ท่องโลกดึกดำบรรพ์: ยุคดีโวเนียน
ท้องทะเลอันแสนสงบสุขแสนงดงาม ชายหาดแสนโล่งเตียนอันคุ้นเคย ร่างของคุณในชุดนักประดาน้ำที่ชุ่มโชกค่อยๆ แบกร่างกายอันเทอะทะเดินขึ้นมา ข่าวดีสำหรับคุณ อากาศบนแผ่นดินกลับมาหายใจได้มากขึ้น พืชบนบกเริ่มมีกิ่งก้านสาขาแตกแขนง พวกมันดูคล้ายปะการังขนาดเล็ก บรรดาสัตว์ขนาดเล็กที่อาศัยบนต้นไม้ ก็เป็นพวกสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังมีเปลือกที่คุ้นเคย แมงป่องในตอนนี้ย้ายขึ้นมาอาศัยบนบกแล้ว พวกมันทิ้งขนาดตัวอันใหญ่โตและวิวัฒนาการให้ตัวเล็กลงเพื่อป้องกันการที่อวัยวะถูกบีบอัดจากแรงโน้มถ่วงบนบกซึ่งมีมากกว่าในน้ำ นอกจากนี้ ยังมีกิ้งกือ แมงมุม กุ้ง ปู และเห็บที่หน้าตาพิศดารไม่ต่างจากปัจจุบันมากนัก
ยุคดีโวเนียน หรือราวๆ 423-352 ล้านปีที่แล้ว เป็นช่วงของการที่ปลาและสัตว์มีกระดูกสันหลังวิวัฒนาการกันหลากหลายเพื่อเติมเต็มระบบนิเวศทั้งบนบกและในน้ำ ปลาหลายๆ ชนิดในยุคนี้ มีปลาที่มีครีบพู่ (Lobe Fin fishes) อันเป็นปลาที่มีครีบเป็นกล้ามเนื้อเหมือนเท้าหรือแขนขา หลายๆ ชนิดสามารถขยับขึ้นมาบนบกได้อย่างง่ายดาย อ๊อกซิเจนบนบกได้รับการผลิตจากแพลงก์ตอนพืชในทะเลและพืชบกที่เริ่มพัฒนาจนมีปริมาณอ๊อกซิเจนสูงขึ้นถึง 40% มากกว่ายุคปัจจุบัน อากาศนั้นชุ่มชื้นและเริ่มอบอุ่น ส่วนในทะเล ปลาที่มีกระดูกอ่อนเริ่มพัฒนา รวมถึงบรรพบุรุษของฉลามและกระเบนก็ถือกำเนิดช่วงนี้ด้วย
มีร่างๆ หนึ่งคลานขึ้นมาบนบกเช่นเดียวกับคุณ นั่นคือทิกทาลิค (Tikktalik) เป็นปลาครีบพู่ พวกมันมีลักษณะพิเศษต่างจากปลาครีบพู่ชนิดอื่นๆ ตรงที่มันมีครีบพู่ที่แทบจะเป็นเท้ามีพังผืด เกล็ดของมันลดรูปลงและมีเมือกลื่นแทนที ที่แปลกออกไป มันมีปอดเช่นเดียวกับมนุษย์เรา โดยปกติแล้ว ปลาทั่วไปจะดูดซึมอ็อกซิเจนทางเหงือกโดยที่อากาศไหลเข้าไปยังเส้นเลือดฝอย แต่การมีปอดนี้ พวกมันแค่สูดอากาศเข้าลึกๆ โดยตรงก็ทำได้แม้จะถูกโยนขึ้นมานอกน้ำ น่าทึ่งเสียจริงๆ
ในตอนนี้ สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำเริ่มพัฒนาตัวเองขึ้นมา การที่ปลาครีบพู่เหล่านี้งอกแขนขา ก็กลายเป็นรยางค์ มีทั้งมือและเท้า ผิวหนังก็ผลิตเมือกหุ้มเพื่อทำให้ร่างกายชุ่มชื้น และถึงแม้สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำจะวิวัฒนาการมาเช่นนี้ พวกมันยังต้องวางไข่ในน้ำอยู่ดี
