4 เรื่องตลกคลายเครียด ลดความรู้สึกแน่นเอี๊ยดในหัวใจของคุณ
-
เครื่องจับเท็จทำบ้านแตก
เรื่องราวที่จะเล่าต่อไปนี้ เริ่มต้นจากผู้ชายคนหนึ่งที่อยากจะซื้อเครื่องจับเท็จที่เป็นหุ่นยนต์ไปให้ภรรยากับลูกชายที่อยู่ที่บ้าน ซึ่งเครื่องจับเท็จนี้จะไม่เหมือนเครื่องจับเท็จธรรมดาทั่วไปที่ถ้าโกหกแล้วจะมีไฟฟ้าช็อต แต่มันจะตบหน้าคนที่พูดโกหกแทน โดยผู้ชายคนดังกล่าวได้ชวนลูกชายของเขาให้มาทดลองเครื่องจับเท็จนี้หลังกินข้าวเย็นเสร็จ โดยจะผลัดกันถามคำถามสลับกันไปมา
พ่อ : ลูกทำอะไรตอนอยู่โรงเรียน?
ลูก : อยู่โรงเรียนสิฮะ
ป๊าบ! หุ่นยนต์ตบหน้าลูก
ลูก : โอเคฮะ! ผมไปดู DVD ที่บ้านเพื่อน
พ่อ : เรื่องอะไร?
ลูก : กังฟูแพนด้าฮะ
ป๊าบ! หุ่นยนต์ตบหน้าลูก
ลูก : โอเคฮะ! พวกผมดูหนังผู้ใหญ่กัน
พ่อ : อะไรนะ? ตอนที่พ่ออายุเท่าเรา พ่อยังไม่รู้จักเลยว่าหนังผู้ใหญ่คืออะไร
ป๊าบ! หุ่นยนต์ตบหน้าพ่อ
แม่ : 555555 ลูกนี่เป็นลูกของพ่อจริงๆ
ป๊าบ! หุ่นยนต์ตบหน้าแม่
จบลงไปแล้วกับเรื่องตลกคลายเครียดเรื่องแรกที่ไม่รู้ว่าจะทำให้ใครเครียดเพิ่มขึ้นบ้างไหมนะคะ เพราะในตอนจบนี่เราก็ไม่อยากจะคิดต่อเลยว่าหลังจากที่หุ่นยนต์ตบหน้าแม่ไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้นบ้าง แต่เราก็จะขอเอาใจช่วยให้ตอนจบพวกเขาเคลียร์กันได้ด้วยดีและขออย่าให้มีเรื่องร้าวฉานเกิดขึ้นเพียงเพราะแค่เครื่องจับเท็จเครื่องเดียวเลยนะคะ
-
ทนายเอ๋ย…นายจบแล้วหล่ะ
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นบนเครื่องบินลำหนึ่งที่มีผู้หญิงกับทนายนั่งอยู่ข้างกันและกำลังเดินทางจากลอสแองเจลิสไปที่นิวยอร์ก ซึ่งในการเดินทางครั้งนี้ก็ค่อนข้างจะน่าเบื่อพอสมควรจนทำให้คุณทนายเกิดปิ๊งไอเดียที่จะช่วยทำให้การเดินทางของเขาไม่น่าเบื่อจนเกินไป โดยเขาได้คิดเกมสนุกๆ ขึ้นมาที่คิดเอาไว้แล้วว่ามันจะต้องมีแต่ได้กับได้อย่างแน่นอน ซึ่งผู้หญิงที่นั่งมากับเขานั้นก็ดูจะไม่ได้มีความรู้สึกร่วมกับสิ่งที่เขากำลังคิดจะทำอยู่อย่างสิ้นเชิง เพราะเธอรู้สึกเหนื่อยและต้องการพักผ่อน แต่คุณทนายตัวดีก็ตื้อไม่เลิกโดยเขาบอกกับเธอว่ามันเป็นเกมส์ที่เล่นได้ง่ายและสนุกมากๆ ซึ่งกฎกติกาของมันก็มีแค่
“ถ้าผมถามคำถามคุณและคุณตอบไม่ได้คุณก็จ่ายเงินให้ผมมา $5 ซึ่งผมก็จะทำเหมือนกับคุณด้วยถ้าผมตอบคำถามของคุณไม่ได้”
และก็เป็นอีกครั้งที่ผู้หญิงคนเดิมปฏิเสธเขาและพยายามที่จะนอนต่อ แต่มีหรือที่ทนายอย่างเขาจะยอมแพ้ง่ายๆ เขาจึงได้เพิ่มข้อเสนอที่ทำให้เธอได้เปรียบสุดๆ เพื่อที่จะโน้มน้าวให้เธอมาเล่นเกมส์กับเขาให้ได้ โดยเขาเสนอว่า
“โอเค ถ้าคุณไม่รู้คำตอบที่ผมถาม คุณจะต้องจ่ายเงินให้กับผม $5 แต่ถ้าผมไม่รู้คำตอบที่คุณถาม ผมจะจ่ายเงินให้กับคุณ $500”
ซึ่งข้อเสนอดังกล่าวที่ทนายเสนอมานี้มันน่าสนใจมากจนทำให้เธอหายง่วงเลยทีเดียว แต่ในความเป็นจริงเธอก็แอบคิดอยู่เหมือนกันว่าเกมส์แบบนี้มันคงไม่จบง่ายๆ แน่แล้วถ้าเธอเลือกที่จะไม่เล่น เขาก็คงจะตื้อเธอไม่เลิกเหมือนกัน เธอจึงไม่มีทางเลือกอื่นและตกลงที่จะเล่นเกมส์กับเขาไป ซึ่งในที่สุดทนายขี้เบื่ออย่างเขาก็ได้เล่นเกมส์สมใจอยากสักที โดยเขาได้ถามคำถามแรกกับเธอว่า
“คุณรู้ระยะห่างระหว่างโลกถึงดวงจันทร์รึเปล่า?”
