10 อันดับ ครีมกันแดดยี่ห้อไหนดี ตรงใจสุด ๆ

แสงแดดเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผิวหน้าเสื่อมสภาพ และเกิดปัญหาที่คนหนุ่มสาวไม่ต้องการ เช่น รอยเหี่ยวย่น ตีนกา ผิวหน้าหมองคล้ำ หยาบกร้าน เกิดกระ เกิดฝ้า จนผิวหน้าแลดูแก่กว่าวัย นอกจากนั้นแสงแดดยังได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังอีกด้วย

ดังนั้นเราจึงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแสงแดดเป็นเวลานาน แต่หากสุดวิสัย ก็ยังสามารถป้องกันได้ด้วยการสวมเสื้อผ้ามิดชิด ใช้ที่บังแดด เช่น ร่ม และสุดท้ายก็คือ การทาครีมกันแดด ซึ่งในที่นี้เราจะมาแนะนำครีมกันแดดที่ดี มีอะไรบ้าง ยี่ห้ออะไร เพื่อการพิจารณาเลือกใช้

---

ครีมกันแดด ป้องกันหน้าหมองคล้ำ

ครีมกันแดด คือ ผลิตภัณฑ์ทาผิวที่มีส่วนผสมของสารที่ช่วยปกป้องผิวจากรังสีอุลตร้าไวโอเลต หรือ รังสียูวี โดยช่วยให้ผิวไม่ถูกแสงแดดทำลายจนไหม้ หรือเกิดจุดด่างดำต่าง ๆ รวมทั้งลดโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งผิวหนัง

---

ครีมกันแดด สำคัญอย่างไร

การใช้ชีวิตประจำวันของคนเรานั้น ต้องมีการออกนอกบ้าน เผชิญกับแสงอาทิตย์ ทึ่จะปล่อยรังสียูวีออกมาตลอดปี และรังสีดังกล่าวสามารถแทรกชั้นผิวและทำลายผิวได้ ดังนั้นจึงได้มีการค้นคว้า คิดประดิษฐ์ครีมกันแดดขึ้นมา เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดกับผิวหนัง และ ใบหน้าได้ ซึ่งมีผลกระทบต่อความมั่นใจในภาพลักษณ์ และสุขภาพ

รังสียูวี (UV) ทำร้ายผิวอย่างไรบ้าง

แสงแดดที่แทรกชั้นบรรยากาศลงมาถึงโลกของเรานั้น จะมีรังสีแสงแดด หรือ รังสียูวี ที่มีผลต่อผิวหนังของเราอย่างมาก  เราสามารถแบ่งรังสียูวี ออกเป็น 3 ช่วงคลื่นใหญ่ ๆ คือ

1.คลื่นยาว (ระหว่าง 320-400 นาโนเมตร) เรียกว่า UVA ซึ่งสามารถแทรกซอนถึงผิวชั้นลึก ๆหรือผิวหนังชั้นล่างได้ จะทำลายเนื้อเยื่อและดีเอ็นเอของเซลล์ผิว และเป็นตัวทำลายคอลลาเจนและความชุ่มชื้นของผิวหนัง ทำให้ผิวแห้งจนเกิดริ้วรอยลึกหรือผิวเหี่ยวย่น ทำให้เกิดฝ้า กระ มะเร็งผิวหนัง และผิวหมองคล้ำ

2.คลื่นกลาง (ระหว่าง 290-320 นาโนเมตร) เรียกว่า UVB สามารถทะลุได้ถึงชั้นหนังกำพร้าเท่านั้นจึงทำให้ผิวหนังแดงหรือผิวไหม้แดด ทำให้สีผิวหมองคล้ำ เป็นมะเร็งผิวหนัง ทำให้เกิดริ้วรอย และปัญหาฝ้า

3.คลื่นสั้น (ระหว่าง 200-290 นาโนเมตร) เรียกว่า UVC ซึ่งยังส่องมาที่พื้นโลกได้ไม่มากนัก และเกือบทั้งหมดถูกกรองโดยชั้นบรรยากาศโอโซนที่ห่อหุ้มโลกอยู่ จึงไม่มีผลิตภัณฑ์สำหรับป้องกันรังสีชนิดนี้ 

---

วิธีเลือกครีมกันแดด

ครีมกันแดดนั้นเป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด ดังนั้นผู้ใช้ควรเลือกซื้อและใช้ครีมกันแดดอย่างถูกวิธี เพื่อให้ได้ครีมกันแดดที่สามารถป้องกันรังสีจากแสงแดด (รังสียูวีเอ และ รังสียูวีบี) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีรายละเอียดในการเลือกซื้อ ดังนี้

