หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ปาฏิหาริย์

เนื้อหาโดย อักษราลัย

          ครอบครัว คือ พื้นที่ปลอดภัย คือ พื้นที่ให้เราทิ้งตัวลงไปได้ในทุกตัวตน แม้ว่าเราอ้วน หน้าเขรอะไปด้วยสิว หรือผอมแห้ง หรือมีรูปลักษณ์ตัวตนแบบใด ครอบครัวคือพื้นที่เดียวที่จะไม่ตัดสินเรา เป็นเช่นนั้นใช่หรือไม่? พวงชมพูมีปัญหากับความรักของแม่เสมอมา โดยที่ไม่เคยรู้เลยว่าตนเองนั้นผิดอะไร อาจผิดที่เกิดมาเป็นหญิงในช่วงเวลาที่ครอบครัวอยากได้ลูกชาย หรือผิดที่เกิดมาตอนที่แม่ยังไม่พร้อมจะอยากมีลูกที่เกิดจากการถูกคลุมถุงชน หลายคนมีปัญหากับความรักของครอบครัว มีปม และครอบครัวอาจจะไม่ใช่เซฟโซนเสมอไป แต่หลายครอบครัวสามารถเปลี่ยนแปลงมันได้เมื่อเวลาผันผ่านไป มีโอกาสหันกลับมาแก้ไข เยียวยากันและกันได้ แม้จะใช้เวลาเนิ่นนาน ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

...อักษราลัย...

 

 

            “อะไรนะคะ....เกิดอะไรขึ้นคะอาจารย์”

            “พ่อของชมถูกรถชน อาการบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้อยู่ในห้องฉุกเฉินที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานีค่ะ”

            ฉันมือเท้าชา ใจหายวาบ ขวัญกระเจิดกระเจิง อาจารย์บอกฉันว่าพ่อของฉันซึ่งอายุเจ็ดสิบสามปีแล้ว และเพิ่งผ่านการลอกตามาหมาด ๆ ขับรถจักรยานยนต์กำลังกลับรถ แต่คงมองไม่เห็นรถกระบะที่กำลังวิ่งมาด้วยความเร็วสูงเพราะเป็นถนนมิตรภาพ จึงถูกรถชนเข้าอย่างจัง

            กระดูกที่ขาข้างขวาหัก แทงทะลุเนื้อออกมา หมวกกันน็อกแตก คาดว่าสมองก็น่าจะได้รับความกระทบกระเทือนด้วย เพราะมีเลือดไหลออกมาจากหูข้างซ้าย แต่กระทบกระเทือนมากแค่ไหนนั้นยังไม่มีใครรู้ คงต้องรอคุยกับคุณหมอก่อน

            ฉันภาวนาขอให้สมองของพ่ออย่าได้เป็นอะไรมากเลย ฉันกลัวเหลือเกินว่าพ่อจะจำฉันและลูกไม่ได้

            ทุกครั้งที่ไปเยี่ยมพ่อ ฉันมักจะอึดอัดกับสายตาและท่าทางที่ไม่เป็นมิตรของแม่ และญาติ ๆ รวมทั้งเพื่อนสนิทมิตรสหายของแม่

            ฉันเกิดเป็นหญิงไม่เป็นที่ต้องการของแม่และตายาย รวมถึงน้องชายน้องสาวสี่คนของแม่ด้วย ฉันจึงมีชีวิตที่ยากลำบากโหดหินเพราะการข่มเหงรังแกจากพวกเขาตลอดมาตั้งแต่จำความได้

            ถึงแม้ว่าพ่อจะรักฉันมาก แต่ด้วยความที่พ่อมาเป็นเขย และเป็นคนที่กลัวเมียมาก จึงไม่สามารถปกป้องฉันได้เลย

