หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

พิธีสุดแปลก บูชาศพ นักบวชอโฆรี ผู้กินเนื้อมนุษย์จุดทั้งกระแสความกลัวและความเลื่อมใสในอินเดีย

โพสท์โดย Man

พิธีกรรมสุดแปลก บูชาศพ นักบวชอโฆรี ผู้กินเนื้อมนุษย์จุดทั้งกระแสความกลัวและความเลื่อมใสในอินเดีย

👉🏿นักบวชอโฆรีจะออกจากที่บำเพ็ญเพียรก็ต่อเมื่อถึงเทศกาล "กุมภเมลา"

ในอินเดียมีนักบวชศาสนาฮินดูกลุ่มหนึ่งที่บำเพ็ญสมาธิ กิน นอน เสพกามท่ามกลางศพที่เผาไหม้อยู่บนเชิงตะกอน ไปไหนมาไหนด้วยร่างกายอันเปลือยเปล่า

😁กินเนื้อมนุษย์ ใช้หัวกะโหลกแทนถ้วยชาม และสูบกัญชา พวกเขาเหล่านี้จะออกจากที่บำเพ็ญเพียรซึ่งตัดขาดจากโลกภายนอกก็ต่อเมื่อถึงเทศกาล "กุมภเมลา"(Kumbh Mela) ซึ่งเป็นเทศกาลแสวงบุญอันยิ่งใหญ่ของชาวฮินดูเพื่ออาบน้ำชำระบาปและสักการะแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ในอินเดีย

นักบวชศาสนาฮินดูกลุ่มนี้อาศัยอยู่ชายขอบสังคมอินเดีย และเป็นที่รู้จักในนาม "อโฆรี" (Aghori) ซึ่งในภาษาสันสกฤตมีความหมายว่า "ไม่น่าสะพรึงกลัว" แต่เรื่องราวการประกอบพิธีกรรมที่ไม่ธรรมดาของพวกเขากลับกระตุ้นความสงสัยใคร่รู้ ความรังเกียจเดียดฉันท์ และความขนพองสยองเกล้าให้กับผู้คนจำนวนมาก

👉🏿พิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ทางจิตวิญญาณ

ดร.เจมส์ มัลลินสัน อาจารย์ด้านภาษาสันสกฤตและอินเดียโบราณศึกษาแห่งโซแอส มหาวิทยาลัยลอนดอน บอกว่า เหตุผลที่อยู่เบื้องหลังหลักปฏิบัติสำคัญของนักบวชกลุ่มนี้คือ การก้าวข้ามกฎเกณฑ์แห่งความสะอาดบริสุทธิ์ เพื่อบรรลุถึงการตรัสรู้ และความเป็นหนึ่งเดียวกับพระผู้เป็นเจ้า

👉🏿คนนอกมักทำใจยอมรับพิธีกรรมของอโฆรีได้ยาก

ดร.มัลลินสัน ซึ่งสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดก็เป็น "กูรู" หรือนักพรตของอีกนิกายที่บำเพ็ญตนอย่างเคร่งครัด แต่กลุ่มของเขาจะยึดถือกฎเกณฑ์แห่งความสะอาดบริสุทธิ์ ซึ่งมองว่าแนวทางการปฏิบัติของพวกอโฆรีเป็นสิ่งต้องห้าม

แต่ที่ผ่านมาเขาเคยติดต่อกับกลุ่มอโฆรีหลายต่อหลายครั้ง

"แนวทางปฏิบัติของอโฆรีจะมุ่งไปที่เรื่องต้องห้ามต่าง ๆ แล้วฝ่าฝืนมัน พวกเขาไม่ยอมรับแนวคิดปกติของความดีและความเลว" ดร.มัลลินสัน กล่าว

"วิถีแห่งการบำเพ็ญจิตใจของพวกเขาเป็นการปฏิบัติที่วิปลาสและอันตราย เช่น การกินเนื้อมนุษย์ หรือแม้แต่อุจจาระของตัวเอง แต่พวกเขาเชื่อว่าการทำสิ่งที่ผู้คนทั่วไปรังเกียจเหล่านี้จะช่วยให้พวกเขาเกิดความรู้แจ้ง"

