แอบรักลุงข้างบ้าน ตอน9
ตอนที่ 9
ไปให้พ้น! ยัยจุ้นจ้าน
รุ้งขวัญที่นั่งรอคิวอยู่กับผู้ใหญ่ทั้งสาม ลุกไปมุมบริการหยิบนิตยสารปกพระเอกนางเอกละครในราคายี่สิบบาทขึ้นมาอ่านฆ่าเวลา
ด้านในนั้นมีเนื้อหาที่หลากหลายน่าสนใจไม่น้อย ช่างคุ้มค่ากับราคาถูก ๆ มิน่า ถึงเห็นพ่อค้าแม่ค้าในตลาดติดกันงอมแงมแทบจะทุกแผง
เธอเปิดอ่านหน้าดวงชะตารายปักษ์เป็นอย่างแรก ขำขันสั้น ๆ แล้วก็กวาดตาคร่าว ๆ ในเนื้อเรื่องเกี่ยวกับการท่องเที่ยว พลิกไปพลิกมาอย่างรวดเร็ว แล้วก็สะดุดเข้ากับคอลัมน์หนึ่งที่ขึ้นประกาศตามหาคน พร้อมภาพบุคคลคนนั้นที่ช่างดูคุ้นหน้าคุ้นตาเหลือเกิน
ประกาศตามหา
อดีตพระเอกลิเกเงินล้าน เทพพิทักษ์ เพชรบุษยา
หรือ นายอิสระ งามนอก
ผู้ใดพบเห็น / มีเบาะแสกรุณาแจ้ง
คุณผดุงเกียรติ เบอร์ xxx-xxxxxxx
หญิงสาวเปิดซิบกระเป๋าด้านในหยิบบัตรประชาชนใบหนึ่งขึ้นมาเทียบกัน นั่งอึ้งงันคิดประมวลผลอยู่ตรงนั้นได้ประมาณหนึ่งนาที นภาก็เรียกให้เข้าไปพบกับเจ้าหน้าที่ที่โต๊ะบริการประชาชน เธอจึงรีบเก็บของสำคัญซุกซ่อนไว้แล้วคิดจะไปตามหานิตยสารเล่มนั้นมาครอบครองในภายหลัง
“ไว้พ่อจะมาเยี่ยมหาลูกบ่อย ๆ นะ.....สวัสดีครับคุณแม่ ผมลาล่ะ” กล่าวก่อนจาก ทำให้ยายนวลเบ้ปากและรีบทำหน้าปกติเมื่อเขาหันมากล่าวคำลา เมื่อดำรงชัยขึ้นรถกลับไป อดีตแม่ยายก็คันปากขึ้นมาทันที
“หนอย! ขอให้มาเยี่ยมจริงเถอะกลัวจะมีแต่ลมปาก” ให้พรส่งท้ายแล้วก็หันมาพูดกับลูกตนต่อ
“วันนี้วันดี ฉันอยากจะกินข้าวนอกบ้านเลี้ยงฉลอง จะรีบกลับไปปรนนิบัติผัวรึเปล่า?”
“คุณประชาไปดูงานต่างจังหวัดค่ะ”
“แล้วลูกสาวขี้โรคคนนั้นล่ะ?”
“คุณแม่!”
“เออ ๆ ขอโทษเปลี่ยนคำพูดก็ได้ แล้วลูกสาวผู้แสนอ่อนโยนบอบบางดั่งไข่ในหินนั่นล่ะ?”
“ไปโรงเรียนค่ะ”
“ต้องรีบกลับไปรับรึเปล่า?”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ รจนาเขาไปกลับเองได้ ว่าแต่คุณแม่เถอะอยากไปที่ไหนล่ะคะบอกมาได้เลย”
“งั้นก็ดี รู้จักหัดมีเวลาให้ฉันกับลูกสาวอีกคนหนึ่งบ้าง” ยายนวลเหน็บ ทำเป็นน้อยใจที่นภาไม่ค่อยมีเวลากลับมาเยี่ยมตนเลย
ลุงหนูกับรุ้งขวัญนั่งอยู่บนแคร่เดียวกันไม่ห่างกันนัก เธอยื่นผ้าขาวม้ากับบัตรประชาชนคืนให้ จากนั้นก็ดันนิตยสารที่ซื้อมาเลื่อนไปตรงหน้าเขา
“คุณหนูอ่านหนังสือแบบนี้ด้วยหรือ นึกว่าจะดูแต่หนังสือฝรั่ง”
เธอนิ่งเงียบ เปิดหน้าคอลัมน์ประกาศตามหาคนที่เกี่ยวข้องกับเขาให้ดู
ลุงหนูหยิบมันขึ้นมาอ่าน ชีพจรบนปากกระตุกเล็กน้อยพรางขบกรามแน่นใบหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันใด ปิดหนังสือดังพรึ่บ ไม่รู้ว่ามันอะไรกันนักหนาเรื่องบ้า ๆ พวกนี้ถึงตามมาหลอกหลอนกันอยู่ได้
“มันคืออะไรหรือคะคุณลุง?”
