ข่าวการควบรวมกิจการระหว่างทรูและดีแทคยังคงได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง โดยประเด็นหนึ่งที่วิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ก็คือ อำนาจของกสทช. (คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ) ในการพิจารณาและอนุมัติการควบรวมครั้งนี้
ล่าสุด นายรุจิระ บุนนาค ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย และอนุญาโตตุลาการ สำนักระงับข้อพิพาท สถาบันอนุญาโตตุลาการ สำนักงานศาลยุติธรรม ได้ให้ความเห็นผ่านคอลัมน์ “กฎกติกาธุรกิจ” แนวหน้าออนไลน์ ไว้ค่อนข้างชัดเจน สรุปได้ ดังนี้
การกำกับดูแลของกสทช. ในประเด็นนี้ มีกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นประกาศของกสทช. อยู่ 2 ฉบับ คือ
ประกาศฉบับนี้เป็นกฎหมายที่ควบคุมการเข้าซื้อหรือถือหุ้น หรือการเข้าซื้อสินทรัพย์ของผู้รับอนุญาตรายอื่น เพื่อให้มีอำนาจในการ Take Over ครอบงำ ควบคุมกิจการของผู้รับอนุญาตรายอื่น ส่งผลให้ กสทช. ต้องมีอำนาจในการอนุญาต รวมถึงกำหนดมาตรการเฉพาะ เพราะเป็นกรณีที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการแข่งขันในกิจการโทรคมมนาคม ซึ่งเป็นกรณีที่เรียกว่า Share หรือ Asset Acquisition
(ยกตัวอย่าง กรณีของเอไอเอสเข้าซื้อกิจการ 3 BB)
ประกาศฉบับนี้เป็นกฎหมายที่ควบคุมในกรณีที่ไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเข้าไปมีอำนาจ Take Over หรือควบคุมผู้รับใบอนุญาตอีกฝ่าย แต่เป็นการควบรวมกันและเกิดเป็นบริษัทใหม่ (A+B = C) ซึ่งส่งผลที่แตกต่างกันต่อการแข่งขัน เป็นกรณีที่เรียกว่า Amalgamation กฎหมายจึงไม่ได้กำหนดให้ กสทช. มีอำนาจอนุญาตหรือไม่อนุญาต แต่ยังคงมีอำนาจในการกำหนดมาตรการเฉพาะเพื่อประโยชน์สาธารณะ
ตัวอย่างของกรณีคือ การควบรวมระหว่าง TOT และ CAT เป็น NT ที่เป็นการรวมธุรกิจระหว่างผู้รับใบอนุญาตหรือองค์กรของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ เพื่อประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจหรือความมั่นคงของประเทศ หรือเพื่อส่งเสริมให้มีการลงทุนและสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะ ให้ผู้รับใบอนุญาตรายงานต่อเลขาธิการ กสทช. ภายใน 7 วัน หลังการดำเนินการ
นอกจากนี้ ในรายงานการศึกษาวิจัยทางวิชาการ ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นการร่วมกันวิเคราะห์โดยคณะอาจารย์ทางด้านนิติศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ และสังคมศาสตร์ ซึ่งได้ทำการศึกษาวิจัยในหลายด้าน ได้กล่าวถึงประเด็นสำคัญว่า ปัจจุบัน (มิถุนายน 2565) คณะกรรมการ กสทช. ยังไม่มีอำนาจตามกฎหมายในการอนุญาตให้เกิดการรวมธุรกิจได้ แต่ประกาศ กสทช. เรื่องมาตรการกำกับดูแลการรวมธุรกิจในกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2561 กำหนดให้ใช้มาตรการเฉพาะสำหรับผู้มีอำนาจเหนือตลาดอย่างมีนัยสำคัญในตลาดโทรคมนาคมที่เกี่ยวข้อง มาบังคับใช้เพื่อป้องกันความเสียหายต่อประโยชน์สาธารณะ
ความเห็นทางวิชาการดังกล่าว สรุปให้เข้าใจได้ง่ายได้ว่า กสทช. ไม่มีอำนาจอนุญาตหรือไม่อนุญาตการควบรวมทรู-ดีแทค แต่มีอำนาจในการกำหนดมาตรการเฉพาะเพื่อควบคุมได้
ดังนั้น ทั้งหมดจึงสรุปได้ว่า การควบรวมกิจการทรู-ดีแทค เป็น Amalgamation คือ สองบริษัทรวมกันเกิดเป็นบริษัทใหม่ (A+B = C) ไม่ใช่เป็นการเข้าซื้อหุ้นหรือถือหุ้นหรือเข้าซื้อสินทรัพย์กัน ตรงตามประกาศ กสทช. พ.ศ. 2561 ซึ่ง กสทช. ไม่มีอำนาจอนุญาต มีแต่เพียงอำนาจกำหนดมาตรการเฉพาะเพื่อประโยชน์สาธารณะ
ผู้เขียนยังได้ทิ้งท้ายข้อเขียนไว้ด้วยว่า การควบรวมกิจการทางโทรคมนาคม จะเกิดการผูกขาด และทำให้ไม่เกิดการแข่งขันจริงหรือไม่ ควรพิจารณาถึงสภาพของธุรกิจโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเป็นโทรคมนาคมในระดับสากล ที่ปัจจุบันไม่ได้เน้นที่เสียงหรือการส่งข้อมูลที่เป็น Data แต่ปัจจุบันเป็น OTT (Over the Top) ที่หลอมรวมสื่อ ไม่ว่าจะเป็นสตรีมมิ่ง ภาพยนตร์ โทรทัศน์ วีดีโอผ่านอินเตอร์เนต ซึ่งคู่แข่งตัวจริงอาจไม่ใช่คู่แข่งรายใหญ่ในประเทศแต่เพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงคู่แข่งในต่างประเทศอีกด้วย สิ่งที่สำคัญ คือ เปิดมุมมองให้รอบด้าน และพิจารณาว่า ประชาชนผู้ใช้บริการจากโทรศัพท์มือถือ จะได้รับประโยชน์อย่างไร