"ตัวโลน" เปรียบเสมือน "เหา" แต่กินเลือดที่ อวัยวะเพศ และ อวัยวะ อื่นๆอย่างไร?
โลน กับ เหา น่ากลัวต่างกัน อย่างไร ?
โลน เป็นแมลงขนาดเล็กกลุ่มเดียวกับเหา อาศัยอยู่ตามร่างกายบริเวณที่มีขน เช่น คิ้ว หนังศีรษะ รักแร้ หนวด ขนตา แต่อาจพบได้มากที่สุดบริเวณอวัยวะเพศและรอบทวารหนัก โลนมักแพร่กระจายผ่านการมีเพศสัมพันธ์ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อ อาการคันอย่างรุนแรงได้ ดังนั้นจึงควรศึกษาวิธีการรักษา และการป้องกันเบื้องต้น เพื่อความปลอดภัย
คำจำกัดความ
โลน คืออะไร ?
โลน คือ แมลงที่มีขนาดไม่เกิน 1.6 มิลลิเมตร อาศัยอยู่ตามขนบนร่างกายโดยเฉพาะบริเวณอวัยวะเพศ มักกัดกินเลือดมนุษย์เป็นอาหารในการดำรงชีวิต ซึ่งอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองได้เมื่อถูกกัด โลนที่อาศัยอยู่บนร่างกายแบ่งออกเป็น 3 ประเภทด้วยกัน ได้แก่
- ไข่โลน มีลักษณะเป็นวงรี สีเหลือง หรือสีขาว ส่วนใหญ่มักติดอยู่ตามขน ซึ่งอาจสังเกตได้ยาก ไข่โลนอาจใช้ระยะเวลาประมาณ 6-10 วันในการฟักออกมาเป็นตัว
- ตัวอ่อน หลังจากออกมาจากไข่ โลนอาจมีขนาดเล็ก อาศัยอยู่ตามขนบริเวณอวัยวะเพศ ซึ่งอาจใช้ระยะเวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ ในการเจริญเติบโตเป็นโลนเต็มวัยและสามารถสืบพันธุ์ต่อได้
- โลนตัวเต็มวัย มีลักษณะเป็นสีน้ำตาล เทา ขาว ตัวเมียมักมีขนาดใหญ่กว่าตัวผู้ โดยสามารถมองผ่านแว่นขยายได้ หากโลนตัวเต็มวัยตกลงบนพื้นหรือถูกกำจัดออกจากร่างกายส่วนใหญ่มักจะตายเองภายใน 1-2 วัน
อาการ
อาการของโลน
อาการที่พบบ่อยเมื่อติดโลน คือ มีจุดแดง คัน ซึ่งอาการคันเกิดจากการแพ้น้ำลายของโลน อาจต้องใช้เวลา 1-3 สัปดาห์กว่าอาการคันจะปรากฏ และอาการมักแย่ลงในช่วงเวลากลางคืน นอกจากนั้น ยังอาจมีอาการเหล่านี้รวมด้วย
- บริเวณอวัยวะเพศเป็นแผลและมีรอยขีดข่วนเล็กน้อย
- ระคายเคืองบริเวณอวัยวะเพศ
- มีผงสีดำติดบริเวณกางเกงชั้นใน ซึ่งเป็นไปได้ว่าเป็นตัวโลนที่ติดออกมา
- มีจุดสีน้ำเงินหรือจุดเลือดติดบนกางเกงชั้นใน และบนผิวหนัง ซึ่งเป็นจุดที่อาจถูกตัวโลนกัด โดยเฉพาะบริเวณต้นขา ท้องส่วนล่าง
- มีเปลือกไข่โลนที่อาจติดอยู่บริเวณหนังศีรษะ เส้นผม
สาเหตุ
สาเหตุของโลน
ส่วนใหญ่โลนมักแพร่กระจายผ่านการมีเพศสัมพันธ์หรือสัมผัสกับสิ่งของต่าง ๆ ร่วมกันจากบุคคลที่มีโลน เช่น เสื้อผ้า ผ้าปูที่นอน ผ้าขนหนู สาเหตุที่อาจพบได้ยาก คือ การแพร่กระจายผ่านการนั่งบนชักโครก เพราะโลนไม่มีเท้าที่สามารถยึดเกาะจับกับสิ่งของผิวเรียบ และอาจตายเองได้ภายใน 1-2 วัน หากหลุดออกจากร่างกายของมนุษย์