เธอไม่ตอบแต่ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าตังและหยิบเหรียญ $5 มาวางบนมือเขา ทนายได้ใจไม่รอช้าและบอกให้เธอถามคำถามกับเขาต่อได้เลย เธอจึงได้ถามทนายว่า
“อะไรเอ่ยตอนขึ้นเขามี 3 ขาแต่พอลงมากลับกลายเป็น 4”
คุณทนายถึงกับงงและพยายามหาคำตอบให้ได้ ไม่ว่าจะเสิร์ชหาในแลปทอปหรือทักไปถามเพื่อนทุกคนที่เขามี เขาก็ยังหาคำตอบของคำถามนี้ไม่ได้สักที ซึ่งหลังจากเขาได้พยายามหาคำตอบของมันมา 1 ชั่วโมงเต็มๆ แต่ก็ยังหาไม่เจอ เขาจึงได้ปลุกเธอขึ้นมาและเอาเงิน $500 วางบนมือของเธอ โดยเธอทำแค่หันกลับมาบอกเขาว่าขอบคุณนะและหันกลับไปนอนต่อ แต่มีหรือที่คุณทนายคนนี้จะยอมง่ายๆ เขาหันไปปลุกเธออีกรอบเพื่อถามหาคำตอบจากเธอ
“แล้วคำตอบคืออะไรหรอครับ?”
ไม่มีเสียงตอบรับ แต่ผู้หญิงคนดังกล่าวหยิบกระเป๋าตังของตัวเองขึ้นมาและล้วงเหรียญ $5 วางบนมือคุณทนายเป็นคำตอบแทนและหันกลับไปนอนต่อ
เรื่องตลกคลายเครียดนี้น่าจะทำให้ใครหลายๆ คนยิ้มออกอย่างแน่นอน อาจจะขอเว้นคุณทนายในเรื่องไว้คนหนึ่งที่น่าจะกำลังช็อกอยู่เป็นแน่ ซึ่งเราชอบเรื่องนี้มากๆ และรู้สึกว่าผู้หญิงในเรื่องเก่งจริงๆ ที่สามารถคิดไอเดียที่นอกจากจะทำให้เธอได้พักผ่อนอย่างเต็มที่แล้วยังได้เงินมาใช้ฟรีๆ อีก $490 อีกด้วย ถ้าเพื่อนๆ คนไหนเจอคนมาให้ข้อเสนอที่หวานหมูแบบนี้ก็อย่าปล่อยให้หลุดมือและลองเล่นกับเขาสักตั้งดูนะคะ
-
ช่วยด้วย คำแก้ตัวของนายมัน…
เรื่องตลกคลายเครียดหรือทำให้เครียดกว่าเดิมก็ไม่รู้ กับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันหนึ่งขณะที่ผู้หญิงอุ้มท้อง 8 เดือนกำลังก้าวขึ้นรถบัสไปทำงาน ซึ่งมันก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยถ้าเธอไม่บังเอิญหันไปสบตากับผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังยิ้มให้เธออยู่ที่นั่งฝั่งตรงข้าม ซึ่งมันทำให้เธอรู้สึกอึดอัดและเปลี่ยนไปนั่งที่ถัดไปแทน แต่แทนที่ปัญหาจะจบผู้ชายคนนั้นกลับหันมายิ้มให้เธอกว้างขึ้น ซึ่งมันทำให้เธอต้องย้ายที่อีกรอบแต่มันก็ไม่ช่วยอะไรและยังทำให้สถานการณ์มันแย่ยิ่งกว่าเดิมเพราะ เขาดูสนุกกับสิ่งที่เธอทำ ซึ่งมีหรือที่เธอจะทนและย้ายที่เป็นครั้งที่ 4 แต่ค่อยยังช่วยหน่อยที่คราวนี้ผู้ชายคนนั้นไม่ได้ยิ้มให้เธอแล้ว แต่เขากลับหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งแทน แย่กว่าเดิมอีก
