การทดลองที่ท้าทายความเชื่อของมนุษย์ทดลองวิจัยปริศนาตัดเส้นประสาทรับรู้ทั้งหมด เพื่อให้มองเห็น “สิ่งที่มองไม่เห็น” พูดคุยกับพระเจ้า
การทดลองที่ท้าทายความเชื่อของมนุษย์ทดลองวิจัยปริศนาตัดเส้นประสาทรับรู้ทั้งหมดเพื่อให้มองเห็น “สิ่งที่มองไม่เห็น” พูดคุยกับพระเจ้า
เมื่อเอ่ยถึงพระเจ้าหลายๆศาสนาจะอ้างว่าพระเจ้าไม่มีตัวตนพระเจ้าสร้างสิ่งนั้นสิ่งนี้สร้างจักรวาลสร้างมนุษย์สารพัดที่จะเอ่ยมันเป็นความเชื่อแต่ไม่มีใครสักคนที่สามารถจะไปพูดคุยกับพระเจ้าได้
เพราะยังหาตัวตนของพระเจ้าไม่ได้ มันเลยปริศนาคาใจอยากรู้อยากจึงเกิดการทดลองวิจัยปริศนามีขึ้นมา
ตัดเส้นประสาทรับรู้ทั้งหมดเพื่อให้มองเห็น “สิ่งที่มองไม่เห็น” พูดคุยกับพระเจ้า
การทดลองเหนือธรรมชาติที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่
วิจัยปริศนา! ตัดเส้นประสาทรับรู้ทั้งหมดเพื่อให้มองเห็น “สิ่งที่มองไม่เห็น” การทดลองเหนือธรรมชาติที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่
👉🏿ในปี 1983 นักวิทยาศาสตร์ในซีกโลกตะวันตกได้ติดต่อชายผู้หนึ่งให้เข้าร่วมการทดลองที่จะเปลี่ยนโลกไปตลอดกาล หากสมมติฐานที่ตั้งไว้นั้นเป็นความจริง
👉🏿การทดลองนี้ก็คือความพยายามในการติดต่อกับพระเจ้า โดยการทดลองครั้งนี้จะทำการทดลองด้วยวิธีการเค้นขีดจำกัดของมนุษย์เมื่อไม่สามารถจะได้ยิน มองเห็น สัมผัส รับกลิ่นหรือรสชาติใดๆ ตามสมมติฐานว่าการ
ที่จะรับรู้ถึงพระเจ้าได้นั้น มนุษย์จำเป็นที่จะต้องตัดสิ่งเร้าทั้งหมดออกไป
👉🏿ผู้เข้าร่วมการทดลองนี้จะถูกมอบเงินก้อนใหญ่เพื่อทิ้งไว้ให้คนข้างหลัง ชายที่มาเข้าร่วมนั้นคือผู้ที่ประสบปัญหาทางด้านการเงินอย่างรุนแรง จึงยอมเสียสละมาเข้าร่วมโครงการด้วยความสมัครใจเพื่อหวังจะทิ้งเงินก้อนสุดท้ายให้ลูกที่กำลังเรียนในระดับมหาวิทยาลัย
👉🏿ก็ยังมีอีกข้อมูลที่อ้างว่าผู้ที่เข้าร่วมการทดลองนี้คือชายชราที่หมดอาลัยตายยากกับชีวิตของตัวเองเลยอาสาเข้ามาเป็นหนูทดลองในการวิจัยทางวิทยาศาสตร์อันนี้ชายชราคนนี้ยอมเสียสละเพื่อจะให้ได้บรรลุถึงสิ่งที่เขาอยากรู้นั่นคือการติดต่อกับพระเจ้าโดยการให้นักวิทยาศาสตร์ตัดเส้นประสาทของตัวเอง เข้าไปสู่หมวดการทดลอง นี่เป็นอีกข้อมูลนึงนะครับที่แตกต่างจากข้อมูลแรกที่อ้างว่าเป็นชายร้อนเงิน
👉🏿ในขั้นตอนแรกตัวอย่างทดลองจะถูกผ่าตัดเพื่อทำการตัดเส้นประสาทในการรับรู้ทั้งหมด หลังจากนั้นเขาจะถูกเฝ้ามองจากนักวิทยาศาสตร์เพื่อจดบันทึกพฤติกรรมอย่างใกล้ชิด
😱หลังจากที่ถูกตัดเส้นประสาททั้งหมด ชายผู้นี้ไม่ต่างอะไรกับขอนไม้ที่พูดได้ ในแต่ละวันเขานอนนิ่งขยับตัวเฉพาะตอนที่กินอาหารเท่านั้น