            จนฉันอายุยี่สิบสี่ปีฉันก็ลงเอยด้วยการป่วยเป็นโรคซึมเศร้าอย่างเต็มขั้น คือมีอาการของโรคทั้งเก้าประการอย่างเข้มข้น การป่วยของฉันกินเวลาอันมีค่าในช่วงที่ฉันควรจะสดใสร่าเริงไปถึงสามปีเต็ม

            เมื่อยี่สิบปีก่อนฉันไม่เคยรู้จักโรคนี้ ชื่อยังไม่เคยได้ยิน ฉันจึงไม่มีโอกาสได้พบจิตแพทย์ ไม่เคยได้รับยาเพื่อรักษาใดใด ที่หายมาได้เพราะหลายปัจจัย ความศรัทธาในองค์พระผู้เป็นเจ้า ความรักของน้องหมา ความรักจากน้องชายที่แสนดี และความรักจากแม่ทูนหัวและครอบครัวของท่าน รวมถึงเพื่อน ๆ อีกหลายคน

            ฉันเห็นว่าการหายจากโรคของฉันเป็นปาฏิหาริย์ เพราะช่วงที่ป่วยฉันต้องลาออกจากงาน แล้วกลับมาอยู่บ้านนอก ที่ซึ่งการข่มเหงรังแกก็ยังดำเนินอยู่อย่างเข้มข้น

            ที่จริงแล้วมันเลวร้ายกว่าเดิมอีกเพราะครั้งนี้ฉันไม่มีแรงป้องกันตัวเอง ฉันเป็นคนป่วยที่ลำพังพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นมาทำกิจวัตรประจำวันแต่ละเช้า ก็ต้องใช้แรงกายแรงใจมหาศาลแล้ว ที่จะให้ไปต่อกรกับใคร มันเป็นไปไม่ได้หรอก

            มันเป็นปาฏิหาริย์เพราะฉันรอดจากการพยายามฆ่าตัวตายมาได้หลายครั้งด้วยเช่นกัน เวลาที่คลื่นแห่งความเศร้ามัน     ถาโถม ฉันจมดิ่งลงไปในคลื่นนั้น ณ วินาทีนั้นฉันอยู่ระหว่างความเป็นกับความตาย รอดมาได้แบบเส้นยาแดงผ่าแปด

            เมื่อฉันหายจากโรค ฉันก็ย้ายเข้ามาทำงานในเมือง มามีชีวิตใหม่ มามีครอบครัว มามีลูกชายที่น่ารักน่าชัง และตั้งปณิธานว่าจะทิ้งอดีตทั้งหมดไว้ที่หมู่บ้านนั้น จะไม่กลับไปเหยียบอีก

            ฉันทำได้จริง ฉันไม่กลับไปเหยียบที่นั่นเป็นเวลาเกือบสิบปี จนพ่อต้องสืบเสาะหาฉัน จ้างคนออกตามหาฉัน และขอร้องให้ฉันกลับบ้าน

            “ก่อนตายขอให้พ่อได้เห็นหน้าหลานชายคนเดียวของพ่อได้ไหม....ชม”

            วันที่พ่อเจอลีออน เขาอายุเกือบเจ็ดขวบแล้ว พ่อตื่นเต้น   ดีใจมาก แม่ทูนหัวเล่าให้ฉันฟังว่า พ่อมานั่งรอฉันกับลูกตั้งแต่ตีห้า ฉันไปถึงหมู่บ้านตอนเกือบเที่ยง

            พ่อพาลีออนซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ขับโชว์รอบหมู่บ้านหลายรอบ สีหน้าเปื้อนยิ้มเวลาตอบใคร ๆ ไปว่าหลานชายฝรั่งของแกเอง ลูกอีชมมัน

            ก่อนไปลีออนถามฉันด้วยคำถามที่ชวนสะอึกว่า

            “ไหนหม่าม้าบอกว่าตายายของหล่าตายหมดแล้ว”