เธอจึงไม่รอช้าและขึ้นศาลเพื่อดำเนินคดีกับชายหนุ่มที่มีอายุประมาณ 20 ปีเท่านั้น โดยศาลได้ถามและให้เขาเล่าว่าทำไมถึงทำแบบนั้น ซึ่งชายหนุ่มคนดังกล่าวจึงค่อยๆ ไล่เรียงลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า
“เรียนศาลที่เคารพ เรื่องราวมันเกิดขึ้นตอนที่เธอขึ้นมาบนรถบัส ซึ่งอันที่จริงแล้วผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เธอกลัวเลยแต่มันก็ช่วยไม่ได้จริงๆ ที่ผมจำป้ายตรงที่ที่เธอนั่งได้ ซึ่งป้ายแรกที่เธอนั่งมันเขียนว่า ‘คู่แฝดดับเบิลมิ้นมาแล้ว’ ผมจึงเผลอหลุดยิ้มออกมา แล้วหลังจากนั้นเธอก็ย้ายไปนั่งลงบนป้ายที่เขียนว่า ‘โลแกนยานวดลดบวม’ มันทำให้ผมห้ามตัวเองไม่ได้ที่จะยิ้มกว้างขึ้นไปอีก แล้วจากนั้นเธอก็ย้ายไปนั่งลงบนป้ายโฆษณาแท่งโคโลนดับกลิ่นตัวที่เขียนว่า ‘William’s Big stick Did the Trick’ (ซึ่งที่จริงบริบทนี้มันก็ไม่ได้มีอะไรเลยแต่มันสามารถแปลความหมายให้เป็นแบบสองแง่สองง่ามได้จากการเขียนอยู่แค่นี้) ซึ่งมันก็ทำให้ผมเริ่มจะกลั้นขำไม่ไหวแล้ว แต่ศาลที่เคารพครับ ครั้งที่ 4 ที่เธอย้ายที่นั่งนั้นเธอย้ายไปนั่งลงบนป้ายที่เขียนว่า ‘Goodyear Rubber could have prevented this Accident!’ (ซึ่ง rubber นั้นมันสามารถมีได้หลายความหมายแต่ในบริบทนี้จริงๆ แปลว่า ยางรถยนต์ แต่มันก็แปลว่าเป็นถุงยางอนามัยได้เหมือนกัน) และแล้วผมก็ทนไม่ไหวและหัวเราะออกมา”
เรื่องนี้ก็เป็น เรื่องตลกมาก ๆ อีกเรื่องหนึ่งที่จะเรียกว่าโฟกัสคนละจุดจนเกิดเหตุก็ได้ เพราะผู้ชายคนดังกล่าวจะโฟกัสที่คำบนเก้าอี้ที่ผู้หญิงย้ายไปนั่งมากกว่าความรู้สึกบนสีหน้าของเธอว่าทำไมเธอถึงต้องย้ายที่ ส่วนผู้หญิงก็รู้สึกกลัวและเข้าใจผิดว่าผู้ชายยิ้มและหัวเราะเธอ ซึ่งต้นเหตุทั้งหมดมาจากป้ายข้อความที่ติดอยู่บนเก้าอี้นั่งเท่านั้นเอง ดังนั้นถ้าคราวหน้าคราวหลังก่อนที่จะเพื่อนๆ จะนั่งบนเก้าอี้ก็ต้องระวังข้อความแปลกๆ ก่อนนั่งด้วยนะคะ
ก่อนจะไปต่อกับเรื่องตลกมาก ๆ เรื่องสุดท้าย เราก็อยากบอกทุกคนว่า “ถ้าเหนื่อยก็พัก ถ้าเขาไม่รักก็พอ” ผิดๆ ไม่ใช่ค่ะ เราอยากจะถามว่าจากเรื่องที่อ่านมามีเรื่องไหนที่รู้สึกว่าทำให้เรายิ้มได้บ้างรึยังคะ? ถ้ายังไม่มีเราคิดว่าบางทีเรื่องสุดท้ายนี้อาจจะทำให้มุมปากของทุกคนยกขึ้นมาก็เป็นได้ เพราะมันจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความโสดเป็นต้นเหตุนั่นเอง โอ๋ๆ แต่คนโสดอย่าพึ่งร้องไห้นะฮึบเอาไว้ก่อนแล้วไปดูเรื่องตลกคลายเครียดเรื่องสุดท้ายในคลาสเรียนภาษาจีนด้วยกันดีกว่า ไปกันเลย
-
คลาสเรียนจีนเจ้ากรรมที่จะจำไปจนวันตาย
