วิวาห์เลี้ยงเดี่ยว ตอนที่ 2 ทำงานวันแรก (2)
Ebook ฉบับสมบูรณ์มีให้ดาวโหลดแล้ว
อ่านล่วงหน้าที่เว็บอื่น ๆ
ธัญวลัย : https://www.tunwalai.com/story/604304
เด็กดี : https://writer.dek-d.com/kesmani/writer/view.php?id=2271834
Readawrite : https://www.readawrite.com/a/5e596cf1b2c61bcfe164112da000b3a2
+++++++++
เสียงสัญญาณของลิฟต์ดังขึ้นพร้อมกับประตูสีเงินที่เปิดออกบ่งบอกว่าถึงจุดหมายแล้วทำให้มัตสยาเลิกสนใจรูปร่างหน้าตาของเจ้านายใหม่ทันที แล้วตั้งใจเดินตามเขาไปที่รถ แม้อภิรักษ์จะบอกว่าแจ้งคนขับแล้วแต่เธอเพิ่งมาเลยไม่รู้ว่ารถคันไหนและใครคือคนขับ
พอขึ้นไปนั่งบนรถ สิ่งที่มัตสยาทำคือดูตารางนัดของเจ้านายคนใหม่อย่างละเอียดรวมถึงอ่านข้อมูลสำคัญ ๆ ที่เธอต้องจดจำเกี่ยวกับเจ้านายคนนี้ ซึ่งอภิรักษ์ก็ทำให้มันง่ายขึ้นโดยการทำเป็นเลคเชอร์ให้เธอมาเสร็จสรรพ กลับไปเธอจะกราบขอบคุณเขางาม ๆ และเลี้ยงข้าวสักมื้อ
มัตสยาอ่านไปเรื่อยโดยรวม ไม่ได้แตกต่างจากที่เคยทำมามากนัก แต่จากที่อภิรักษ์ชอบมีดอกจันไว้เสมอนั่นทำให้เธอรู้ว่าเขาเป็นคนค่อนข้างเนี้ยบและจริงจังมาก ๆ คนหนึ่ง ทว่าพออ่านมาถึงหัวข้อหนึ่ง หญิงสาวถึงกับขมวดคิ้วมุ่น
ผู้หญิงที่ไม่ใช่ลูกค้าห้ามให้เขาพบหรือรับนัดโดยที่ไม่ผ่านความเห็นของชายหนุ่มเด็ดขาด และเมื่อมีกรณีต้องห้ามก็ต้องมีที่ยกเว้นเหมือนกัน ผู้หญิงคนนั้นก็คือคุณนายนิลมณีแม่ของชายหนุ่มนั่นเอง มัตสยามาร์กเอาไว้แล้วอ่านส่วนอื่น ๆ ต่อ อยู่ ๆ โทรศัพท์มือถือที่เธอได้มาจากอภิรักษ์ก็ดังขึ้น มัตสยากดรับพร้อมกับแนะนำตัวเสร็จสรรพ เหมือนทางนั้นจะชะงักเล็กน้อย แต่เพราะมัตสยาแนะนำตัวแล้วว่าเป็นเลขาฯ ของวาทีเธอจึงคุยต่อ “ฉันจะนัดกินข้าวกับวาทีเที่ยงนี้ค่ะ”
“ให้แจ้งคุณวาทีว่าใครต้องการนัดคะ” มัตสยาถามเพราะเธอต้องไปแจ้งรายละเอียดให้กับวาทีทราบอีกต่อหนึ่ง
“มินลิค่ะ”
“คุณมินลินะคะ” มัตสยาทวนชื่อยังไม่ทันจะได้พูดอะไร วาทีที่นั่งอยู่ข้างก็โบกมือเป็นการบอกปฏิเสธ
“ค่ะ” เมื่ออีกฝ่ายตอบรับ มัตสยาก็รู้ว่าควรจัดการกับผู้หญิงรายนี้ยังไงทันที “ดิฉันต้องขอโทษจริง ๆ นะคะแต่เที่ยงนี้คุณวาทีมีประชุมใหญ่น่าจะลากยาวหลายชั่วโมงเลยค่ะ คงไม่สะดวก” เรื่องนี้เธอไม่ได้โกหกแต่มันคือเรื่องจริง แต่จะยาวจริงไหมหรือนานแค่ไหนอันนี้เธอก็ไม่ทราบแต่เมื่อจะปฏิเสธมันก็ต้องยาวไว้ก่อน
“ก่อนเที่ยงล่ะคะ” อีกฝ่ายยังพยายามและมีน้ำเสียงที่เริ่มขุ่นเข้มขึ้นมาเล็กน้อย
“คุยงานกับลูกค้าอีกสามรายค่ะ” มัตสยายิ้มให้คนในสายทั้งที่อีกฝ่ายไม่ได้เห็นเลยสักนิด แต่ถ้าเห็นจริง ๆ ก็จะรู้ว่ามันเป็นรอยยิ้มของคนที่ใจเย็นที่คิดว่าสามารถจะจัดการกับปัญหาตรงหน้านี้ได้แน่นอน
“แล้วช่วงเย็น”
“ประชุมเสร็จคุณวาทีต้องบินไปดูงานที่ต่างจังหวัดต่อเลยค่ะ”
“จังหวัดไหนคะ” ปลายสายถามกลับด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“หลายจังหวัดเลยค่ะ เป็นการบินแบบไฟลต์ต่อไฟลต์เลยค่ะ”
“งั้นก็ช่างเถอะ แค่นี้ล่ะ”
เมื่ออีกฝ่ายวางสายมัตสยาก็ถอนหายใจ การโกหกนี่ใช้พลังงานไปเยอะเหมือนกันนะ แต่เอาจริง ๆ กับเจ้านายคนก่อนเธอไม่เคยต้องมาโกหกเรื่องแบบนี้เลย
“เย็นนี้มีบินเหรอ” วาทีที่ได้ยินบทสนทนาของหญิงสาวสองคนตลอดเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้านิ่งเรียบเช่นเคย
“ไม่ค่ะ แต่การที่จะพูดให้คุณมินลิเชื่อและไม่มาดักรอน่าจะเป็นการโกหกที่เข้าท่ามากที่สุดค่ะ” เรื่องนี้เธอบอกว่าไม่มีประสบการณ์แต่ใช้การคาดเดาจากเซนส์ของความเป็นผู้หญิงด้วยกันล้วน ๆ
“จัดการได้ดี” วาทีเอ่ยปากชมจากใจ
“ขอบคุณค่ะ”
“รู้ใช่ไหมว่าใครควรปฏิเสธหรือไม่ปฏิเสธ” วาทีปรายตามองหญิงสาวที่คุยกับเขาไป ดูข่าวการลงทุนไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงสายตากลับมาที่หน้าจอข่าวของตัวเองที่เปิดค้างไว้เช่นกัน