คดีที่ถูกทิ้ง(ตอนพิเศษ) นายทหารจากเมืองผู้ดี
สวัสดี! ผมชื่อ จอน ผมมาจากอังกฤษ เห็นแก่ๆแบบนี้อดีตผมเคยเป็นทหารที่เก่งกาจมากเลยนะ ผมสามารถยิ่งใส่หัวผู้ร้ายได้โดยไม่ต้องเสียเวลาเล็งปืนให้ยากเลยละ! เรื่องเล่าหรอ? เอ่อ...ผมมีเรื่องแปลกๆที่เคยเจอนะตอนมาฝึกที่ไทย จำได้ว่าตอนนั้นเราได้ไปฝึกกันที่ป่าแห่งหนึ่งบนภูเขาซึ่งมันแปลกมากเลยละ! ก่อนเข้าไปในป่าด้วยความที่ตอนนั้นผมพูดไทยยังไม่ค่อยได้ส่วนเรื่องฟังนี้แทบจะไม่ได้เลยละผมฟังภาษาไทยไม่ออกเลยตอนนั้น ผมเห็นพวกหัวหน้าที่จะนำพวกเราไปฝึกเค้ายืนเถียงกับพรานป่ากันสักพัก ผมไม่รู้เลยว่าเค้าเถียงอะไรกัน แต่ว่าตอนนั้นอยู่ๆก็มีเสียงร้องของสัตว์ป่าดังออกมา มันดังขนาดที่ทำให้นกบินแตกตื่นกันทั่วป่าเลยละ พวกเราที่อยู่ที่นั้นต่างก็ตกใจกัน พอเกิดเหตุการณ์แบบนั้นพรานป่าเค้าก็ได้พูดอะไรสักอย่างก่อนจะเดินจากไปโดยที่ไม่หันกลับมามองพวกเราอีกเลย หัวหน้าเค้าก็ได้บอกกับพวกเราว่าไม่มีอะไรให้พวกเราเดินหน้าไปฝึกต่อเลย
ในป่าตอนนั้นถึงจะเป็นตอนเช้าแต่มันดันมีบรรยากาศที่ไม่ต่างกับตอนกลางคืนเลยด้วยซ้ำพวกเราในตอนนั้นยังไม่ได้รู้อะไรเลย พวกเราคิดแค่ว่ามาฝึกเรื่องพวกนี้น่าจะช่วยเรื่องทักษะด้านร่างกายได้ดีเลยทีเดียว การเดินทางของพวกเราเหมือนมันจะไม่ได้มีจุดหมายปลายทางแค่เดินกันไปเรื่อยๆจนกว่าจะทะลุไปอีกฝั่งของป่า ซึ่งพอถึงตอนกลางคืนพวกเราก็กางเต็นท์นอนกันปกติ แต่วาามันมีสิ่งแปลกๆเกิดขึ้นก็คือ มันมีเสียงคนเดินรอบๆเต็นท์ แต่หัวหน้าได้บอกกับพวกเราไว้แล้วว่าถ้าเจออะไรแบบนี้ให้นอนต่อไปไม่ต้องไปสนใจเพราะมันแค่สัตว์เฉยๆไม่มีอะไรต้องกลัว พวกเราจึงทำได้แค่นอนกันต่อไปโดยไม่สนใจเสียงพวกนั้น เช้าวันต่อมาพวกเราเดินกันจนไปผ่านหมู่บ้านร้างแห่งหนึ่งที่มีบ้านสร้างด้วยไม้และฟางเกือบทั้งหมด มันมีพวกรอยแปลกๆที่เหมือนจะเป็นเลือดของสิ่งมีชีวิตติดอยู่ตามบ้านแทบจะทุกหลัง รอยพวกนั้นมันเหมือนร่องรอยของการต่อสู้ยังไงยังงั้นแหละ พวกเราก็ได้แต่สงสัยในสิ่งที่เจอพร้อมกับเดินทางต่อไป การเดินทางตลอดทั้งทางมันชื้นไปหมดทั้งๆที่ไม่มีฝนตกเลยสักนิด บรรยากาศมันชวนให้ขนลุกแปลกๆเมื่อเรายิ่งเดินลึกขึ้นไปเรื่อยๆเราเจอกับอะไรแปลกๆมากมาย อย่างการที่มีเถาว์วัลอยู่บนพื้นข้างหน้า หัวหน้าก็ได้บอกว่าห้ามเดินข้ามเด็ดขาดทั้งๆที่ดูยังไงๆมันก็แค่เถาว์วัลธรรมดาๆไม่เห็นจะต้องสนใจเลยนิ? หรือการที่เราเจอเงาดำๆกระโดผ่านไปผ่านมาบนต้นไม้ด้านบน หัวหน้าก็บอกว่าอย่าไปสนใจก็แค่ลิง แล้วอย่าไปทักด้วย ตัวผมเองก็ได้แต่เก็บความสงสัยไว้ข้างในใจและเหมือนหัวหน้าจะรู้ว่าผมสงสัยกับเรื่องพวกนี้เป๋นอย่างมาก ในคืนที่3เราได้พักกันบนต้นไม้ด้วยการทำที่พักกันเอง หัวหน้าแกได้คุยกับผมว่าถ้าหลุดออกจากป่าได้ จะเล่าเรื่องพวกนี้ให้ฟังเพราะมันเป็นความเชื่อพื้นบ้าน แล้วการมาเล่าในป่าอาจจะทำให้ทุกคนที่มาฝึกเกิดการกลัวขึ้นได้ หัวหน้าแกบอกแบบนั้นด้วยสีหน้าจริงจังและเข้มขรึม ผมรู้ได้ทันทีว่านี้ไม่ใช่เรื่องตลก ผมเลยทำได้แค่พยักหน้าแล้วทำตามที่หัวหน้าสั่ง หัวหน้าเค้าดูจะเป็นคนที่มีเลเวลที่สูงเกี่ยวกับเรื่องการเดินป่าเป็นอย่างมาก