👉🏿ต้นกำเนิด

ธรรมเนียมปฏิบัติในปัจจุบันดูเหมือนจะถือกำเนิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ โดยคำว่า "อโฆรี" เพิ่งเริ่มได้รับความสนใจเมื่อช่วงศตวรรษที่ 18

พวกเขาได้ผสมผสานการปฏิบัติหลายอย่างของนักบวชฮินดู "กปาลิกะ" (Kapalika) ซึ่งชื่อมีความหมายว่า "ผู้ถือกะโหลก" โดยเป็นกลุ่มนักบวชที่ได้รับการบันทึกข้อมูลมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 7 กลุ่มกปาลิกะมีธรรมเนียมการบูชายัญมนุษย์ด้วย แต่ปัจจุบันไม่มีนิกายนี้เหลืออยู่แล้ว

👉🏿กะโหลกมนุษย์มักเป็นของติดตัวนักบวชอโฆรี

ข้อแตกต่างจากนักบวชในศาสนาฮินดูทั่วไป คือ กลุ่มอโฆรีไม่มีระบบระเบียบที่ชัดเจน ส่วนใหญ่มักอยู่อย่างสันโดษและไม่ไว้ใจผู้คนภายนอก นอกจากนี้ยังตัดขาดจากครอบครัว นักบวชอโฆรีส่วนมากมาจากครอบครัวในวรรณะล่าง

ดร.มัลลินสัน บอกว่า การทรงภูมิปัญญาของนักบวชกลุ่มนี้มีหลายระดับ บางคนมีความชาญฉลาดมาก และมีนักบวชอโฆรีคนหนึ่งเคยเป็นผู้ถวายคำปรึกษาของกษัตริย์เนปาล

👉🏿ผู้ไร้ความเกลียดชัง
นายมาโนช ทัคคาร์ ผู้เขียนหนังสือเรื่อง Aghori: A Biographcal Novel บอกว่า มีความเข้าใจผิดอย่างมากเกี่ยวกับนักบวชกลุ่มนี้

"อโฆรีเป็นคนเรียบง่ายมากและใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติ พวกเขาไม่เรียกร้องใด ๆ

👉🏿นักบวชอโฆรีนิยมนุ่งลมห่มฟ้า

นายทัคคาร์ กล่าวว่า "พวกเขามองทุกอย่างเป็นสิ่งแสดงถึงพระผู้เป็นเจ้า พวกเขาไม่ปฏิเสธหรือเกลียดชังใครหรือสิ่งใด นั่นจึงทำให้พวกเขาไม่แยกความแตกต่างระหว่างเนื้อสัตว์ที่ถูกฆ่าเป็นอาหารกับเนื้อมนุษย์ พวกเขากินสิ่งที่หาได้"

การบูชายัญยังเป็นส่วนสำคัญของการบูชาพระเจ้าของพวกเขา

"พวกเขาสูบกัญชาและพยายามที่จะมีสติรู้สึกตัว แม้จะอยู่ในภาวะที่ระบบประสาทถูกกระตุ้นอย่างรุนแรงก็ตาม"

กลุ่มเล็ก ๆ
ทั้ง ดร.มัลลินสัน และ นายทัคคาร์ ต่างบอกตรงกันว่าปัจจุบันมีผู้ที่ปฏิบัติตามระบบความเชื่อแบบอโฆรีอย่างแท้จริงเพียงไม่กี่คนเท่านั้น

ทั้งสองบอกว่า พวกที่ปรากฏตัวในเทศกาลกุมภเมลา เป็นเพียงผู้แอบอ้างเป็นนักบวชอโฆรีเพื่อสร้างความบันเทิงและแสวงหาเงินจากนักท่องเที่ยว

👉🏿นักบวชอโฆรีเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ไปเยือนอินเดีย