            ฉันเลยต้องเล่าความจริงให้เขาฟังแบบง่าย ๆ ลูกร้องไห้แล้วกอดฉันเอาไว้แน่น เราสองคนร้องไห้กอดกันกลม น่าเวทนาเสียจริง

            “ไม่มีใครรักหม่าม้าก็ไม่เป็นไรนะ หล่ารักหม่าม้าที่สุดในโลกแล้ว ต่อจากนี้ไปหล่าจะดูแลหม่าม้าเอง”

            เขาพูดพร้อมกับเอามือน้อย ๆ มาเช็ดน้ำตาให้ฉัน ได้ยินแบบนั้นแล้วฉันยิ่งปล่อยโฮใหญ่

            วันที่จะไปเยี่ยมพ่อที่โรงพยาบาล ฉันกับลีออนนั่งลงอธิษฐานต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยกัน อ้อนวอนขอให้สมองของพ่อไม่ได้รับการกระทบกระเทือนมากเกินไป ขอให้พ่อจำเราสองคนแม่ลูกได้

            ฉันภาวนาในใจให้แม่และญาติ ๆ ไม่จิกกัดฉันต่อหน้าพ่อ

            “ขอสักวันเถอะ ขอเห็นแก่พ่อฉันบ้างเถอะ”

            เราไปถึงโรงพยาบาลตอนสี่โมงเย็น เป็นเวลาเปิดให้เยี่ยมรอบบ่ายพอดี พอเราเดินเข้าไป ฉันแอบดีใจสุดขีดเพราะไม่เห็นแม่ ไม่เห็นใครเลย พวกเขาคงยังไม่ออกมากัน หรืออาจจะกำลังเดินทาง

            “โอ้ย ปาฏิหาริย์...”

            พ่อนอนหลับอยู่ ร่างกายผ่ายผอม ซีดเซียว มีสายระโยงระยางเต็มไปหมด ที่ขาข้างขวามีผ้าพันแผลขนาดใหญ่พันแผลผ่าตัดเอาไว้ แต่พระเจ้าช่วย...ที่หัวไม่มีผ้าพันแผล มีแค่รอยถลอกตรงหน้าผากนิดเดียว

            “แสดงว่าสมองพ่อไม่ได้รับการกระทบกระเทือนจนต้องผ่า ปาฏิหาริย์อีกแล้ว”

            “พ่อคะ....ชมพาลีออนมาหา”

            ฉันโน้มตัวลงพูดที่ข้างหูพ่อด้วยเสียงสั่นเครือ เกาะกุมมือพ่อเอาไว้อย่างทะนุถนอม พ่อขยับหน้าไปมา ยังลืมตาไม่ได้ แต่ดูก็รู้ว่าแกตื่นเต้นดีใจมาก

            “คุณตาครับ...ผมจะป้อนข้าวคุณตานะครับ ได้เวลาอาหารเย็นแล้ว จะได้หายไวไว”

            ฉันยืนมองดูสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า ลีออนป้อนข้าวคุณตาเงียบ ๆ ภาพนี้เป็นภาพประวัติศาสตร์ในชีวิตฉันเลย พ่อกินข้าวได้เยอะมาก

            ฉันสังเกตเห็นว่าพ่อไม่มีฟันเหลือในปากแม้แต่ซี่เดียว ผิวกายเหี่ยวยับย่น มีรอยกระเต็มไปหมด พ่อผอมมาก มากจนแทบเหลือแต่กระดูกเลย

            ปีนี้พ่อแก่ไปมาก มากกว่าคนรุ่นราวคราวเดียวกัน คงเป็นเพราะพ่อทำงานหนักมาตลอดชีวิตเพื่อดูแลใครต่อใคร พ่อคงอยู่กับฉันและลีออนได้อีกไม่นานหรอก