1.พิจารณาจากค่า SPF และ PA

SPF (Sun-Protection Factor) คือ ตัวเลขที่ใช้บอกระดับการปกป้องผิวจากแสงแดด รังสียูวีบีว่าป้องกันได้มากกว่าปกติกี่เท่า  โดยปกติผู้ที่ไม่ได้ทาครีมกันแดดจะมีผิวหนังแดงหลังตากแดดเป็นเวลา 15 นาที

ดังนั้นถ้าครีมกันแดดมีค่า SPF30 ก็หมายความว่าสามารถตากแดดได้นานถึง 30 x 15 = 450 นาที ผิวหนังถึงจะแดง  ครีมกันแดดที่เลือกใช้นั้นควรมีค่า SPF30 หรือมากกว่านั้น

• SPF15 กรองรังสียูวีบีได้ร้อยละ 93

• SPF30 กรองรังสียูวีบีได้ร้อยละ 97

• SPF50 กรองรังสียูวีบีได้ร้อยละ 98

 

PA (Protection Grade of UVA) คือ ค่าประสิทธิภาพในการป้องกันรังสียูวีเอ ถ้าเราทำกิจกรรมทั่วไปใช้เพียง PA+ ก็พอ แต่ถ้าใครออกแดดเป็นประจำให้ใช้ค่า PA++ จนถึง PA++++ ยิ่งมีค่า + มากก็มีประสิทธิภาพในการปกป้อง UVA มากยิ่งขึ้น

• PA+ ป้องกันรังสียูวีเอได้ 1-4 เท่าของผิวปกติ - ป้องกันได้น้อย

• PA++ ป้องกันรังสียูวีเอได้ 4-8 เท่าของผิวปกติ - ป้องกันปานกลาง (เหมาะสำหรับทำงานในร่ม)

• PA+++ ป้องกันรังสียูวีเอได้ 8-16 เท่าของผิวปกติ - ป้องกันได้มาก (เหมาะกับทำงานกลางแดด)

• PA++++ ป้องกันรังสียูวีเอได้ 16 เท่านั้น - ป้องกันได้สูงมาก (เหมาะกับทำงานกลางแดดตลอดเวลา)

2.ประเภทเนื้อครีมกันแดดที่เหมาะกับผิวเรา

เนื้อครีมกันแดดแต่ละแบบจะเหมาะกับลักษณะผิวที่ต่างกันไป เช่น

• สำหรับผิวมัน

ให้ใช้ครีมกันแดดเนื้อบางเบา เนื้อแมทต์ ไม่วาว พร้อมส่วนผสมที่ช่วยควบคุมความมัน เพื่อลดความมันที่อาจเกิดขึ้นระหว่างวัน  เนื้อเจล เนื้อน้ำนม ก็ใช้ได้

• สำหรับผิวแพ้ง่าย 

ให้ใช้ครีมกันแดดออแกนิก ผลิตจากสารสกัดธรรมชาติ งดน้ำหอม น้ำมัน สารกันเสีย หรือใช้สูตรสำหรับผิวแพ้ง่าย (Hypoallergenic)

• สำหรับผิวแห้ง

ให้ใช้ครีมกันแดดเนื้อครีม เพราะจะทำให้ซึมซับ คลุมชั้นผิวได้ชุ่มชื้น และหลีกเลี่ยงส่วนผสมที่มีแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้ผิวแห้งมากขึ้น  ครีมกันแดดเนื้อน้ำนมก็ใช้ดี

• สำหรับผิวเป็นสิวง่าย

ให้ใช้เนื้อโลชั่น และหลีกเลี่ยงครีมกันแดดทาหน้าที่ใช้น้ำมัน น้ำหอม กระตุ้นการเกิดสิว และเลือกสาร Zinc Oxide ช่วยปกป้องผิว สามารถใช้เนื้อเจลได้

ส่วนผสมของครีมกันแดดก็สำคัญ

ครีมกันแดดมีแบบ ดูดซับรังสี (chemical sunscreen) และ สะท้อนรังสี (physical blocker) ดังนั้นส่วน

ผสมของสารที่ใช้ก็จะไม่เหมือนกัน เช่น

• สารที่คุณสมบัติดูดซับรังสี ได้ เช่น oxybenzone, PABA, salicylates, cinnamates, etc.

