Catatumbo lightning หรือ ‘ทะเลสาบสายฟ้า’ กำลังล่มสลายมลพิษจากกระแสน้ำสีดำถาวรจากคราบน้ำมันที่รั่วไหลมากมาย
🙎ทะเลสาบมาราไกโบประเทศ เวเนซุเอลา ได้รับตำแหน่งจาก Guinness Book of World Records ว่าเป็นที่ๆ มีฟ้าผ่ามากที่สุดในโลก ด้วยตัวเลข “ฟ้าผ่า 250 ครั้งต่อตารางกิโลเมตรในแต่ละปี”
😄ทะเลสาบแห่งนี้ตอนนี้กำลังจะเสื่อมสภาพล่มสลายในไม่ช้าเพราะน้ำมือของมนุษย์ที่ทำลายทรัพยากรสิ่งแวดล้อม จากการจากการขุดเจาะบ่อน้ำมันและความเสื่อมสภาพของท่อส่งน้ำมันแตกพังและน้ำมันก็รั่วลงไปในทะเล ทำให้มลภาวะเสื่อมโทรมลงน้ำทะเลกลายเป็นสีดำเหม็นคลุ้งความเหม็นเน่าผสมกับซากสัตว์ทะเลที่ตายลงเพราะคราบน้ำมันมันมากมาย ทำให้เกิดมลภาวะเป็นพิษกลิ่นเน่าเหม็นสุดที่จะบรรยาย
🙄เมื่อธรรมชาติล่มสลายทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้มันล่มสลายและเสื่อมโทรม ตามกันไปเป็นวัฏจักร ส่วนหนึ่งหรือส่วนใหญ่ก็มาจากน้ำมือของมนุษย์ที่อยู่บนโลกนี้ล่ะครับมนุษย์คือผู้ทำลายสภาพแวดล้อม และธรรมชาติ
😁Catatumbo lightning หรือ ‘ทะเลสาบสายฟ้า’ กำลังล่มสลายมลพิษจากกระแสน้ำสีดำถาวรจากคราบน้ำมันรั่วไหลมากมาย
นี่เป็นหนึ่งในปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่แปลกประหลาดที่สุดอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นบนโลก มันถูกเรียกว่า "Catatumbo lightning" มันเป็นที่ๆ เต็มไปด้วยสายฟ้าและพายุ แต่มีอีกสิ่งที่เริ่มขึ้นเมื่อหลายปีก่อน มันกัดกินความสวยงามของทะเลสาบ แล้วเปลี่ยนน้ำเป็นสีดำอย่างถาวร ..
👉🏿ปรากฏการณ์นี้เป็นที่รู้จักในชื่อที่หลากหลาย แต่ที่รู้กันดีคือ “Catatumbo lightning” มันเกิดขึ้นในบริเวณเล็กๆ เป็นที่ๆ แม่น้ำ Catatumbo มาบรรจบกับทะเลสาบมาราไกโบ (Lake Maracaibo) ตรงบริเวณนี้ทำให้เกิดพายุเฉลี่ย 260 วันต่อปี!
👉🏿บริเวณทะเลสาบมาราไกโบ ประเทศ เวเนซุเอลา ได้รับตำแหน่งจาก Guinness Book of World Records ว่าเป็นที่ๆ มีฟ้าผ่ามากที่สุดในโลก ด้วยตัวเลข “ฟ้าผ่า 250 ครั้งต่อตารางกิโลเมตรในแต่ละปี” ซึ่งพายุจะสงบลงในช่วงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นฤดูแล้ง
และจะมีฟ้าผ่ามากที่สุด หรือก็คือสวยงามที่สุดในฤดูฝนประมาณเดือนตุลาคม เราจะสามารถเห็นฟ้าผ่าเฉลี่ย 28 ครั้งต่อนาที
“สถิติทั่วไปคือ จะเกิดฟ้าผ่า 9 ชั่งโมงต่อวัน และ 16 – 40 ครั้งต่อนาที โดยจะเกิดรอบๆ ทะเลสาบมาราไกโบโดยปกติแล้ว Catatumbo lightning จะสว่างพอที่จะมองเห็นได้ไกลถึง 400 กิโลเมตร”
👉🏿กระแสน้ำสีดำเน่าเหม็น?