            ก่อนจากมาฉันสัญญากับพ่อว่าจะมาเยี่ยมอีก และถ้าหมออนุญาตให้กลับบ้านได้ ฉันก็จะพาหลานไปเยี่ยมบ่อย ๆ พ่อ      พยักหน้าพอใจ

            ก่อนเดินออกจากห้องฉันยังได้เซ็นเอกสารยินยอมให้พ่อได้รับการเข้าเลือด เพราะพ่อซีดมาก ต้องเข้าเลือดด่วน

            ฉันมีความสุขสงบในใจอย่างบอกไม่ถูก ฉันได้ทำสิ่งที่มีความหมายกับพ่อในวันที่พ่อต้องการมันที่สุด พ่อไม่ใช่พ่อในแบบที่ฉันฝัน ไม่ใกล้เคียงด้วยซ้ำ แต่ยังไงพ่อก็ยังเป็นพ่อของฉันอยู่วันยังค่ำ

            ถ้าการให้อภัยเป็นกระบวนที่ต้องใช้เวลา ฉันว่าฉันมาถึงจุดที่ให้อภัยพ่อได้แล้วล่ะ

            ฉันเจ็บแค้นอะไรพ่อเหรอ...พ่อไม่ได้ทำร้ายฉันไม่ใช่เหรอ..

          ก็เจ็บแค้นที่พ่อเป็นพ่อ...แต่ปกป้องฉันไม่ได้ยังไงล่ะ...

เนื้อหาโดย: อักษราลัย
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
อักษราลัย's profile


โพสท์โดย: อักษราลัย
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
5 VOTES (5/5 จาก 1 คน)
VOTED: maddog2565
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
โควิด-19 อีกแล้ว!!!😆 มาดูภาพถ่ายชีวิตในเมืองในมุมมองของช่างภาพแนว Street photo (1/2) 😉ช็อตเด็ดสัตว์โลก : เกาะกันอยู่เพียบๆ แถมยืดได้หดได้เสียด้วย แบบนี้ น้องคือตัวอะไรกันนะ ?คู่รักชาวจีนขโมยสร้อยข้อมือ จากร้านในไทย ก่อนชิ่งบินหนีกลับจีนหนุ่มเขมรเอวพริ้ว โชว์สเต็ปแดนซ์ K POP ที่งานมินิคอนเสิร์ตญี่ปุ่น!ปิดตำนาน “แม่กิมไล้” ขนมหม้อแกงชื่อดังเมืองเพชรบุรี เสียชีวิตแล้วเขมรเตรียมฉาย หนังบางระจันเวอร์ชั่นเขมร อ้างหมู่บ้านบางระจันมีที่มาจากกัมพูชา!เกิดเหตุกำแพงปูนล้มทับคนดับหลายราย(Viganella) หมู่บ้านไม่มีแสงดวงอาทิตย์ส่องถึงเลย
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
สิ่งที่คุณไม่ควรทำเด็ดขาดเมื่อมาท่องเที่ยวประเทศเกาหลีใต้!77% หนุ่มไต้หวันพร้อมสู้จีน เพื่อปกป้องประเทศภาพความประทับใจ : ภาพของคุณตาชาวเมียนมาร์หอบคุณยายหนีตายข้ามแม่น้ำเมย มาสู่ฝั่งไทยปิดตำนาน “แม่กิมไล้” ขนมหม้อแกงชื่อดังเมืองเพชรบุรี เสียชีวิตแล้ว
กระทู้อื่นๆในบอร์ด นิยาย เรื่องเล่า
หากโลกนี้มีเวทมนต์จะเกิดอะไรขึ้นบ้างแมคโดนัลด์เป็นอะไร..ทำไมถึงมีโลโก้กลับหัวสาววิศวะลาออกมาเป็นนักชิม..ตะลุยกินอาหารทั่วประเทศจีนซื้อที่นอนแกะออกแล้วมันไม่ฟู..ไม่รู้ว่าผิดพลาดตรงไหน!
ตั้งกระทู้ใหม่