โศกนาฏกรรมในสมัยราชวงศ์ชิงเมื่อ "ความรัก" ที่ต้องลงเอยใน "บ่อน้ำ ณ วังต้องห้าม!!
สนมเจินเฟย” มเหสีไข่มุก “เมื่อความรัก” นั้นกลับต้องมีจุดจบในบ่อน้ำ
เป็นเรื่องราวแห่งโศกนาฏกรรมในสมัยราชวงศ์ชิงเมื่อ "ความรัก" ที่ต้องลงเอยใน "บ่อน้ำ ณ วังต้องห้าม" โดยมีพระนางซูสีไทเฮาเป็นผู้กุมอำนาจและบงการ นั่นก็คือ "สนมเจินเฟย" (พระมเหสีเค่อชุ่น) หรือ "มเหสีไข่มุก"
ประวัติของสนมเจินเฟย
พระนามเดิมคือ "ทาทารา" เป็นชื่อเผ่าของชาวแมนจู เกิดเมื่อวันที่ 27 ก.พ. ค.ศ. 1876 (ระหว่าง ค.ศ. 1876-1900) มีพี่สาวต่างมารดาคือ "สนมจิ่นเฟย" (ค.ศ. 1873-1924) บิดาชื่อ "จ่างซวี่" เป็นผู้ช่วยประจำกระทรวงพิธีกรรม มารดานั้น..แซ่จ้าว ทั้งสนมเจินเฟยพออายุ 13 ปี และสนมจิ่นเฟย (พี่สาว) นั้นมีอายุ 15 ก็ได้รับการคัดเลือกให้เข้าวังหลวงมาเป็น "นางกำนัล" พอครั้นผ่านไป 5 ปี ทั้งสองพี่น้องก็เลื่อนตำแหน่งเป็น "พระสนม" ใน "จักรพรรดิกวงซวี่" (ค.ศ. 1871-1908)
ทั้งสองมีอุปนิสัยที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง สนมจิ่นเฟย (พี่สาว) นั้นเงียบเฉยเกินไป จักรพรรดิกวงซวี่จึงไม่ทรงโปรด แต่จะทรงโปรดสนมเจินเฟย (น้องสาว) มากกว่า เพราะเป็นคนสวย นิสัยร่าเริงและยังมีความฉลาดหลักแหลม เพราะนางนั้นเคยได้อาศัยอยู่กับ "จ่างซ่าน" ผู้เป็นลุงและแม่ทัพที่กว่างโจว มาตั้งแต่เด็ก ทำให้สนมเจินเฟยนั้นมีความคิดที่สมัยใหม่นั้นเอง
และสนมเจินเฟยในระยะแรกๆ ก็เป็นที่โปรดปรานของพระนางซูสีไทเฮา ได้รับการส่งเสริมให้เรียนศิลปะและดนตรีจากชาวตะวันตก และต้องมาช่วยตรวจสอบเอกสารราชการ และด้วยฝีไม้ลายมือศิลป์และการวาดภาพ จึงมักถูกวานให้มาเขียนอักษรมงคลเพื่อเป็นของขวัญแด่เหล่าขุนนางในวังเสมอๆ
แต่ใครเล่า ? จะเป็นที่โปรดปรานไปได้ตลอด
ความไม่พอใจเกิดจากการที่จักรพรรดิกวงซวี่นั้นโปรดสนมเจินเฟยเป็นพิเศษ ทำให้ไม่สนใจ "ฮองเฮาหลงอวี้" (ค.ศ. 1868-1913) ซึ่งเป็นคนที่พระนางซูสีไทเฮาแต่งตั้งขึ้นมา เพราะจักรพรรดิกวงซวี่ไม่ได้มีความรักหรือมีใจเสน่หาในตัวฮองเฮาหลงอวี้เลยสักนิด เลยทำให้ความประสงค์ของพระนางซูสีไทเฮานั้นริบหรี่ลง เพราะจริงๆแล้วพระนางซูสีไทเฮาต้องการจะให้ฮองเฮาหลงอวี้ คอยกำกับดูแลจักรพรรดิกวงซวี่นั้นเอง
เมื่อฉลาดมากความคิดก้าวหน้ามาก..ก็ย่อมกลายเป็นดาบสองคม
เพราะสนมเจินเฟยนั้นฉลาดและเป็นคนสมัยใหม่ ทำให้จักรพรรดิกวงซวี่ที่เคยอยู่ใต้โอวาทของพระนางซูสีไทเฮานั้น ก็เริ่มแข็งข้อและต้องการจะชิงอำนาจมาบริหารซะเอง เพื่อให้สมฐานะจักรพรรดิซึ่งมันก็เท่ากับการพยายามจะคิดลบล้างอำนาจพระนางซูสีไทเฮานั้นเอง
สนมเจินเฟยจึงถูกเพ่งเล็งถือว่าเป็นการก้าวก่ายเรื่องภายในราชสำนัก คิดจะปฎิรูปประเทศซึ่งช่วงนั้นประเทศเกิดความเสื่อมโทรม ถูกต่างชาติเข้ามาเอารัดเอาเปรียบ ยิ่งจักรพรรดิกวงซวี่มาคิดจะปฎิรูปโครงสร้างทางการเมือง เศรษฐกิจ การทหาร การศึกษา ให้ทันสมัยอีก ก็ยิ่งทำให้พระนางซูสีไทเฮาไม่ชอบใจยิ่งหนัก เพราะมันส่งผลกระทบต่อพระนางซูสีไทเฮาโดยตรง
แต่การปฎิรูปก็ล้มเหลวเมื่อวันที่ 21 ก.ย. ค.ศ. 1898 หลังเหตุการณ์พระนางซูสีไทเฮาจึงยึดอำนาจจากจักรพรรดิกวงซวี่ และสั่งลงโทษผู้ที่เกี่ยงข้องทั้งหมด รวมถึงสนมเจินเฟยด้วย
