ย้อนอดีตสุดยอดหนังในตำนาน "เดชไอ้ด้วน"
"เดชไอ้ด้วน" เรื่องราวของหนังมีจุดศูนย์กลางที่ "ฟางกัง"หนุ่มน้อยที่มีศักดิ์เป็นศิษย์คนสำคัญของเจ้าสำนักใหญ่แห่งหนึ่ง หลังจากที่พ่อของฟางกัง สละชีวิตปกป้องเจ้าสำนักไว้ เจ้าตัวจึงได้อยู่โยงยังสำนักนี้มาตลอด กระทั่งเมื่อศิษย์ใหม่สองคนที่เข้ามาฝากตัวฝึกวิชาได้ไม่นาน รวมหัวกับคุณหนูลูกสาวเจ้าสำนักที่เดิมหมั่นไส้ตัวฟางกังเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว กลั่นแกล้งฟางกังเรื่อยมา จนกระทั่งบานปลายสู่การประลองกันด้วยดาบ
... สุดท้ายก็เป็น ฟางกัง ที่พลาดพลั้งเสียท่าให้กับ ความโมโหร้าย ของสตรีเพศ.... ลูกสาวเจ้าสำนัก ..ซึ่งทำให้เขาเสียแขนขวาไปในที่สุด ..
หลังจากนั้น ฟางกังได้รับความช่วยเหลือจากสาวรุ่นนางหนึ่งที่กำพร้าพ่อแม่ นอกจากนางจะให้ที่พักพิงแก่เขาแล้ว นางยังค้นพบคัมภีร์เคล็ดวิชาดาบอันลึกลับ ที่พ่อของนางปกป้องด้วยชีวิต แม้คัมภีร์นั้นจะถูกเผาเหลือเพียงครึ่งเล่ม ทว่า ... กลับมีกลายเป็นสุดยอดคัมภีร์สำหรับ ฟางกัง เมื่อครึ่งเล่มที่เหลือนั้น ... เป็นเคล็ดวิชาดาบที่ใช้มือซ้ายล้วน ๆ .. มือข้างที่เหลืออยู่ของเขานั่นเอง ..
จะด้วยเหตุแห่งความบังเอิญ หรือ ฟ้าลิขิต ฟางกัง และ เจ้าสำนักพร้อมด้วยลูกสาว จึงได้มาพบกันอีกครั้งในสถานะที่ทั้งสาม ต้องต่อสู้เพื่อเอาชีวิตของตนให้รอดจากคมดาบแสนร้ายกาจของคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวที่สุดในยุทธภพ ... อันนำไปสู่จุดสิ้นสุดแห่งชะตากรรมอันโหดร้าย ที่เกี่ยวพันกันระหว่าง สามคนนี้ ...
The One-Armed Swordman หรือ ''เดชไอ้ด้วน'' เป็นภาพยนตร์กำลังภายใน ของชอว์ บราเดอร์ส (ค.ศ.1967) เรื่องแรกที่ทำเงินรายได้ถึงหนึ่งล้านเหรียญฮ่องกง สามารถเปิดตลาดหนังกำลังภายในฮ่องกงไปสู่ตลาดสากลได้อย่างกว้างขวางทั่วเอเชีย
''เดชไอ้ด้วน'' เป็นภาพยนตร์กำลังภายในเรื่องแรกที่ใช้สไตล์ Anti-heroes คือ พระเอกไม่ใช่พระเอกในสูตรสำเร็จหนังกำลังภายยุคเก่า ที่เปิดตัวมาก็มักเป็นยอดฝีมือ ที่ได้ฝึกคัมภีร์วรยุทธ์ล้ำลึกจะด้วยปรมาจารย์ที่สละโลกหรือด้วยความบังเอิญ แล้วก็เดินในเส้นทาง บุญคุณต้องทดแทน แค้นต้องชำระ
แต่หากเป็นพระเอกที่ชีวิตขมขื่น ชอกช้ำ โดดเดี่ยว เปิดฉากมาก็เป็นลูกคนใช้ ที่พ่อสละชีวิตปกป้องนายเจ้าสำนัก นายเลยเมตตาเลี้ยงดูและฝึกวรยุทธ์ประจำสำนักด้วย แต่เพราะเป็นเลือดไพร่ จึงถูกศิษย์ชาติตระกูลสูงในสำนักกลั่นแกล้ง ตั้งแต่เล็กจนโต
แต่ที่รุนแรงที่สุดคือ ต่อสู้กันแล้วโดนตัดแขนขวาขาด ตกสะพานหายไป ซึ่งใครก็คิดว่าตายแล้ว แต่ชายหนุ่มกับแขนที่เหลือเพียงข้างเดียวอาศัยดาบที่หักของบิดาที่ทิ้งไว้ดูต่างหน้า กับเคล็ดวิชาที่ถูกเผาไปครึ่งเล่ม ฝึกจนสำเร็จวิชาพิศดารชุดหนึ่งขึ้นมา กลายเป็นสุดยอดกระบวนท่าที่รุนแรง เกินจะต้านทาน
โอกาสที่จะกลับคืนสู่ หนทางเดิมที่เคยวาดไว้ ความฝันที่จะทดแทนบุญคุณอาจารย์ และความแค้นบิดา ได้กลับมาอีกครั้ง โดยเฉพาะเมื่อกลุ่มสำนักโจร อันถ่อยเถื่อนได้กลับมาอีกครั้ง กับแผนการครั้งใหม่ ที่หมายพิชิตสำนักดาบทอง ที่ดูเหมือนว่าจะมีเพียงจอมยุทธแขนเดียว เท่านั้นที่จะหยุดยั่งพวกมันได้
แม้ "เดชไอ้ด้วน" จะมีอายุจวบจนปัจจุบันนี้ จะ 55 ปีเข้าไปแล้ว ทว่า คนแบบ "ไอ้ด้วน" อย่างในเรื่องกลับดูจะหาได้ยากเต็มทีแล้ว....
