ส้นเท้าที่บดขยี้
คำว่า “อภัย” สำหรับฉันแล้ว ไม่ได้หมายถึงการปลดปล่อยใคร มากกว่าการได้ปลดปล่อย “ตัวเอง” ยิ่งเราสามารถให้อภัยได้ง่าย ได้เร็ว เราก็ปลดปล่อยตัวเราเองได้เร็วขึ้นเท่านั้น
... อักษราลัย ...
ส้นเท้าที่บดขยี้
“การให้อภัยเป็นกลิ่นหอมของดอกไวโอเล็ต อุทิศแด่ส้นเท้าที่บดขยี้” คือคำกล่าวของมาร์ค ทเวน
มองภาพดอกไวโอเล็ตที่สวยงาม อ่อนหวาน อ่อนโยน สีม่วงเข้มงามตา รู้สึกชื่นใจขึ้นมาทันที แต่พออ่านคำคมที่ติดมาก็สะอึกขึ้นมาในบัดดลเช่นกัน
สะดุดกับคำว่า “ส้นเท้าที่บดขยี้” มันช่างตรงกับชีวิตของฉันเหลือเกิน ในชีวิตนี้นับส้นเท้าที่บดขยี้แทบไม่หวาดไม่ไหว จะมีใครโดนเยอะเหมือนกับฉันไหม และเผลอถามใจตัวเองว่า ฉันตอบสนองต่อส้นเท้าเหล่านั้นกลับไปอย่างไร ฉันทำได้ใกล้เคียงกับดอกไวโอเล็ตไหม
คำตอบที่ได้ทำเอาข้างในใจเย็นยะเยือก “ไม่ได้และไม่ใกล้เคียง” คือคำตอบของฉัน
ด้วยความที่ฉันเป็นคริสเตียน ฉันจึงไปค้นหาความหมายของดอกไม้ชนิดนี้ในแง่มุมของชาวคริสต์ ความเชื่อของชาวคริสต์ ดอกไวโอเล็ตคือสัญลักษณ์แห่งความอ่อนน้อมถ่อมตน หลายตำนานเล่าว่า นักบุญ และผู้ที่รักษาพรหมจรรย์ไว้อย่างดีแล้ว เมื่อพวกเขาตายไป จะมีดอกไวโอเล็ตขึ้นบนหลุมฝังศพของพวกเขา
ในนิทานพื้นบ้านยุโรป ดอกไวโอเล็ตเข้ากับความตายและความโศกเศร้า
ถ้าเอาตามความหมายของนิทานพื้นบ้านยุโรปแล้ว ดอกไม้ชนิดนี้เหมาะกับฉันมากเพราะมันเกี่ยวพันกับความตายและความโศกเศร้าของฉันมาตลอดชีวิต เป็นความตายภายในจิตใจและจิตวิญญาณของฉัน
“ตายทั้งเป็น”
ในแต่ละวันในวัยเด็กตั้งแต่เข้าใจความหมายของความตาย ว่าเป็นการสิ้นสุดของการมีชีวิตในโลกนี้ และเห็นความตายของใครหลายคน ฉันก็ถวิลหาความตายตลอดมา
ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมฉันต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อจะมีชีวิตอยู่ ทำไมฉันต้อง “ใช้ชีวิต” ชีวิตที่ถูกบดขยี้ด้วยส้นตีนของคนที่ฉันเรียกว่า “แม่” และญาติสนิทมิตรสหายของแม่ คนที่ตาไม่ได้บอด แต่จิตใจมืดบอดสนิท คนที่คงจะสะกดคำว่าสามัญสำนึกไม่ออก
ความตายของคุณตาคือความตายของคนใกล้ชิดที่กระเทือนฉันมาก เพราะคุณตาเป็นเสาหลักของครอบครัว เป็นคนดีมีศีลธรรมสูง เป็นคนที่ฉันสามารถพึ่งพาได้ ถ้าจะพูดให้ถูกคือเป็นคนเดียวที่เห็นว่าฉันมีตัวตนอยู่จริง
พอคุณตาเสียครอบครัวของเราก็ระส่ำระสายทุกด้าน คุณยายซึ่งเป็นคนไร้คุณธรรม และเห็นแก่ตัวจัด ขึ้นมาเป็นผู้นำครอบครัว มันคือหายนะของครอบครัวเราเลย
ไม่สิ...มันคือหายนะของฉันมากกว่าใคร เพราะจากตำแหน่งหลานสาว ฉันก็ถูกยัดเยียดให้เป็น “นางสนองพระโอษฐ์ของยาย” ในชั่วข้ามคืน ยังไม่ทันเผาศพคุณตาด้วยซ้ำ
นักบุญ-นางบาป คือฉายาส่วนตัวที่ฉันตั้งให้คุณตากับคุณยาย
ฉันไปสืบเสาะหาความหมายของการให้อภัยในความหมายของคริสเตียน ว่ามันคือ การยกโทษให้กับผู้ที่ทำผิดต่อเรา
ในพระคัมภีร์ไบเบิลภาคพันธสัญญาใหม่ที่เขียนเป็นภาษากรีก “การให้อภัย” มีความหมายตรงตัวว่า “ปล่อยไป” เหมือนกับการที่เจ้าหนี้ยอมยกหนี้ให้กับคนที่เป็นหนี้เขา คือปล่อยให้เป็นหนี้สูญไป
เราให้อภัยคนอื่นเมื่อเราไม่ถือโทษและไม่เรียกร้องให้เขามาขอโทษหรือชดใช้
แล้วเราจะให้อภัยได้อย่างไร เราจะทำได้ถ้าเรา มีความรักแบบไม่เห็นแก่ตัว”
“เพราะความรักไม่จดจำเรื่องที่ทำให้เจ็บใจ” 1 โครินธ์ 13:4-5 [ข้อพระคัมภีร์จากภาคพันธสัญญาใหม่]
ฉันคงทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่เหมือนดอกไวโอเล็ตไม่ได้หรอก สำหรับฉัน “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ให้บรรลัยไปข้างหนึ่ง” คือสิ่งที่ฉันยึดมั่นถือมั่นตลอดมา ฉันคงไม่สามารถไปส่ง “กลิ่นหอม” ให้กับ “ส้นเท้าที่บดขยี้” ได้แบบนั้นเป็นอันขาด
แต่ฉันก็นับถือคนที่ทำได้แบบนั้นมาก และในชีวิตของฉันก็พานพบคนที่ทำได้แล้วหลายคน คนเหล่านี้คือนักบุญตัวจริง ฉันหวังใจเอาไว้ว่าสักวันหนึ่งฉันคงทำได้เช่นกัน