ผู้ศรัทธาอาจให้อาหารหรือเงินกับผู้แอบอ้างเหล่านี้ แต่นายทัคคาร์ บอกว่า นักบวชอโฆรี ที่แท้จริงจะไม่สนใจในเงินทอง "พวกเขาสวดอวยพรให้ทุกคน และจะไม่สนใจกับพวกที่จะมาขอพรให้ลูกหลานหรือขอพรในการสร้างบ้านใหม่"

นักบวชอโฆรี บูชาพระศิวะ และพระแม่ศักติ เทวีของพระศิวะ พื้นที่ภาคเหนือของอินเดียอนุญาตให้เฉพาะผู้ชายเข้าเป็นนักบวชอโฆรี แต่ในแถบอ่าวเบงกอล ผู้หญิงสามารถเข้าเป็นนักบวชนิกายนี้ได้เช่นกัน โดยจะใช้ชีวิตอยู่ในบริเวณที่เผาศพและสวมเสื้อผ้า

นายทัคคาร์ กล่าวว่า "คนส่วนใหญ่กลัวความตาย สถานที่เผาศพเป็นสัญลักษณ์แห่งความตาย นี่คือจุดเริ่มต้นของอโฆรี พวกเขาต้องการท้าทายศีลธรรมจรรยาและค่านิยมของคนทั่วไป"

👉🏿รับใช้สังคม
ไม่ใช่ว่านักบวชกลุ่มนี้จะสร้างความตื่นตะลึงไปเสียทุกเรื่อง ในช่วงไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา นิกายอโฆรี เริ่มเปิดรับแนวคิดกระแสหลัก และเริ่มให้การรักษาแก่ผู้ป่วยโรคเรื้อน

👉🏿ผู้นับถือศาสนาฮินดูส่วนใหญ่ไม่มีแนวคิดแบบอโฆรี

นายรอน บาร์เร็ตต์ นักมานุษยวิทยาด้านการแพทย์และวัฒนธรรมที่ทำงานในสหรัฐฯ บอกว่า อโฆรีให้ความช่วยเหลือแก่กลุ่มคนที่ถูกสังคมรังเกียจที่สุด

เขากล่าวว่า สถานรักษาผู้ป่วยโรคเรื้อนมักตั้งขึ้นบริเวณที่เผาศพ แต่แทนที่จะต่อสู้กับความหวาดกลัวความตาย อโฆรีกลับต่อสู้กับความกลัวโรคร้าย

👉🏿นักบวชอโฆรีใช้เวลาส่วนใหญ่บริเวณที่เผาศพ

ผู้ป่วยโรคเรื้อนมักถูกครอบครัวทอดทิ้ง พวกเขาจึงต้องไปพักพิงที่สถานพยาบาลของเหล่านักบวชอโฆรีในเมืองพาราณสี ซึ่งพวกเขาจะได้รับการรักษาด้วยศาสตร์แขนงต่าง ๆ ตั้งแต่การแพทย์อายุรเวท ซึ่งเป็นการแพทย์แบบองค์รวมของอินเดีย ไปจนถึงพิธีอาบน้ำศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งการรักษาด้วยการแพทย์ตะวันตกแผนปัจจุบัน

นักบวชอโฆรีบางคนใช้โทรศัพท์มือถือและขึ้นรถโดยสารสาธารณะ หลายคนเริ่มหันมาสวมเสื้อผ้าบ้างเมื่อต้องออกไปในที่สาธารณะ

ไม่เสพสมกับคนเพศเดียวกัน
แม้จะเป็นเรื่องยากที่จะระบุจำนวนที่แน่ชัดของนักบวชอโฆรี แต่บรรดาผู้เชี่ยวชาญระบุว่าคนกลุ่มนี้น่าจะมีอยู่เพียงไม่กี่พันคน

สำหรับคนอินเดียส่วนใหญ่ที่แม้จะคุ้นชินกับภาพของเหล่านักบวชฮินดูนิกายต่าง ๆ แต่หากได้พบเห็นนักบวชอโฆรีเข้าก็มักเกิดความรู้สึกไม่สบายใจและความรังเกียจ