คนแบบที่ว่า คนที่ละได้กระทั่งความเคียดแค้นที่ถูกตัดแขนไป ... ละได้กระทั่งยศภาบรรดาศักดิ์ที่เสนอปรนเปรอให้หากยังคงอยู่ในสำนัก ... และที่สุด ละได้กระทั่งความลวงหลอกของมนุษย์ เพื่อแสวงหาสิ่งที่แท้จริงสำหรับตน ..
บางทีที่หาไม่ได้ อาจเพราะคนเหล่านั้น ... เลือกจะเดินหันหลังให้กับสังคม อย่างที่ "ฟางกัง" เลือกจะเดินจากไปเมื่อเสร็จสิ้นการตอบแทนบุญคุณและละความแค้นของเขา ...
หวังหยู่ Jimmy Wang Yu
หวังหยู่ หรือ หวังอี่ว์ เกิดเมื่อ 28 มีนาคม ค.ศ.1944 ภูมิลำเนาเดิม อู๋ซี มณฑลเจียงซู อพยพไปอยู่ฮ่องกงช่วงทศวรรษที่ 60 เริ่มเข้าวงการครั้งแรกในสังกัดบริษัทชอว์ บราเดอร์ส เมื่อค.ศ.1963 โดยไม่มีพื้นฐานการต่อสู้ด้านหมัดๆมวยๆมาก่อน แต่กลับสร้างชื่อจากหนังจีนคลาสิกเรื่อง เดชไอ้ด้วน ( The One- Armed Swordsman ) หนังต่อสู้เรื่องแรกที่กวาดรายได้สูงสุดถึง 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐในฮ่องกง เมื่อปีค.ศ.1967 และโด่งดังไปทั่วเอเชียที่แม้แต่แฟนหนังชาวไทย(อายุ 30 ปีขึ้นไป)ต่างก็รู้จักกันดี
หวังหยู่ ได้รับการขนานนามว่า ‘ดาวฤกษ์ที่ทอแสงเปล่งประกายแห่งวงการหนังต่อสู้ของจีน’ เขาไม่ได้เป็นเพียงดาวดวงแรกของหนังกำลังภายในยุคใหม่ แต่เขายังเป็นพระเอกดาวบู๊คนแรกอีกด้วย ผลงานของเขาเกือบ 40 เรื่องบนเส้นทางบันเทิงจีนตลอด 30 ปี จึงมีอิทธิพลต่อวงการหนังแอ็คชั่นไต้หวันและฮ่องกงในยุคทศวรรษที่ 60 - 70 อย่างมาก และเขายังเป็นดาราผู้ทำให้แบบฉบับจอมยุทธ์ผู้ผดุงคุณธรรมที่ปั้นขึ้นโดยจางเช่อ หรือ จางเชอะ ผู้กำกับคู่บุญของบริษัทชอว์ฯ กลายเป็นตำนานแห่งประวัติศาสตร์ภาพยนตร์จีน
นอกจากงานแสดงภาพยนตร์แล้ว หวังหยู่ยังมีผลงานกำกับการแสดง อำนวยการสร้างและเขียนบทภาพยนตร์อีกหลายเรื่อง พระเอกหน้าหยกผู้นี้เคยตกเป็นข่าวชู้สาวอยู่หลายครั้ง ปัจจุบันเขาหายหน้าไปจากจอหนังโดยผันตัวไปเป็นนักธุรกิจผู้สร้างหนังแทน
หวังหยู่ เคยสมรสกับดาราสาว หลินชุ่ย มีบุตรสาวด้วยกัน 3 คน แต่ได้หย่าขาดจากกันในปีค.ศ.1975 หลังจากนั้นแต่งงานใหม่กับแอร์โฮสเตส หวังข่ายเจิน ปัจจุบันทั้งสองหย่าจากกันแล้ว
โดยลูกสาวได้โพสต์ช้อความมีใจความว่า “เป็นเรื่องน่าเศร้าที่ต้องบอกทุกคนว่า คุณหวังหยู่ คุณพ่ออันเป็นที่รักของเราจากไปอย่างสงบในเช้าวันที่ 5 เมษายน 2565 ที่โรงพยาบาลไทเป เจิ้นซิง หลังจากต่อสู้มา 6 ปี ด้วยวัย 80 ปี พ่อใช้ชีวิตอย่างซื่อสัตย์ และให้ความสำคัญกับเพื่อน ๆ ทั้งใน และนอกวงการ ท่านใช้ชีวิตอย่างกล้าหาญ และเต็มไปด้วยสดใส เราจะคิดถึงพ่อเสมอ เรายังเชื่อในดาบแขนเดียวของท่าน ภาพลักษณ์ของฮีโร่ที่หล่อเหลาจะคงอยู่ในประวัติศาสตร์ของภาพยนตร์และในหัวใจของแฟน ๆ ตลอดไป”