จุดจบของสนมเจินเฟยก็มาถึง
โดยพระนางซูสีไทเฮาได้สั่งโบยตีสนมเจินเฟย และนำไปคุมขังไว้ที่ตำหนักเย็น ส่วนจักรพรรดิกวงซวี่ ก็ถูกควบคุมตัวไม่ให้คลาดสายตา ขังไว้ในตำหนักบนเกาะกลางทะเลสาบ และสั่งให้เก็บเรือทุกลำและรื้อสะพานไม้ที่ทอดข้ามไปยังเกาะ แม้ในยามฤดูหนาวน้ำจับตัวเป็นน้ำแข็งก็รับสั่งให้กะเทาะทำลายน้ำแข็งทิ้งซะ เพื่อจะได้ไม่ให้ทั้ง 2 คนได้แอบมาพบกันอีกต่อไป
จนกระทั้งมีเหตุการณ์กองทหารผสมแปดชาติบุกยึดกรุงปักกิ่ง และกำลังจะเข้าสู่พระราชวังทั้งจักรพรรดิกวงซวี่กับพระนางซูสีไทเฮาและข้าราชบริพารต่างก็ต้องลี้ภัยไปยังเมืองซีอาน พระนางซูสีไทเฮาจึงเบิกตัวสนมเจินเฟยให้เข้ามาเฝ้าอีกครั้ง
จากความหวังที่รอคอยจะได้พบสามี..แต่กลับกลายเป็นวันสิ้นชีพ
การเบิกตัวสนมเจินเฟยครั้งนี้ไม่ใช่เพราะจะพาหนีไปซีอานด้วยกัน หรือใจอ่อนให้ได้พบกับจักรพรรดิกวงซวี่อีกครั้ง แต่มันคือการเบิกตัวมา เพื่อให้ปลิดชีวิตตนเองเพื่อรักษาเกียรติ โดยพระนางซูสีไทเฮาแสร้งตรัสว่า...
"เมื่อแรก เราตั้งใจจะนำเจ้าไปกับเราด้วย แต่เจ้านั้นยังอ่อนวัยและจิ้มลิ้มนัก เกรงว่าจะถูกพวกทหารต่างชาติกระทำทารุณข่มขืนเอาได้ ดังนั้นเราเชื่อว่าเจ้าคงเข้าใจว่า..ควรทำเช่นไรต่อไป"
เมื่อตรัสเช่นนี้..สนมเจินเฟยก็เข้าใจทันทีว่าพระนางซูสีไทเฮาต้องการให้นางฆ่าตัวตายเสียเองจะได้หมดเรื่องหมดราว แต่บางบันทึกของจีนบอกว่า สนมเจินเฟยยอมรับชะตากรรมแต่ก่อนจะตายนางได้ขอให้พระนางซูสีไทเฮาปล่อยตัวจักรพรรดิ์กวงซวี่เป็นอิสระ กับอีกบางบันทึกก็ว่า สนมเจินเฟยไม่ยอมตายง่ายๆ จึงต่อว่าพระนางซูสีไทเฮาอย่างไม่มีดี และตะโกนร้องหาแต่จักรพรรดิกวงซวี่เป็นครั้งสุดท้าย
จึงทำให้พระนางซูสีไทเฮาโกรธมาก จึงมีรับสั่งให้ขันทีชื่อ "ขุ้ยหยู่กุ้ย" รุมจับสนมเจินเฟยโยนลงไปในบ่อน้ำนอกตำหนักหนิงเซี่ย เพื่อเป็นการจบชีวิตเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ. 1900 ด้วยวัยเพียง 24 พรรษาเท่านั้น
คำอาลัยสุดท้ายของสนมเจินเฟยต่อชายคนรัก
"ฝ่าบาท หม่อมฉันในชาติหน้าขอมีวาสนาให้ได้พบพระองค์อีก" ส่วนจักรพรรดิกวงซวี่ก็โดนพระนางซูสีไทเฮาคุมตัวเหมือนนักโทษอีกหลายปี และสุดท้ายพระนางซูสีไทเฮาก็โดนวางยาพิษจักรพรรดิกวงซวี่จนสิ้นพระชน์
และนี่ก็คือตำนานความรักของ 2 หนุ่มสาวที่เกิดมาอย่างสูงส่งแต่ "ความรัก" กลับมาอาภัพวาสนามิอาจจะครองคู่ไปยันแก่เฒ่า จึงต้องลงเอยและจบชีวิตลงอย่างน่าเศร้า จึงเป็นตำนานรักให้ชนรุ่นหลังได้เล่าขานจนถึงทุกวันนี้
อ้างอิงจาก: Google และวิกิพีเดีย
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
ภาษาที่ควรเรียนที่สุด ในอีก5ปีข้างหน้า
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
ตรงนี้มีคำตอบคนละครึ่งพลัสเฟส 1 ใช้ไม่หมดสามารถนำไปใช้เฟส 2 ได้หรือไม่
"ฮุนเซน" เงินหมด ทหาร BHQ คู่ใจทรยศ แอบซบอก "สมรังสี"
แบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
พบกองอาเจียนข้างตัว นัทปง ก่อนเสียชีวิต ตำรวจได้กั้นพื้นที่เพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
ทนายสายหยุด ยอมรับสลิปโอนเงินของ "นานา" เป็นของปลอม
ปิดฉาก! มหากาฬฯ โบนัสพนักงาน “ไดกิ้น” คือ Get out