“ไม่มีอะไร อย่าไปสนใจมันเลย” ตอบปัดเสียงแข็งกระด้าง
“แต่...”
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น เลิกเซ้าซี้เสียทีน่ารำคาญ ต่อไปนี้ไม่ต้องมาที่นี่อีก!”
รุ้งขวัญสะดุ้งตกใจ งงที่ถูกตวาดไล่เสียงดัง เกิดอาการน้อยใจลุกขึ้นวิ่งหนีกลับบ้านไปทันที อะไรกัน ก็แค่ถามนิด ๆ หน่อย ๆ เอง ไม่ได้จะละลาบละล้วงอะไรซักหน่อย ทำไมจะต้องมาตะคอกเสียงดังใส่กันด้วย
คุณลุงใจร้าย ฮือ ๆ ต่อไปนี้ไม่ต้องมาอีกแล้วหรือ ก็ได้...ต่อไปนี้จะไม่ไปดูแลแปลงผักให้ จะไม่ไปส่งข้าวส่งน้ำ ถ้าเกิดเจ็บป่วยไม่สบายขึ้นมาอีก ก็อย่ามาง้อรุ้งขวัญคนนี้แล้วกัน ฮึ!
แล้วเธอก็ทำตามอย่างนั้นจริง ๆ โดยไม่เฉียดเข้าไปใกล้รั้วหลังบ้านเลยแม้แต่น้อย จนกระทั่งถึงวันที่สาม ที่อาการน้อยใจลดลงไปมากแล้วก็อดออกมายืนตรงระเบียงห้องนอน ชะเง้อคอมองข้ามกำแพงบ้านไปอีกฝั่งที่มืดมิดไม่ได้ ไม่รู้ว่าคืนนี้เขาจะไปเที่ยวตะลอนเก็บขยะแถวไหนอีก หญิงสาวคิด ถอนหายใจ แล้วกลับมานั่งเหม่อลอย ระลึกถึงแผ่นหลังในคืนนั้นที่ได้ซบกอดไออุ่น
คิดถึงใบหน้าเย็นชากับสายตาคมดุที่มักแสดงใส่อยู่เสมอ สมองของเธอมันวุ่นวายสับสนจนทำเอานอนไม่หลับด้วยความฟุ้งซ่าน จึงลุกขึ้นมานั่งถอนหายใจครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้
มือบางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเข้าอินเตอร์เน็ตลองพิมพ์คำว่า พระเอกลิเกเทพพิทักษ์ ลงไป ก็พบข้อมูลอยู่บ้าง แต่ส่วนมากจะเป็นข่าวฉาวข่าวคาวเสียหายที่บอกว่าเขาเป็นคนอกตัญญู เนรคุณต่อผู้มีพระคุณ และหลอกล่อบรรดาแม่ยกที่คอยตามอุปถัมภ์จนผิดใจกับสามีตัวจริงอยู่เนือง ๆ
เฮ่อ! นี่คุณลุงเป็นแบบนั้นจริง ๆ หรือเนี่ย
คาดไม่ถึงเลยว่าอดีตของเขาจะชั่วร้ายขนาดนี้ แทบไม่อยากเชื่อเลย แล้วที่เขาโกรธเธอคือเรื่องอะไรกัน เกี่ยวกับที่รู้ว่าเขาเคยเป็นใครในอดีตอย่างนั้นหรือ
“ดูซีรีส์หรือว่าเที่ยวดึกตาดำเป็นหมีแพนด้าเชียว”
“ฮื่อ”
รุ้งขวัญตอบเพื่อนพร้อมฟุบหน้าลงกับโต๊ะหลังจบคาบเรียน เธอเรียนหนังสือไม่รู้เรื่องเลย เอาแต่สัปหงก คงเพราะอดนอนและสมองคิดวนไปกับข่าวของลุงหนูที่เสพอ่านมาทั้งคืน
ทั้งไม่เชื่อว่าทั้งหมดเป็นเรื่องจริง
ไม่แน่ใจว่าเขาเป็นคนอย่างไร
และไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องทำเรื่องไม่ดีหลายอย่างแบบนั้นด้วย
เธอไม่ชอบใจกับข่าวฉาวเหล่านั้นเอามาก ๆ เลย มันเจ็บแปลบ ผิดหวังอย่างไรบอกไม่ถูก ในใจลึก ๆ ไม่เชื่อว่าลุงหนูเป็นคนแบบนั้นจริง ๆ รู้สึกปวดหัวกับความคิดที่สลัดไม่ออก อยากรู้อยากไปถามตรง ๆ ว่าเขาทำอย่างนั้นจริงหรือไม่ แต่ก็ทำไม่ได้ ก็มันไม่เกี่ยวอะไรกับเธอเลยนี่นา จะแคร์เขามากไปไหม แต่ว่าถ้าไม่รู้ก็คาราคาซังค้างคาในใจจนน่าอึดอัดชะมัดเลย
“คืนนี้ไปเที่ยวกันไหม?” มิ้งถาม
“ไม่ไป เข็ดแล้ว”
ตอบพร้อมคิดถึงเรื่องราวในคืนวันนั้นที่มีเรื่องกับโจอี้ และได้ลุงหนูเข้ามาช่วยเหลืออย่างทันท่วงที จากนั้นก็ซ้อนท้ายจักรยานกลับบ้านกัน นั่งดูวิวทิวทัศน์ รวมไปถึงยังจดจำกลิ่นหอมพิเศษจากเสื้อผ้าและกรุ่นกายของเขาอยู่
โอ๊ย! รุ้งขวัญเธอเป็นอะไรไปเนี่ย เลิกคิดเรื่องของคุณลุงสักวินาทีนึงไม่ได้เชียวรึไงกัน
ลาเต้ร้อนที่สั่งพร่องไปค่อนแก้ว พระพิรุณบนฟ้าก็พร่างพรมสายฝนตกลงมาให้หมู่มนุษย์บนดินวิ่งหลบหนีกันวุ่นวาย สงสัยคงต้องติดแหง็กอยู่ที่นี่อีกนานจนกว่าฝนจะซา แต่ก็ดีเหมือนกันเพราะตอนนี้เธอเองก็ไม่รู้จะไปที่ใด
ตอนนี้คุณลุงทำอะไรอยู่นะ จะคิดถึงกันเหมือนเธอหรือเปล่า หายไปหลายวันแบบนี้เขาจะรู้สึกอย่างไรบ้าง หรือว่าไม่รู้สึกอะไรเลย
เสียงเพลงของนักร้องยุคแปดสิบที่ทางร้านเปิดคลอ มันมีคำร้องและท่วงทำนองไพเราะกินใจ ซึมซาบเข้ากับบรรยากาศหงอยเหงาหม่นเศร้าในขณะนี้ยิ่งนัก คนเปิดตั้งใจหรือเปล่า แล้วรู้บ้างไหมว่าเพลงนี้มันทำให้หญิงสาวเกิดความรู้สึกหน่วงหนักในอก จนอยากจะร้องไห้ขึ้นมาเสียให้ได้
ฝนพรำ ตกต่อเนื่องกันมาจนถึงในเวลากลางคืน
รุ้งขวัญอาบน้ำเสร็จก็เข้าซุกตัวใต้ผ้าห่มนุ่ม เอนหลังพิงหัวเตียงเปิดไล่ดูบันทึกการแสดงสดของคณะลิเกเพชรบุษยาที่สามารถสืบค้นหาได้จากช่องยูทูบ ดีใจเป็นอย่างมากที่ได้เห็นใบหน้าของคนที่เธอคิดถึงมาหลายวัน แต่ทว่ากลับไปหาไม่ได้ ก็เพราะเขาคนนั้นเป็นฝ่ายไล่เธอมาเอง
นั่นคือลุงหนูตอนหนุ่มจริง ๆ ด้วย
