตลงถึงตอนนี้นะคะ
ตอนท้าย ๆ จะมีฉากเลิฟซีนที่ไม่สามารถลงเผยแพร่ได้
แต่ท่านสามารถติดตามตอนต่อไปได้ทาง เว็บนิยาย readawrite หรืออีบุ๊กทาง meb ค่ะ
ขอบคุณสำหรับการติดตาม เป็นอย่างมาก