“เรื่องเกิดตอนเรียนจีนในช่วงปี 1 ที่อาจารย์สอนเนื้อหาไปจนหมดและไม่มีเนื้อหาอื่นจะสอนต่อนอกเหนือจากแค่สั่งงานให้นักศึกษาไปดูหนังจีนในเวลาว่างมาสักหนึ่งเรื่องแทน ฉันจึงเลือกหนังจีนมาดูหนึ่งเรื่องจาก Youtube และเมื่อถึงเวลาที่ฉันต้องออกไปนำเสนอหนังที่ดูให้อาจารย์และเพื่อนๆ หน้าชั้นเรียนก็มาถึง โดยฉันจะนำเสนอหนังผ่านจอหน้าชั้นเรียนที่ทุกคนในห้องสามารถเห็นได้ว่าเรากำลังทำอะไรกับคอมพิวเตอร์อยู่ แล้ว ณ ตอนนั้นฉันก็ลืมไปว่าคอมพิวเตอร์มันเชื่อมอยู่กับจอที่ฉายอยู่ ซึ่งฉันก็ใช้เวลาหาชื่อหนังอยู่เกือบ 2 นาทีแต่ก็ยังหาไม่เจอสักที ฉันจึงต้อง log in เข้า Youtube ของตัวเองเพื่อเลื่อนหาในประวัติการดูของฉันแทน ซึ่งฉันรู้สึกเสียใจจริงๆ ที่ตอนนั้นตัวเองยังโสด เพราะสิ่งที่ฉันค้นหาเมื่อคืนมันมีแต่เรื่อง วิธีการจูบ และมันทำให้เพื่อนทั้งห้องหัวเราะกันอย่างบ้าคลั่ง ส่วนอาจารย์ก็กำลังงงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ ในตอนนั้นฉันเกือบจะร้องไห้ออกมาตอนที่ฉันต้องเลื่อนผ่านประวัติการดูไปเรื่อยๆ จนเจอหนังจีนเจ้ากรรมที่ฉันพยายามหาอยู่จนเจอในที่สุด หลังจากนั้นฉันก็กลับไปนั่งที่และไม่คุยกับใครในห้องอีกเลยเป็นเวลา 1 อาทิตย์เต็มๆ และจนถึงตอนนี้ฉันก็ยังคงจำเหตุการณ์ที่เกิดได้ไม่ลืมเลือนเลยแม้แต่นิดเดียว”
จบลงไปแล้วกับเรื่องตลกคลายเครียดทั้ง 4 เรื่อง ที่น่าจะช่วยทำให้ใครที่กำลังเครียดอยู่ยิ้มออกมาได้บ้างนะคะ ซึ่งส่วนตัวเรารู้สึกว่าเรื่องราวที่เอามาแบ่งปันนี้นอกจากจะทำให้เราได้รอยยิ้มและเสียงหัวเราะแล้ว มันก็ช่วยทำให้เรามีสติขบคิดและมีความระแวดระวังกับเรื่องต่างๆ ในการใช้ชีวิตมากขึ้นด้วยเช่นกัน ดังนั้นก่อนที่เราจะต้องลากันไปก็ขอฝากถึงสถานการณ์ที่ทุกคนกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ที่มีความตึงเครียดกันอยู่ ไม่ว่าจะเป็นจากการเรียน การทำงาน หรือโควิด ซึ่งสำหรับเรื่องไหนที่แก้ปัญหาได้ก็ลองจัดลำดับความสำคัญแล้วแก้ไขดูนะคะ ส่วนบางเรื่องที่เราไม่สามารถแก้ปัญหาได้แล้ว มันก็คงจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าหากเราจะปลดปล่อยมันไปบ้างผ่านรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ เพราะฉะนั้นตั้งแต่นี้เป็นต้นไปถ้าเครียดหรืออารมณ์เสียก็ลองหาเรื่องตลกมาก ๆ มาอ่าน มาฟังให้อารมณ์ดีกันดีกว่า เพราะรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของทุกคนคือสิ่งที่ทำให้โลกใบนี้สวยงามนั่นเอง