ตั้งแต่รู้จักกันมาแทบไม่เคยเห็นเขายิ้มหรือหัวเราะเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่นายเทพพิทักษ์คนนั้นกลับยิ้มได้อย่างสวยงามน่าประทับใจ ใบหน้าที่หล่ออยู่แล้ว ดูหล่อและมีเสน่ห์ยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อแต้มยิ้มเข้าไป อย่างนี้นี่เอง เหล่าแม่ยกถึงรุมเอาใจจนเกิดเป็นข่าวฉาวเสียหาย
รุ้งขวัญขูดเล็บกับผ้าห่มอย่างไม่รู้ตัว ตั้งใจดูการแสดงละครพื้นบ้านนั้นต่อ โดยเฉพาะพระเอก คิดว่าตอนนั้นลุงหนูคงจะมีความสุขมาก ถึงได้ยิ้มออกมาทั้งใบหน้าและดวงตาเช่นนั้น เขาเคยยิ้มได้อย่างนี้บ้างหรือเปล่านะ หรือจะยิ้มแค่เฉพาะเวลาแสดงบนเวทีเท่านั้นเอง แล้วภาพวันฝนตกฟ้าร้อง ที่เธอเข้าไปหลบในห้องของเขาก็แทรกซ้อนเข้ามา แววตาของคุณลุงที่เธอเห็นในวันนั้นกับผู้ชายที่เห็นในภาพขณะนี้ ดูช่างแตกต่างกันเหลือเกิน
ยี่สิบปีที่ผ่านมา ไม่รู้เขาผ่านอะไรมาบ้าง ถึงได้เงียบขรึมหม่นเศร้าได้ขนาดนั้น รวมกับคำพูดที่ไม่แยแสใคร ไม่เกรงกลัวความตายว่าจะมาวันไหน มันช่างบาดลึกในใจน้อย ๆ ของเธอเหลือเกิน แล้วจู่ ๆ หยาดน้ำใสก็กลิ้งไหลลงจากตา จะเป็นเพราะเศร้าใจ เห็นใจ หรือสงสารกับชีวิตที่พลิกผันของเขาก็ไม่รู้ได้
รุ้งขวัญไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงได้พลอยทุกข์โศกเศร้าใจ เจ็บปวดในอุราไปกับเขาด้วย นั่นคืออดีต อดีตเมื่อนานมาแล้ว อดีตที่เธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย
มือเล็กป้ายเช็ดน้ำตาที่คลอหน่วย จนทำให้มองภาพในโทรศัพท์ไม่ชัด ตั้งใจจะดูอีกครั้งจนจบแล้วก็เห็นประกายตาสดใสแพรวพราวจากพระเอกลิเกเงินล้านคนนั้น จนแทบไม่อยากจะเชื่อว่าเขาคนนั้นกับคุณลุงคนนี้จะเป็นคน ๆ เดียวกัน ท่ารำเกี้ยวนางงดงามอ่อนช้อยกระแทกตารุ้งขวัญอย่างแรง ยิ่งภาพตอนแสดงบทรักที่มีการสวมกอดและหอมแก้มกันจริง ๆ ก็กระแทกใจ จนทำให้น้ำตากลิ้งผ่านแก้มใสขึ้นมาอีกรอบหนึ่ง
คุณลุง...ไม่จริง.....ไม่จริงใช่ไหม นี่หนูชอบคุณลุงจริง ๆ หรือเนี่ย
ล้มตัวลงนอนทั้งน้ำตา มองภาพในอดีตของคนที่กำลังตกหลุมรักเข้าอย่างจัง พรางปลอบใจตัวเองว่ามันเป็นไปไม่ได้
ไม่เป็นไรรุ้งขวัญ มันก็เหมือนตอนที่เธอชอบศิลปินเกาหลีและนักแสดงจีน มันเป็นอาการเหมือนกัน แค่อารมณ์คลั่งไคล้หลงใหลไปกับภาพลักษณ์บทบาทการแสดงเท่านั้นเอง เธอไม่ได้รักคุณลุงจริง ๆ ไม่ได้รักเขาจริง ๆ.....ใช่ไหม?
“วันนี้ไม่มีเรียนหรือลูก?”