คุณเดินสำรวจยาวไปเรื่อยๆ จนพบกับทางน้ำไหลที่เกิดจากที่ทะเลกัดเซาะมหาทวีป แผ่นดินตอนนี้บางส่วนหดเล็กลงและมีบ้างที่จมลงท้องทะเล แต่บางส่วนถูกแหวกและทำให้น้ำที่ถูกกักเก็บเจือจาง ไร้ซึ่งเกลือ กลายเป็นน้ำจืดในที่สุด ฝูงสัตว์กลุ่มหนึ่งนอนกองกันบนชายหาด พวกมันคือ ไฮเนอร์พีตัน (Hynerpeton) เป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำรูปร่างคล้ายจิ้งจก หัวแบน ปากกว้าง ฟันแหลมเหมือนเข็ม พวกนี้เองก็สืบเชื้อสายมาจากพวกปลามีครีบเช่นกัน น้ำจืดนั้นไม่ทำลายผิวหนังและขับน้ำจากร่างกายเท่ากับน้ำเค็ม พวกมันจึงเลือกที่จะอาศัยในน้ำจืด
ตอนนี่เราลองมาวิเคราะห์ลักษณะของไฮเนอร์พีตันอย่างใกล้ชิดดูหน่อย คุณเห็นได้ว่ามันมีเท้าทั้งสี่พร้อมนิ้ว ก้านครีบวิวัฒนาการมาเป็นนิ้วมือ มันพอจะยกตัวขึ้นจากพื้นได้ก็จริง แต่ก็ยังว่ายน้ำได้อย่างยอดเยี่ยม ถ้าอยากจะเห็นตอนมันว่ายน้ำ ลองดำน้ำลงไปดูด้วยกันสิ
หลังจากเตรียมกลับมาสวมชุดประดาน้ำและดำลงไปใต้น้ำ กระแสน้ำข้างล่างปั่นป่วนและชวนให้คุณสงสัยมากๆ ว่ามันกำลังพัดร่างของคุณไปที่ไหน จะว่ายถอยหลังกลับไปก็ไม่ทัน แรงมหาศาลของกระแสน้ำดีดคุณลอยออกมาจนถึงเขตทะเล น้ำเค็มแทรกเข้าจมูกชวนให้สำลัก
ในทะเลแห่งนี้ หมึกและหอยวิวัฒนาการขึ้นมาบ้างแล้ว ถึงแม้ยุคไซลูเรียนจะมีหมึก แต่พวกมันก็ย่อขนาดลงเพื่อการหาอาหารที่ง่าย ปลาหลายๆ ชนิดในเขตแนวปะการังที่คุณรู้จักก็ยังคงมีเกราะ บางชนิดแทบจะไม่ขึ้นจากน้ำเลย พวกมันที่มีเกราะนั้นดูแปลกประหลาดเสียจริง เราเรียกปลาเหล่านี้ว่า พลาโคเดิร์ม (Placoderm) ในยุคปัจจุบัน ไม่มีปลาชนิดใดบนโลกที่วิวัฒนาการสายตรงมาจากพวกมันอีก ทว่า ญาติสนิทในสายวิวัฒนาการแท้จริงแล้วเป็นพวกฉลามและกระเบน หรือปลากระดูกอ่อนนั่นเอง
เงาๆ หนึ่งว่ายเข้ามาข้างหน้าด้วยความรวดเร็ว คุณสังเกตเห็นและเอี้ยวตัวหลบด้วยความตกใจ ร่างนั้นยาวเกือบถึงสามเมตร มีอวัยวะคล้ายแท่งตีเหล็กยื่นออกมาบนศีรษะ ลักษณะภายนอกคล้ายฉลาม มันคือ สเตธาแคนทัส (Stethacantus) และมันดูแตกตื่นกับอะไรบางอย่าง