• สารที่สะท้อนรังสี ได้ เช่น zinc oxide หรือ titanium dioxide เป็นต้น

---

10 อันดับ ครีมกันแดดยี่ห้อไหนดี ฉบับปี 2022

ผลิตภัณฑ์ ครีมกันแดด ที่เราอยากจะแนะนำให้รู้จัก และเลือกใช้ ที่สามารถตอบโจทย์ของคุณได้

อันดับที่ 1 ครีมกันแดด Bioderma

• Bioderma Photoderm Max Aquafluide SPF 50+

ผลิตภัณฑ์จากประเทศฝรั่งเศส เหมาะกับทุกสภาพผิว ควรทาก่อนออกแดดอย่างน้อย 30 นาที คุณสมบัติของ Aqua-fluid ช่วยทำให้เนื้อสัมผัสบางเบา ไม่มัน ไม่ทิ้งคราบขาว  เป็นครีมกันแดดสูตรน้ำ ซึมซาบเร็ว ปกป้องเต็มประสิทธิภาพด้วย Cellular Biopreotection SPF 50+ UVA 24 (PA++++)

ขนาด 40 ml. ราคา 940 บาท

• Bioderma Photoderm Cover Touch SPF 50+

ผลิตภัณฑ์จากประเทศฝรั่งเศส เหมาะกับผิวแพ้ง่าย ผิวมัน - ผิวผสม ควรทาก่อนออกแดดอย่างน้อย 15 นาที  เป็นครีมกันแดดสูตร 100% มิเนอรัล ปกป้องสูงแบบ 2-in-1 ช่วยปกปิดรอยสิว และปรับสีผิวให้เรียบเนียนสม่ำเสมอ พร้อมคุมมันนาน 8 ชั่วโมง  กันน้ำ กันเหงื่อ กันความร้อนได้ดี

ขนาด 40 ml. ราคา 940 บาท

อันดับที่ 2   La Roche Posay ANTHELIOS XL Dry Touch Gel Cream SPF 50 +

ครีมกันแดดเนื้อเจลครีมสีขาว สูตรอ่อนโยนที่ช่วยคุมมัน ให้ความรู้สึกบางเบา ซึมลงผิวได้ง่าย ไม่ทิ้งคราบไม่เหนียวเหนอะหนะ และไม่ก่อให้เกิดผิวอุดตัน ปราศจากน้ำหอม และพาราเบน เหมาะสำหรับคนเป็นสิว คนผิวมัน คนที่มีผิวไวต่อแสงแดด ระคายเคืองง่าย

ขนาด 50 ml. ราคา 1,300 บาท

อันดับที่ 3    Kiehl’s Ultra Light Daily UV Defense Aqua Gel SPF 50 PA++++

 

ครีมกันแดดเนื้อเจลสีขาว ทาแล้วรู้สึกเย็นสบายผิว ให้ความชุ่มชื้นตลอด 24 ชั่วโมง แม้เหงื่อออกก็ไม่เป็นคราบ สามารถกันได้ทั้งแสงยูวีและมลภาวะที่ทำร้ายผิวหน้า ช่วยให้รูขุมขนเล็กลง ไม่มีพาราเบน น้ำมัน และไม่มีการแต่งสี ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน

ขนาด 30 ml. ราคา 1,500 บาท

อันดับที่ 4  Anessa Perfect UV Sunscreen skincare milk SPF 50++++

ครีมกันแดดเนื้อน้ำนม บางเบา ไม่มีกลิ่น ไม่รู้สึกเหนียวเหนอะหนะเวลาทา เกลี่ยง่าย ใช้ได้กับผิวหน้าและลำคอ ไม่ทิ้งสีติดเป็นคราบ มีเทคโนโลยี Aqua Booster EX Technology ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันผิวอีกชั้นแม้ว่าจะสัมผัสเหงื่อหรือน้ำ

ขนาด 60 ml. ราคา 899 บาท

อันดับที่ 5  Biore Aqua Rich Watery Essence SPF 50+ / PA++++

 

ครีมกันแดดสูตรน้ำ เนื้อบางเบา มีเทคโนโลยี Micro Defense ช่วยปกปิดผิวจากแสงแดด กันน้ำ กันเหงื่อแถมบำรุงด้วย Hyaluronic Acid, Royal Jelly Extract และ Butylene Glycol และผ่านการทดสอบการระคายเคืองผิว (Allergy Tested) และผ่านการทดสอบว่าไม่ก่อให้เกิดสิว (Non-Comedogenic tested)

ขนาด 50 ml. ราคา 420 บาท

อันดับที่ 6  Laneige Watery Sun Cream SPF 50+ PA++++

 

ครีมกันแดดแบบเนื้อครีม เหมาะกับผิวธรรมดา และผิวแห้ง  ให้สัมผัสแบบน้ำ กันน้ำ กันเหงื่อ ไม่มีส่วนผสมที่เป็นอันตรายต่อผิว ได้แก่ น้ำมันมิเนรัล ส่วนผสมที่ทำจากสัตว์ สีน้ำมันดิน แป้งฝุ่น ไตรเอทาโนลามีนและ อิมิดาโซลิดินิล ยูเรีย มีสารบำรุงผิวด้วย  Gutylene Glycol