เราใช้เวลากันประมาณ7 วันในการทะลุไปถึงอีกฝั่งของป่า โดยที่ก็มีเหตุการณ์ประหลาดๆเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง แต่ถึงอย่างงั้นหัวหน้าแกก็ได้พูดเตือนสติทำให้นายทหารคนอื่นๆไม่ตกใจกลัว หรือ เกิดอาการหลอนเกี่ยวกับพวกเสียงประหลาดๆ ในช่วง2วันสุดท้ายก่อนหลุดออกจากป่า ก่อนจะนอนแกจะชอบเอาพวกอาหารที่เราเตรียมมาส่วนหนึ่งแบ่งไปวางไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่พร้อมกันพูดพึมพัมอะไรสักอย่าง ก่อนจะกลับมาแล้วบอกพวกเรานอนเหตุการณ์พวกนั้นทำเอาผมแปลกใจเป็นอย่างมากเพราะไม่เคยเจอเวลาเดินป่าที่อังกฤษ เมื่อพวกเราหบุดออกมาจากป่า หัวหน้าแกก็ได้แยกตัวออกไปทำอะไรสักอย่าง ก่อนที่เวลาต่อมาจะมีรถมารับพวกเรากลับไปที่ค่ายทหาร
พวกเราก็ต่างสงสัยในสิ่งที่เจอในป่าแห่งนั้นเพราะตลอดเวลาที่ฝึกอยู่อังกฤษไม่เคยเจอสักครั้ง พวกเราจึงพากันไปที่ห้องพักของหัวหน้าเพื่อสอบถามความจริงทั้งหมดที่พวกเราเจอที่ป่าแห่งนั้น หัวหน้าแกได้เล่าว่า ป่าแห่งนั้นมันมีมานานไม่แปลกที่จะมีพวกหมู่บ้านร้าง แล้วก็พวกเสียงที่ได้ยินกันตอนจะนอนมันเป็นเสียงของ"วิญญาณ" ที่จะมาขอส่วนบุญ เนื่องจากผู้คนที่มาเสียชีวิตที่ป่าแห่งนี้ไม่มีใครได้รับการทำบุญให้เลยเพราะดันมาเสียชีวิตในป่า แล้วบางคนดวงชะตายังไม่ถึงคาด จึงจำต้องวนเวียนอยู่ในป่าแห่งนี้ไปจนถึงอายุไข ส่วนพวกเสียงสัตว์แปลกๆก็คือ เสียงของสิ่งที่ชาวบ้านเรียกกันว่า" เจ้าป่า" เมื่อมีเสียงแบบนั้นมันแสดงให้เห็นว่าเจ้าป่านั้นไม่พอใจ เพราะอาจจะมีนายทหารคนใดคนหนึ่ง ไปปัสสวะใส่ใต้ต้นไม้แล้วไม่ขอ เพราะงั้นพวกท่านจึงเห็นผมนำอาหารบางส่วนไปไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่ยังไงละ ทีนี้ก็เข้าใจแล้วใช่ไหม?
พวกเราฟังสิ่งที่หัวหน้าพูดมาก็ได้เข้าใจบางส่วนในสิ่งที่เจอ แต่เหมือนจะมีอีกหลายอย่างที่เรายังไม่ค่อยเข้าใจ แต่พวกเราก็ไม่ถามกันต่อเพราะดูเหมือนหัวหน้าจะเหนื่อยแล้วต้องการการพักผ่อน ตัวผมเองจึงได้แต่เก็บความสงสัยนั้นไว้ในใจจนถึงตอนนี้แหละครับ ตอนนี้ผมก็แก่แล้วด้วย ฮ่าๆๆๆ
อ๋อแล้วก็ วันที่หัวหน้าเสียชีวิตพวกเราก็ไปรวมงานศพท่านด้วยนะ ในตอนนั้นพวกเราทั้งเศร้าและภูมิใจมากที่เคยให้หัวหน้ามาช่วยฝึกพวกเรา หวังว่าชาติหน้ามีจริงเราคงได้เจอกันอีก ผมพูดแบบนี้พวกคุณคง งง กันสินะ ฮ่าๆๆๆ ถึงผมจะเป็นคนอังกฤษแต่ผมก็สนใจในเรื่องลี้ลับของคนไทยเอามากๆเลยละ! หลังจากเหตุการณ์เดินป่าผมก็ศึกษาภาษาไทยจนพูดได้ฟังได้แล้วผมก็ไปฟังพวกเรื่องเล่าเกี่ยวกับวิญญาณจนเป็นชีวิตจิตใจเลยละนะและสุดท้าย ผมชอบคำพูดของหัวหน้ามากเลยมันช่วยทำให้ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนผมก็คงยังจดจำหัวหน้าไว้ได้ มันเป็นคำพูดที่ว่า
"นายทหารรู้อะไรไหม? คำว่า"คนเราตายเมื่อหมดลมหายใจ" มันไม่จริงหรอก คนเราจะตายก็เมื่อถูกลืมเลือนไปจากโลกใบนี้ต่างหากละ"
จบแล้วครับ แต่งขำๆนะครับ การใช้คำและเนื้อเรื่องอาจจะ งงๆ เยอะเลยก็ขอโทษด้วยนะครับ ส่วนคำคมก่อนจบ ผมได้มาจากหนังเรื่องหนึ่งที่เคยดูเมื่อนานมาแล้ว แต่จำชื่อหนังเรื่องนั้นไม่ได้เลยครับเสียดายยยมากๆ