นักล่าที่น่ากลัวที่สุดของยุคได้โผล่มาสักที มันมีความยาวเกือบหกเมตรพอๆ กับรถโดยสาร หางยาวแบบลูกอ็อด หัวแข็งเป็นเกราะพร้อมแผ่นกระดูกคมๆ ในปากคล้ายกราม คุณถึงกับหนีในความกลัวหน้าตาอันพิลึกพิลั่นของมัน นี่คือ ดังเคิลออสเตียส (Dunkleosteus) นักล่าชนิดนี้จัดว่าดุร้ายและน่ากลัวยิ่งนัก เคยมีการวิจัยจำลองการกัดโดย น.ศ. ฟิลิป แอนเดอร์สันจากมหาวิทยาลัยชิคาโกเมื่อปี 2008 เขาได้พบว่าเจ้าปลายักษ์นี้มีแรงกัดถึง 1,200 ปอนด์ เพียงพอจะบดถังเบียร์โลหะได้สบายๆ การมีกรามแข็งแรงช่วยให้มันกินเหยื่อและกัดให้ตายได้ในคำเดียว
คุณเร่งรีบหนีมันไปอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าโชคจะเข้าข้าง มีกองหินเป็นซอกที่ช่วยให้คุณหลบภัยได้ คุณจึงดำน้ำแทรกตัวลงไปหลบในนั้น ตอนนี้เองที่เจ้านักล่าว่ายเข้ามาและชนกับหินเกิดเสียงสะเทือนเลื่อนลั่น ร่างของคุณงอตัวด้วยความกลัวสุดขีด เจ้านักล่าไม่เป็นอะไรนักเนื่องจากแผ่นเกราะของมันป้องกันรอยขีดข่วนได้ แต่รูที่เหยื่อของมันเข้ามานั้นเล็กเกินแทรกเข้าไป มันเลิกสนใจคุณและยอมถอยออกไป และนี่ คงจะทำให้คุณได้รู้ว่า โลกของเรามีสัตว์นักล่าที่ประหลาดและดุร้ายน่ากลัวเช่นนี้อยู่ด้วย แต่คงจะเทียบไม่ได้กับยุคต่อไป เมื่อทะเลลึกแห่งนี้เริ่มตื้นเขิน พืชและสัตว์บนบกจะวิวัฒนาการมากขึ้นให้ดีกว่านี้ การแข่งขันในระบบนิเวศซับซ้อนและเริ่มพิสดารมากขึ้น ดังเคิลออสเตียสและปลาหัวเกราะจะค่อยๆ สูญพันธุ์ไป หากแต่ปลาที่มีกระดูกแข็งและฉลามจะยังคงอยู่ และแล้ว โลกที่ทั้งบนบกและในน้ำอันเต็มไปด้วยการต่อสู้จะเริ่มขึ้น
เดินทางไปยังช่วง 352 ล้านปีต่อมา ธรรมชาติอันแสนอุดมสมบูรณ์ดุจสรวงสวรรค์ของสัตว์น่าเกลียดได้เริ่มขึ้น โลกที่ต้นไม้สูงเทียมฟ้า แมลงยักษ์โบยบินและคืบคลาน สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำเริ่มใหญ่ขึ้นจนน่ากลัว และฉลามเข้ามาบุกเบิกน้ำจืดอย่างน่ากลัว นี่คือยุคคาร์บอนเฟอร์นิรัสอันแสนแปลกประหลาด โปรดติดตามต่อใน ท่องโลกดึกดำบรรพ์
อ้างอิงจาก: https://www.scientificamerican.com/article/ancient-megafish-had-firs/#:~:text=A well-known denizen of,its%20bite%2C%20the%20investigators%20estimate.
https://www.nationalgeographic.com/science/article/devonian