เมือไมโครพลาสติกอยู่ในทารกแรกเกิด การเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า “พลาสติก” กลายเป็นส่วนหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในชีวิตประจำวันไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแปรงสีฟัน ขวดแชมพู แก้วกาแฟ ถุงพลาสติกบรรจุอาหาร ถุงหูหิ้ว ช้อนส้อมพลาสติก ซองอาหารเสริม ฯลฯ เรียกได้ว่าเจอกันตั้งแต่ยามตื่นถึงยามหลับ จึงไม่แปลกใจนักที่ขยะพลาสติกถึงมีปริมาณมาก จนนำไปสู่ปัญหาสิ่งแวดล้อมในที่สุด
พลาสติกเป็นวัสดุที่ไม่สามารถย่อยสลายได้ด้วยตัวเอง เพราะเป็นสารสังเคราะห์ จึงต้องผ่านกระบวนการเผา ฝังกลบ ซึ่งใช้ระยะเวลาเป็นร้อย ๆ ปี เลยก็ว่าได้ในแต่ละชนิด และการทำลายพลาสติกนั้นบางครั้งอาจปนเปื้อนไปสู่แหล่งน้ำ แหล่งดิน และอาหารการกิน อย่างเช่นที่เรามักพบว่าสัตว์น้ำเสียชีวิตเพราะมีขยะพลาสติกอุดตันในกระเพาะนั่นเอง เมื่อถูกปนเปื้อนไปแหล่งต่าง ๆ แล้ว บางครั้งทำให้เกิดการแตกสลายกลายเป็นชิ้นเล็ก ๆ จนไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าเราเรียกมันว่า “ไมโครพลาสติก Microlastics”
จากงานวิจัยที่ถูกตีพิมพ์ในวารสาร Environment International ที่ศึกษาโดย Dr.Antonio Ragusa สูตินรีเวชของโรงพยาบาลในกรุงโรม รายงานว่า เขารู้สึกตกใจมากที่ได้พบไมโครพลาสติกในรกเด็กตั้งแต่อยู่ในครรภ์ โดยพลาสติกที่พบเป็นเม็ดสีชนิดต่าง ๆ และเป็นชนิดของ Polypropylene ที่มักอยู่ในยาทาเล็บ เครื่องสำอาง และสินค้าบรรจุภัณฑ์ทั่วไป เบื้องต้นยังไม่ทราบว่าไมโครพลาสติกดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพและก่อให้เกิดความเสียหายในระยะยาว หรือส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันของทารกในครรภ์หรือไม่
งานวิจัยในครั้งนี้ได้มีผู้เข้าร่วมทดลองทั้งหมด 6 คน โดยพบอนุภาครวมทั้งหมด 12 ชิ้นในรกของหญิงตั้งครรภ์และคลอดตามปกติ 4 คน ตรวจพบไมโครพลาสติกทั้งในรกของฝั่งตัวเด็กและฝั่งแม่ รวมถึงเยื่อหุ้มทารกขณะอยู่ในครรภ์ นี่เป็นเพียงการศึกษาวิเคราะห์เพียง 4% ของรกแต่ละรกเท่านั้น หากทำการวิเคราะห์เพิ่มเติมอาจพบจำนรกทารกวนไมโครพลาสติกอีกเป็นจำนวนมาก
ไมโครพลาสติกเหล่านี้มีขนาดเพียง 10 ไมครอน หรือ 0.01 มม. ซึ่งมันเล็กมากพอที่จะสามารถเล็ดลอดเข้าสู่กระแสเลือดได้ นอกจากนี้ยังสามารถเข้าสู่ร่างกายของทารกได้อีกด้วย หลังจากที่นักวิจัยค้นพบไมโครพลาสติกนี้ จึงได้สร้างข้อกำหนดในการทำคลอดขึ้น เพื่อความมั่นใจว่าไมโครพลาสติกเหล่านี้จะไม่ถูกส่งต่อไปยังทารกขณะคลอดได้ โดยการเปลี่ยนเครื่องไม้เครื่องมือบางส่วน อย่างเช่น ใช้ถุงมือผ้าฝ้ายขณะทำคลอด ใช้ผ้าขนหนูคลุมเตียง และตัดสายสะดือด้วยปัตตาเลี่ยนโลหะแทน เพื่อป้องกันและหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับวัสดุพลาสติกอื่น ๆ นั่นเอง
ปัจจุบันไมโครพลาสติกได้ถูกกระจายไปทั่วพื้นที่ทั่วโลก และเนื่องจากมันเล็กมากจนไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า จึงทำให้ถูกปนเปื้อนเข้าสู่ร่างกายเราได้โดยง่ายเช่นกัน ผ่านทางอาหาร น้ำ และอากาศ โทษของพลาสติกไม่ใช่เพียงแค่เป็นปัญหาสิ่งแวดล้อม ทำให้ท่ออุดตัน ขยะล้นเมือง แต่ตอนนี้มันลุกลามและก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตมนุษย์ นี่คงเป็นเหตุผลมากพอที่เราควรต้องหยุดใช้มันได้แล้ว “พลาสติก”