แต่จู่ๆ ในวันที่ 4 ชายผู้นี้ก็แสดงความผิดปกติออกมาด้วยการพูดคุยกับบางสิ่ง ชายผู้นี้เรียกบางสิ่งที่เขาพูดด้วยว่า “ที่รัก” ซึ่งนั่นก็คือภรรยาที่เสียไปหลายปี ชายผู้นี้มีน้ำเสียงดีใจในขณะพูดคุยและบางครั้งก็ร้องไห้พร่ำขอโทษในสิ่งที่เขาทำผิดพลาดไป การพูดคุยครั้งนี้กินเวลากว่า 2 ชั่วโมง หลังจากนั้นเขาก็เงียบไปเป็นเวลาหลายวัน
😱หลังจากนั้นชายผู้นี้ก็เริ่มคุยกับสิ่งที่มองไม่เห็นอีกครั้ง จากบทสนทนาของเขาที่นักวิทยาศาสตร์ได้บันทึกไว้นั้นแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่เขากำลังคุยด้วยนั้น เขาไม่รู้จักกันมาก่อน
เนื้อหาที่คุยกันนั้นเป็นเรื่องราวของสถานที่ที่เรียกว่านรก ชายผู้นี้ถามว่าในนรกนั้นเป็นอย่างไรเหมือนกับในไบเบิลหรือไม่ ซึ่งหลังจากที่ชายผู้นี้ได้ถ่ายทอดให้กับนักวิทยาศาสตร์ก็ตรงกับเรื่องราวในไบเบิล
😱อาการของชายผู้นี้เริ่มผิดปกติเมื่อการทดลองย่างเข้าอาทิตย์ที่ 2 เขาเริ่มมีอาการคลุ้มคลั่งและทำร้ายตัวเองด้วยการวิ่งเอาหัวกระแทกกับกำแพง
และพยายามกัดลงไปที่ข้อมือตัวเองจนเจ้าหน้าที่ต้องทำการฉีดยานอนหลับเพื่อให้สงบและมัดเข้ากับเก้าอี้ เมื่อฟื้นขึ้นมาก็อาละวาดอีก แต่ในระหว่างที่อาละวาดนั้น ชายผู้นี้จะตะโกนอยู่ประโยคเดียวว่า “เงียบสักที” อยู่เสมอ
การอาละวาดของชายผู้นี้กินเวลากว่า 6 ชั่วโมง ในช่วงนี้นักวิทยาศาสตร์ต้องฉีดยาให้ทุกครั้งที่เขาตื่น
หลังจาก 6 ชั่วโมงของการอาระวาด อาการของชายผู้นี้ก็สงบลงไม่มีการอาละวาด เขานั่งนิ่งๆ ไม่เปล่งเสียงอะไรออกมา
แต่จู่ๆ เขาก็หันหน้ามองไปที่นักวิทยาศาสตร์ ราวกับมองเห็นว่าอยู่ตรงไหน พร้อมกับเปล่งเสียงออกมาว่า
“ผมได้พูดคุยกับพระเจ้า และท่านได้ทอดทิ้งพวกเราไปแล้ว"
เหตุการณ์ทดลองมันก็จบลงตรงนี้ครับ!!
จะเป็นต่อไปอย่างไรมันก็คงยังเป็นปริศนาดำมืดลึกลับอยู่ดีสรุปแล้วพระเจ้ามีตัวตนหรือไม่มันก็ยังไม่สามารถอธิบายได้.....
ส่วนข้อความข้างล่างนี้ก็เป็นสมมติฐานที่ผมตั้งเอาไว้เองครับ
😄แต่เราอาจจะตั้งสมมติฐานนะว่าพระเจ้าอาจจะเป็นมนุษย์ต่างดาวผู้ที่มีภูมิปัญญาสูงส่งมาจาก กาแลคซี่ อื่นที่ลงมาทดลองเกี่ยวกับมนุษย์และสร้างมนุษย์ขึ้นมาและมนุษย์ที่มีอยู่ทุกวันนี้ก็คือสัตว์ทดลองของพระเจ้านั่นเองไม่รู้นะครับอันนี้เป็นการสมมติฐานของผมเอง
น่าจะตรงกับคำพูดสุดท้ายของชายคนทดลองนั้นที่พูดเป็นครั้งสุดท้ายว่า
“ผมได้พูดคุยกับพระเจ้า และท่านได้ทอดทิ้งพวกเราไปแล้ว"
😁ก่อนจบบทความนี้ซึ่งผมสนใจและเรียบเรียงหาข้อมูลมาเพื่อความบันเทิงนะครับอย่าไปจริงจังกับมันมากนะ...เราเรียนรู้เอาไว้ไม่เสียหลาย จินตนาการของเรามีได้หลากหลายแล้วมันก็เป็นอะไรที่สำคัญที่สุดสำหรับมนุษย์
👉🏾มีคลิปประกอบบทความให้ชมด้วยนะครับผมได้ตัดต่อเอาไว้แล้ว
อ้างอิงจาก: blogger google และ YouTube