ยายนวลถามหลานสาวที่สวมชุดนอนลงมาหาข้าวทานในเวลาสายโด่ง
“มีค่ะ แต่หนูลาเพราะปวดประจำเดือน แล้ววันนี้ฝนก็ตกด้วย”
“กินยารึยังล่ะ?”
หญิงชราลุกจากโซฟาหน้าทีวีเข้ามาหา แตะหน้าผาก จับเนื้อจับตัว เห็นสายตาบวม ๆ ชัดเจนแต่ก็ไม่ได้ซักถามอะไร
“ยังไม่ได้กินค่ะ เดี๋ยวกินข้าวก่อน ถ้ามันยังไม่หายปวดก็ว่าจะกิน”
“อืม...นี่ ยายว่าซื้อรถยนต์สักคันดีไหม? ให้หนูขับไปเรียนจะได้ไม่ต้องลำบากโบกรถ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” ตอบพร้อมกับรินน้ำใส่แก้วตนเอง
“แต่ยายว่า มีไว้ก็ดีเหมือนกันนะ ยังไงเวลาทำงานก็ต้องได้ใช้อยู่ดี เผื่อกลับมืดกลับค่ำ อีกอย่าง เผื่อพายายไปนู่นมานี่ด้วย” หญิงชราคะยั้นคะยอหลานสาวเต็มที่
“ยังดีกว่าค่ะ หนูยังไม่กล้า”
“งั้นก็ตามใจ อยากได้เมื่อไหร่บอกยายแล้วกัน”
“ขอบคุณค่ะ คุณยายแสนดีที่สุดในโลก” โอบกอดและหอมแก้มฟอดใหญ่เป็นการเอาใจ
“ยายก็ทำให้หนูได้เท่านี้แหละ ถึงแม้ทรัพย์สินเงินทองทั้งหลายที่ยายมีให้มันจะแทนกันไม่ได้กับความรักจากพ่อแม่ แต่ยายก็อยากจะชดเชยให้ ไม่อยากให้หนูคิดมากมีปมด้อยเรื่องครอบครัว”
หญิงสาวซึ้งใจน้ำตาซึม กอดยายนวลแน่นมากขึ้นกว่าเดิม
“หนูไม่กล้าเป็นเด็กมีปัญหาหรอกค่ะ รู้ว่าคุณยายทั้งรักทั้งเอ็นดูหนูมากขนาดนี้”
ร่างผ่ายผอมของคนป่วยเป็นโรคร้าย ที่นอนรอวันตายดูคล้ายกับไร้ชีวิต
ผดุงเกียรติเข้าออกโรงพยาบาลและนอนป่วยติดเตียงอย่างนี้มาร่วมปีแล้ว เงินทองที่สู้อุตส่าห์หามาด้วยทุกวิถีทางไม่สามารถช่วยยื้อชีวิตเขาได้ แค่คิดจะดื่มน้ำและทานอาหารด้วยตัวเองยังต้องพึ่งพาผู้อื่น
ทรัพย์สมบัติทั้งหลายที่มีทั้งหมดก็เป็นเพียงแค่ของนอกกาย หอบหิ้วติดตัวไปไม่ได้ กว่าจะรู้ตัวก็สายเกินไปเสียแล้ว ที่พอจะทำได้ในตอนนี้คืออบรมสั่งเสียลูกชายให้จำบทเรียนชีวิตผิดพลาดของเขา จะได้ไม่เอาเยี่ยงและทำผิดซ้ำรอยเดิมกับตน เพราะความโลภไม่รู้จักพอเพียงตัวเดียว ที่ทำให้เพื่อนฝูงและใครหลายคนในชีวิตที่รู้จักต่างห่างเหินเบือนหน้าหนี ในเวลาลำบากเช่นนี้จึงไม่มีหน้าจะกล้าฝากฝังใครให้ช่วยดูแลคนที่ตนรัก
