ตำนานการ์กอยล์ ที่น้อยคนนักที่จะเคยรู้จัก.!!
หากกล่าวถึง กากอยล์ น้อยคนนักที่จะเคยรู้จัก หรือบางท่านอาจเคยได้ยินผ่านหูมาบ้างไม่มากก็น้อย
แต่สำหรับชาวคริสเตียนรูปสลักมังกรซึ่งมีแต่ส่วนหัวและลำคอที่ติดไว้บนยอดโบสถ์ อาจไม่ต้อง สาธยายให้ฟังมากนัก
กับสิ่งที่เป็นมากกว่า สถาปัตยกรรมสวยงามเช่นนี้ สถานที่ศักศิทธิ์แทบทุกๆที่ มักมี กากอยล์อยู่คอยปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายอยู่เสมอ
ตามความเชื่อที่มีมาช้านาน ของขาวคริสเตียน
ณ หมู่บ้านรูออง (Rouen) ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศฝรั่งเศสชาวบ้านอยู่กันอย่างอันสงบสุขมาตลอดและแล้ว ความสุขสงบที่มีมาช้านาน
ของชาวบ้านแห่งนี้ก็ได้ถึงคราวจบลงอย่างเฉียบพลัน เมื่อปรากฏตัวของมังกรไฟที่ดุร้ายและจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต ปรากฏตัวขึ้น
ในทุกๆวันที่มันจะ ปรากฎตัว และพ่นไฟเผาผลาญทุกๆสิ่งทุกอย่างภายในเมือง ผู้คนล้มตายมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เด็ก สตรี
ไม่เว้นแม้กระทั่งคนชรา ก็ต้องสังเวยให้กับเปลวเพลิงอันร้อนแรงของมัน สร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านเหนือคณานับ
ในที่สุดเจ้ามังกรร้ายก็ได้สร้างเงื่อนไขแก่ชาวบ้านโดยการที่ชาวบ้านต้องส่งหญิงสาวพรหมจรรย์มาสังเวยให้มันทุกๆปี
ตามข้อตกลงแลกกับการหยุดเผาทำลายหมู่บ้าน แม้เจ้ามังกรจะหยุดแผดเผาแต่คนในหมูบ้านเองก็ต้องสรรหาหญิงสาวมาส่งบรรณาการให้
ทุกปีสร้างความอึดอัด และเศร้าโศกเสียใจ
ให้กับครอบครัวที่สูญเสียอย่างเหนือคณานับ
แต่ทว่าในปีนี้คนในหมู่บ้านต่างพากันปกป้อง พี่น้องของตนที่เป็นสาวบริสุทธิ์ไม่ยอมให้พาไปสังเวยเจ้ามังกรอย่างปีที่ผ่านๆมาในที่สุด
ชาวบ้านต่างพร้อมใจกันส่งนักโทษในหมู่บ้านไปเป็นตัวแทนรับใช้เจ้ามังกรแทนที่สาวพรหมจรรย์
แน่นอนว่าเจ้ามังกรร้ายตัวนี้ไม่อาจรับสิ่งที่ชาวบ้านส่งมาบรรณาการได้ มันจึงออกไป แผดเผาหมู่บ้านนี้อย่างหนักอีกครั้งด้วยความโกรธแค้น ในครั้งนั้นชาวบ้านได้ขนานนามเจ้ามังกรไฟตัวนี้ว่า ลา การ์กุยย์
จนกระทั่งวันหนึ่ง นักบวชเซนต์ รูมานีส์ (Saint Romanis) ได้มาเดินทางเยือนหมู่บ้านแห่งนี้ และได้รับรู้ถึงความลำบาก
กับภัยที่ชาวบ้านเผชิญอยู่ตอนนี้ นักบวชเซนต์ รูมานีส์ จึงตัดสินใจออกไปปราบเจ้ามังกรร้ายให้สิ้นฤธิ์ แลกกับการให้ชาวบ้านสร้างโบสถ์ให้
หากตัวเขาเองทำสำเร็จ และชาวบ้านต่างพากันยินดีที่จะทำตามคำขอ
ของนักบวชเซนต์ รูมานีส์ ขอเพียงแค่นำความสงบสุขกลับคืนมา
ในที่สุด นักบวชเซนต์ รูมานีส์ ก็ออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังถ้ำของเจ้ามังกรดุร้ายตัวนั้น โดยมีเพียงไม้กางเขนและศัทราจากพระเจ้า
เท่านั้นที่ถือเป็นอาวุธ ในการกำราบมัน และแล้วก็เป็นไปตามคาด
เจ้ามังกรร้ายก็สิ้นฤทธิ์ในที่สุด นักบวชเซนต์ รูมานีส์
ได้ลากตัวเจ้ามังกรกลับมายังหมู่บ้านเพื่อมอบให้กับชาวบ้าน มื่อชาวบ้านเห็นก็ดีใจและจัดงานฉลองนื่นเริงเป็นการใหญ่
ด้วยความโกรธแค้นในสิ่งที่มังกรตัวนี้ได้ก่อเอาไว้ ในที่สุดชาวบ้านก็ตัดสินใจเผามันด้วยเปลวเพลิงเช่นเดียวกับที่มันเคยได้ก่อเอาไว้ ในเมืองนี้
มีเพียงช่วงลำตัวเท่านั้นที่มอดไหม้ไปกับเปลวเพลิง ส่วนลำคอและหัวไม่สามารถ มอดม้วยไปได้ นักบวชเซนต์ รูมานีส์
จึงได้เสนอให้ชาวบ้านนำเอาส่วนหัวที่ยังเหลือไปติดไว้บนยอดหลังคาโบสถ์ที่ชาวบ้านได้สร้างเอาไว้ เนื่องจากมีความเชื่อที่ว่า เจ้ามังกรไฟ ลา การ์กุยย์
ตัวนี้มีเปลวเพลิงที่ร้อนแรงดุจดั่งอำนาจศักดิ์สิทธิ์ สามารถป้องกันสิ่งชั่วร้ายได้
จากนั้นมาชาวยุโรปจึงถือเอาเหตุการณ์ในครั้งนั้นเป็นธรรมเนียมละยึดถือ
ปฎิบัติมาเป็นเวลาช้านาน
โบสถ์และสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ แทบทุกๆ ที่ ในยุโรป
ต่างก็มี หัวมังกร หรือที่เรียกกันว่า การ์กอยล์ สลักอยู่บนยอดหลังคาเสมอ
ตามความเชื่อที่เล่ามาตอนต้น
ธรรมเนียมดังกล่าวยังถูกเผยแพร่ไปในอเมริกา อย่างรวดเร็วโดยคนยุโรปที่ย้ายถิ่นฐานไปใช้ชีวิตที่นั่นและได้นำพาความเชื่อของเขาไปด้วย
ในปัจจุบัน การ์กอยล์ถูกออกแบบ แตกต่างกันไป
บางที่ก็อาจถูกสลักให้เป็นอิริยาบถต่างๆ และไม่ได้ประดับไว้แค่ในตัวโบสถ์และมหาวิหารศักดิ์สิทธิ์ เท่านั้น ตามอาคารสถานที่ต่างก็มีไว้เช่นกัน
ตามความก้าวหน้าของสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ อีกทั้งยังถูกออกแบบให้เป็นที่ระบายน้ำฝนบนหลังคาได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
และนั่นก็ถือเป็นสิ่งที่ชาวคริสเตียนเชื่อว่า การ์กอยล์ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และต้องควรมีไว้เพื่อขจัด และขับไล่สิ่งชั่วร้ายไม่ให้เขาไปในสถานที่นั้นๆได้ในที่สุด