ขนาด 50 ml. ราคา 950 บาท

อันดับที่ 7 Banana Boat Simply Protect Aqua Daily Moisture UV Protection Sunscreen Lotion SPF 50+ PA++++

 

เป็นครีมกันแดดสูตร อควา เนื้อน้ำนม บางเบา เกลี่ยง่าย ซึมไว ไม่เหนียวเหนอะหนะ ใช้ทาได้ทั้งหน้าและตัวกันน้ำ กันเหงื่อ ไม่ทิ้งคราบไว้  และไม่มีส่วนผสมของน้ำมันและแอลกอฮอล์ที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิว

ขนาด 50 ml. ราคา 390 บาท

อันดับที่ 8 ครีมกันแดด Cielo Sunscreen SPF 50 PA+++

 

เนื้อครีมบางเบา ซึมไว ไม่เหนียวเหนอะหนะ ไม่อุดตัน กันน้ำ กันเหงื่อ คุมมัน ใช้ได้กับทุกสีผิว ไม่วอก ไม่ลอยไม่เป็นคราบระหว่างวัน ใช้แล้วหน้าสว่างขึ้น 1 ระดับ ปราศจากแอลกอฮอล์ และพาราเบน อ่อนโยนต่อผิว ปกป้องผิวจากแสงแดด และแสงสีฟ้า

ขนาด 30 ml. ราคา 740 บาท

อันดับที่ 9   Supergoop! Everyday Sunscreen Broad Spectrum SPF 50

 

ครีมกันแดดเนื้อครีมเข้มข้น แต่เนื้อไม่หนัก เกลี่ยง่าย เบาสบาย แนบสนิทไปกับผิว แต่ยังให้ความรู้สึกชุ่มชื้นบนผิวหน้า และทิ้งความวาวไว้เพียงเล็กน้อย เพราะมีส่วนผสมของ Hyaluronic Acid นั่นเอง เหมาะสำหับผิวแห้ง

ขนาด 71 ml. ราคา 550 บาท

อันดับที่ 10 Garnier Light Complete Super UV SPF 50+ PA++++ Natural

 

ครีมกันแดดเนื้อครีมสีเนื้อกลืนเข้ากับผิว กลบรอยดำเล็ก ๆ ได้ดี เนื้อครีมบางเบา ซึมไว ไม่เหนอะหนะไม่มีสารก่อภูมิแพ้  น้ำมันและพาราเบน มีด้วยกัน 3 สูตร – สูตรคุมมัน  สูตรสีธรรมชาติ  สูตรผิวอมชมพู

ขนาด 30 ml. ราคา 279 บาท

---

แนะนำวิธีการทาครีมกันแดดที่ถูกต้อง

การใช้ครีมกันแดดอย่างถูกต้องจะช่วยปกป้องผิวจากรังสีของแสงแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

• ควรทาครีมกันแดด ก่อนออกแดดประมาณ 15-30 นาที

• ควรทาครีมกันแดดก่อนแต่งหน้า ทาให้ทั่วตัว ควรทาให้เนื้อครีมซึมซาบสู่ผิวทั้งหมด

• ควรทาครีมกันแดดที่หู เท้า ด้านหลังขา หรือบริเวณที่อาจลืมทาได้ง่าย

• ควรทาลิปบาล์มที่ค่าป้องกันแสงแดด 30 เพื่อปกป้องริมฝีปากจารังสียูวี

• ควรทาครีมกันแดด ชนิดกันน้ำทุกครั้งก่อนว่ายน้ำ

• ไม่ใช้ครีมกันแดดที่หมดอายุ

• ไม่ควรทาครีมกันแดดให้แก่เด็กที่อายุต่ำกว่า 6 เดือน แต่ควรดูแลเด็กไม่ให้โดนแสงแดดมากเกินไป และสวมเสื้อผ้าที่ปกป้องผิวเด็กจากแสงแดดได้

---

ข้อสรุป

จากการที่แสงแดดในปัจจุบันนี้มีแต่แรงมากขึ้นทุกๆ ปี เซลล์ผิวหนังก็จะสร้างเม็ดสีเมลานินเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน จนทำให้ผิวมีสีคล้ำขึ้น ตามมาด้วย ฝ้า กระ จุดด่างดำ และถ้าโชคร้ายอาจก่อให้เกิดมะเร็ง

ผิวหนังได้อีกด้วย 

ฉะนั้นครีมกันแดดควรเป็นสิ่งที่มีไว้ติดกระเป๋าตลอดเวลา  ดังนั้นเราจึงควรให้ความสำคัญกับการเลือกซื้อครีมกันแดดที่ถูกต้อง เช่น เหมาะสมกับกิจกรรมในชีวิตประจำวัน สภาพผิวและงบประมาณ เป็นต้น

---