ทะเลสาบมาราไกโบ (Lake Maracaibo) เป็นทะเลสาบที่อยู่ในประเทศเวเนซุเอลา รอบๆ ทะเลสาบเต็มไปด้วยโรงกลั่นน้ำมัน แต่เพราะการล่มสลายทางเศรษฐกิจของเวเนซุเอลา ทำให้บ่อน้ำและท่อต่างๆ พังทลายลง
👉🏿แหล่งน้ำขนาดใหญ่แห่งนี้ ครอบคลุมพื้นที่ 13,200 ตารางกิโลเมตร และไหลลงสู่ทะเลแคริบเบียน แต่มันได้ถูกปกคลุมไปโดยสิ่งที่ชาวบ้านเรียกว่า “กระแสน้ำสีดำถาวร” .. หรือก็คือน้ำมันดิบที่จะลอยอยู่ในทะเลสาบแห่งนี้ตลอดไป
สิ่งนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นอันตรายต่อสัตว์และพืชในทะเลสาบเท่านั้น แต่ยังเป็นอันตรายต่อวิถีชีวิตของผู้คนที่ต้องพึ่งพาสัตว์ป่าในทะเลสาบด้วย
แหล่งน้ำน้ำมันที่อยู่ใต้ดินลึกใต้ทะเลสาบ เป็นที่ๆ Maracaibo เมืองเวเนซุเอลาและบริเวณโดยรอบสร้างรายได้มหาศาล “พวกเขาสกัดน้ำมันจากใต้ทะเลสาบแห่งนี้มาเป็นเวลา 100 ปีแล้ว” .. จนในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา สิ่งต่างๆ ได้เปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากเวเนซุเอลาเข้าสู่วิกฤตเศรษฐกิจ
จนตอนนี้บริษัทน้ำมันของรัฐ ไม่สามารถรักษาสายเคเบิลและท่อส่งน้ำมันใต้น้ำให้อยู่ในสถาพที่ดีได้ “โครงสร้างพื้นฐานเสื่อมโทรมลงและมลภาวะเพิ่มก็ขึ้น”
ไม่มีใครในรัฐบาลเผยแพร่ตัวเลข เกี่ยวกับปริมาณน้ำมันที่รั่วไหลลงสู่ทะเลสาบมาราไกโบ แต่เท่าที่รู้ตอนนี้มี 3 แห่งมีน้ำมันรั่วอย่างถาวรตั้งแต่ปี 2019 .. และมันยังเป็นเช่นนั้นอยู่
สาระข้อมูลเพิ่มเติม
ทะเลสาบมาราไกโบ (อังกฤษ: Lake Maracaibo) เป็นทะเลสาบอยู่ตอนบนของประเทศเวเนซุเอลา เป็นทะเลสาบที่ใหญที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ มีเนื้อที่ 13,200 ตารางกิโลเมตร เป็นทะเลสาบที่มีทางออกสู่ทะเลทางตอนเหนือ มีเมืองที่สำคัญคือเมืองมาราไกโบ และในทะเลสาบเป็นแหล่งน้ำมันขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศเวเนซุเอลาและทวีปอเมริกาใต้
🙄ดูคลิปรายละเอียดจากข่าวนี้แล้วรู้สึกเสียดายธรรมชาติที่สวยงามต้องมาเสื่อมสลายเพราะคราบน้ำมันจากฝีมือการพัฒนาของมนุษย์ที่ได้ทำลายสภาพแวดล้อมธรรมชาติ
👉🏿มีการพัฒนาที่ไหน เมื่อมนุษย์ไป..ที่นั่นจะถึงการเสื่อมสลายอีกในไม่ช้า...ดังตัวอย่างเช่น ทะเลสาบมาราไกโบ (Lake Maracaibo)นี่แหละครับ
อ้างอิงจาก: วิกิพีเดีย google และ YouTube