ภูวดล ลูกชายคนโตคงจะดูแลแม่และน้องสาวของเขาได้ดี แก้วกานดาคงจะมีความสุขมากขึ้นที่ไม่ต้องลำบากดูแลตนและมีคนชวนทะเลาะให้ปวดหัวในทุก ๆ ครั้งจวนจะเลิกรากันไปอยู่หลายรอบ แต่ลูกสาวคนเล็กของเขานี่สิ คงจะเสียใจมาก เขาเองก็เสียดายเหมือนกันที่ไม่มีโอกาสได้อยู่เห็นวันที่ลูกประสบความสำเร็จ ไม่มีวันได้อยู่ร่วมอวยพรในวันสำคัญที่สุดของชีวิต เพราะเวลาของเขาที่มีอยู่มันเหลืออีกไม่มากแล้ว
ผดุงเกียรติหวังว่าตนจะสามารถจากไปได้อย่างสงบหมดห่วงกังวลกับทุกเรื่อง ไม่มีอะไรให้ต้องติดค้างคาใจ โดยเฉพาะเรื่องที่ให้ลูกชายไปจัดการแทน
หวังว่าความปรารถนาสุดท้ายของตนก่อนจากโลกนี้ไปมันจะสำเร็จเสร็จสิ้นดั่งใจหมายนะ
วันฌาปนกิจศพวันสุดท้าย
รุ้งขวัญและหมู่เพื่อนมาช่วยงานปานวาดกันอย่างเต็มที่ เพื่อเป็นกำลังใจตั้งแต่วันแรกจนถึงคืนนี้ซึ่งเป็นคืนสุดท้าย ที่มีแขกมาร่วมแสดงความอาลัยกันอย่างมาก
หญิงสาวได้จับคู่กับหนูนิดช่วยกันเดินแจกของว่างให้กับผู้มาร่วมงาน สถานที่ใดที่มีคนนั่งเบียดเสียดกัน เธอก็จะยอบตัวลงนั่งกึ่งคลานแทรกผ่านเข้าไปโดยมีหนูนิดคอยช่วยยื่นของให้
“รับเครื่องดื่มกับของว่างไหมคะ?”
เธอพูดประโยคเดิมซ้ำ ๆ แล้วก็พลันรู้สึกคอแห้งขึ้นมาทันใดเมื่อได้เห็นหน้าและสบสายตาเข้ากับแขกผู้มีเกียรติคนหนึ่ง
“เอ่อ...รับเครื่องดื่มกับของว่างไหมคะ?”
“ขอบใจ”
หนุ่มใหญ่ตอบพร้อมยื่นมือมารับ และยื่นของนั้นให้คนข้าง ๆ ช่วยส่งต่อไป ทำให้รุ้งขวัญแจกของได้เสร็จรวดเร็วและไม่ต้องแทรกตัวเบียดผู้คนเข้าไปตรงกลาง
หลังจากทำงานเสร็จเรียบร้อย เธอก็มานั่งระงับอาการประหม่าและตื่นเต้นที่ได้เจอเขาโดยบังเอิญ คิดไม่ถึงว่าจะได้มาเจอกันในที่แบบนี้ คุณลุงรู้จักพ่อของปานวาดด้วยหรือ เธอสงสัยพลางชะเง้อคอมองไปทางที่เขานั่งบ่อย ๆ เห็นแขกคนอื่นทยอยลุกกลับกันแล้ว แต่เขายังคงนั่งปักหลักอยู่ที่เดิม จากนั้นพี่ชายของเพื่อนก็เดินเข้าไปหา นั่งลงข้าง ๆ และดูเหมือนจะพูดคุยอะไรกันบางอย่าง
ด้วยความอยากรู้ รุ้งขวัญจึงหยิบถุงขยะขึ้นมาทำทีเข้าไปเก็บกวาดทำความสะอาด ดูแลความเรียบร้อยในบริเวณนั้น
เธอทำตัวเนียนเข้าไปใกล้เพื่อจะได้ยินการสนทนาระหว่างคนทั้งสอง แต่แล้วภูวดลก็ลุกเข้ามาหาและชวนคุยด้วย โดยมีสายตาของเขามองมาอยู่ตลอด
“ขอบคุณมากเลยนะครับ ยังไม่กลับอีกหรือดึกมากแล้ว”
“เดี๋ยวก็กลับแล้วค่ะ”
“งั้นพี่ช่วยจะได้เสร็จเร็ว ๆ”
ขณะที่รุ้งขวัญหันมาคุยกับเจ้าภาพไม่กี่คำ ลุงหนูก็ลุกขึ้นและเดินกลับไปอย่างดื้อ ๆ ปล่อยให้เธอส่งสายตาอาลัยละห้อยคล้อยตามหลัง