👉🏿นักบวชอโฆรีใช้เถ้าจากการเผาศพมาทาตัวหรือไม่ก็นำผ้าห่อศพมานุ่งห่ม

นักบวชอโฆรีบางคนยอมรับอย่างเปิดเผยว่าพวกเขาสมสู่กับซากศพ แต่พวกเขาก็มีสิ่งหนึ่งที่เป็นข้อห้ามอย่างเด็ดขาด

"พวกเขามีพิธีกรรมเสพสังวาสกับหญิงโสเภณี แต่พวกเขาไม่ยอมรับการร่วมประเวณีกับผู้ชายด้วยกัน" ดร.มัลลินสัน กล่าว

👉🏿💀และเมื่อนักบวชอโฆรีสิ้มลม ศพของพวกเขาจะไม่ตกไปเป็นอาหารของนักบวชอโฆรีคนอื่น แต่จะถูกนำไปฝังหรือเผาเหมือนคนทั่วไป

โพสท์โดย:เรียบเรียงข้อมูลบทความเพิ่มเติมโดย man
อ้างอิงจาก: วิกิพีเดีย BBC และ YouTube
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
Man's profile


โพสท์โดย: Man
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
รักล่ม 7 ครั้ง ครูสาวหุ่นแซ่บเผยแผ่นหลัง ชาวเน็ตชี้ลายสักอาจเป็นต้นเหตุยอดกฐินวัดดัง 2567 มากกว่าพันล้านรวมภาพเรียกรอยยิ้มประจำวันนี้ วันที่เหมือนจะมีลมหนาวพัดมาบ้างแล้ว ค่อยเหมือนหน้าหนาวขึ้นละเน่ออิมาน เคลิฟ นักมวยหญิงชาวแอลจีเรีย ผู้คว้าเหรียญทองโอลิมปิกที่ปารีส ได้รับการยืนยันแล้ว ว่าเป็นเwศชายทนายตั้ม” ยันเงิน 71 ล้านให้โดยเสน่หา เผย ดาราจีนที่ "เจ๊อ้อย" โอน 39 ล้าน เป็นมิจฉาชีพมาดูรีเเอคชั่น เมื่อชาวต่างชาติได้ยินเพลง “ออเจ้า” ในเวอร์ชั่นโอเปร่า 🥰"อู๋ นิติธร" จากพระเอกซีรีส์วาย สู่พนักงาน BTS ออร่ายังส่องประกายชูวิทย์ จับมือ“สันธนะ พูดคุยเคลียร์ใจ คดีหมิ่นประมาทหวาดเสียว! หญิงตาบอดเดินหลงอยู่กลางถนนเจ๊อ้อยเข้าให้ปากคำเพิ่ม สวนทนายตั้มโผล่ที่กองปราบดราม่าเดือด! ทำแบบนี้เหมาะสมไหมเพราะอะไร? หัวหน้าแก๊งโจรเผย เหตุห้ามบุกปล้นบ้านของเมสซี่อย่างเด็ดขาด!
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
"อู๋ นิติธร" จากพระเอกซีรีส์วาย สู่พนักงาน BTS ออร่ายังส่องประกายอิมาน เคลิฟ นักมวยหญิงชาวแอลจีเรีย ผู้คว้าเหรียญทองโอลิมปิกที่ปารีส ได้รับการยืนยันแล้ว ว่าเป็นเwศชายโพลชี้ คนไทยไว้ใจ นายกฯ อิ๊งค์ คะแนนพุ่งรัฐบาลย้ำจะไม่เสียพื้นที่ให้กับใครแม้แต่ตารางนิ้วเดียว
กระทู้อื่นๆในบอร์ด รวมสาระบทความแบ่งปั่นกัน
Craco เมืองโบราณที่ถูกภัยพิบัติถล่มเมืองซ้ำๆจนกลายเป็นเมืองร้างประวัติที่มาของขนมชั้น ขนมโบราณที่มีความสำคัญในงานพิธีมงคลต่างๆย้อนรอยอดีตตำนานขนมปัง ทำไมถึงชื่อขนมปังและมีที่มาที่ไปอย่างไรคุณคิดไหมว่ากล้วยร้อยหวี มีพันผลจริงหรือไม่
ตั้งกระทู้ใหม่