ปัจจัยเสี่ยง
ปัจจัยเสี่ยงของโลน
ปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้ติดเชื้อได้ง่ายขึ้น มีดังนี้
- มีคู่นอนหลายคน
- มีเพศสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อ
- ใช้สิ่งของร่วมกับผู้ติดเชื้อ เช่น เสื้อผ้า ผ้าขนหนู
การวินิจฉัยและการรักษา
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาคุณหมอทุกครั้งเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
การวินิจฉัยโลน
คุณหมออาจวินิจฉัยขอตรวจดูบริเวณที่มีอาการคันเพื่อหาตัวโลน ไข่โลน รอยกัดของโลนโดยรอบ ด้วยเครื่องมือตรวจสอบผิวหนังที่เรียกว่า Dermatoscope และอาจจำเป็นต้องเข้ารับการตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ ร่วมด้วย
การรักษาโลน
หากโลชั่น หรือแชมพูที่จำหน่ายตามร้านขายยา ซึ่งมีส่วนผสมของเพอร์เมทริน (Permethrin) หรือไพรีทริน (Pyrethrins) 1% ไม่สามารถฆ่าโลนได้ คุณหมออาจสั่งจ่ายยาที่แรงกว่านั้น ซึ่งได้แก่
- มาลาไทออน (Malathion) เป็นยาในรูปแบบโลชั่นที่คุณหมออาจให้ทาบริเวณเกิดอาการและล้างออกหลังจากครบ 8-12 ชั่วโมง
- ยาไอเวอร์เมคติน (Ivermectin) เป็นยาชนิดรับประทาน ใช้รักษาผู้ที่ติดเชื้อปรสิต พยาธิ
สำหรับผู้ที่มีอาการโลนบริเวณขนตา คิ้ว อาจรักษาด้วยการใช้ปิโตรเลียมเจลทาในตอนกลางคืน และล้างออกในตอนเช้า การรักษานี้อาจต้องทำซ้ำและใช้ระยะเวลารักษาเป็นเวลาหลายสัปดาห์ หากใช้วิธีการรักษาไม่ถูกวิธีอาจทำให้เกิดการระคายเคืองตาได้ นอกจากนี้ควรเข้ารับการตรวจบริเวณที่มีขนเป็นประจำ เพราะโลนอาจเคลื่อนตัวออกจากบริเวณที่ทำการรักษาได้
การปรับไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเอง
การปรับไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเองเพื่อป้องกันโลน
การป้องกันเพื่อลดความเสี่ยงการแพร่กระจายโลน อาจทำได้ดังนี้
- หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ เพราะถึงแม้ว่าจะใส่ถุงยางอนามัยก็อาจเสี่ยงติดเชื้อโลนได้ หากโลนอาศัยอยู่นอกถุงยาง
- ไม่ใช้เสื้อผ้า ผ้าขนหนู หรือสิ่งของอื่น ๆ ร่วมกัน
- รักษาสุขอนามัย ทำความสะอาดเสื้อผ้า ผ้าขนหนู ผ้าปูที่นอน ผ้าห่มเป็นประจำ ในอุณหภูมิ 54 องศาเซลเซียส และตากแดดให้แห้งเพื่อฆ่าเชื้อ
- ใช้ผลิตภัณฑ์ที่กำจัดตัวโลน
- เก็บของใช้รอบตัว โดยเฉพาะเสื้อผ้า ผ้าขนหนู ที่ไม่ได้ใช้ไว้ในกล่องหรือตู้ที่ปิดสนิท