ทำไมสังคมวัดถึงกลายเป็นพื้นที่ของความไม่สงบไปได้ครับ
เรื่องนี้ไม่ได้เหมารวม มีสังคมบรรยากาศในวัดต่างๆอีกมากมายที่เป็นสถานที่สงบร่มเย็นแก่ทุกเพศทุกวัย
ไม่แน่ใจว่าวัดในเมืองวัดที่เจริญแล้วหรือคนทำบุญขาจรจะเป็นแบบนี้ไหม แต่วัดตามต่างจังหวัดหรือชนบทและมีคนที่มาทำบุญอยู่เป็นประจำ จะเป็นศูนย์รวมของมนุษย์ป้า เพราะผู้หญิงจะเข้าวัดกว่าผู้ชายเยอะเลย มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย เอาพรรคพวกของตัวเองเข้ามาสอดส่องดูแลควบคุม ชอบเข้ามาบริการจัดการวัดและพระ
มากคนก็มากความความ ปัญหาความวุ่นวาย เช่นปัญหาแตกแยกขัดแย้งในชุมชน ปัญหาชาวบ้านอิจฉาริษยากัน แสวงหาผลประโยชน์ในวัด ขัดแย้งผลประโยชน์กัน หรืออยากเข้ามามีอำนาจบทบาทในวัด ญาติโยมตีกันเอง ญาติโยมตีกับพระ ใครโดนเด่นจะเป็นภัย ทำให้เป็นอุปสรรคขัดขวางในการพัฒนาวัด พระบางรูปก็เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน ผู้หญิงสาวแก่แม่หม้ายบางคนก็ดันมาชอบพระสะอย่างงั้น จนยุ่งเหยิงกันไปหมด พวกป้าๆยายๆใช้ความอาวุโสข่มคนรุ่นลูกหลาน ใช้ความเป็นคนเก่าคนแก่รังแกคนรุ่นใหม่ และปรากฎเด่นชัดมากรวมกลุ่มกันนินทากันอย่างออกรสออกชาติกันอย่างสนุกปาก ใส่ร้ายป้ายสีคนนั้นคนนี้ ทำให้ผู้อื่นต้องเดือดร้อน เจ็บช้ำน้ำใจ และอับอาย อึดอัด กลายเป็นว่าชาวบ้านมาวัดต้องความสบายใจ ดันกลายเป็นที่เขม่นกัน บาดหมางกัน
จุดประสงค์ของมนุษย์ป้า(บางคน)แต่มีจำนวนมากชอบมาทำบุญเอาหน้าและต้องการขึ้นสวรรค์หรือมีโชคลาภ แต่ไม่ได้ซึ้งในรสพระธรรม ไม่ได้เข้าใจหลักธรรม ไม่เคยติดแม้จะเอาหลักธรรมไปใช้ ไปปฎิบัติธรรมไม่ได้เพื่อที่จะคิดบรลุธรรม หรือขัดเกลาจิตใจ แต่ปฎิบัติธรรมเพื่อหน้าตาทางสังคม ให้เขาเห็นว่าตัวเองเป็นคนดี มนุษย์ป้า(บางคน)นี้
เมื่อได้ปฎิบัติธรรมแล้วมีความรู้สึกหลงตัวเอง คิดเอาเองว่าฉันดีเลิศประเสริฐศรี แล้วชอบชี้หน้าว่าคนนั้นเลวคนนี้บาป ยกหางตัวเอง มองคนอื่นต่ำกว่าตัวเองหมด ไม่คิดบ้างเหรอถ้าบริสุทธิ์สูงส่งขนาดนั้นแล้ว ทำไมยังมาเกิดชดใช้กรรมอีกล่ะ คิดว่าพวกเกรียนในอินเตอร์เน็ตบูลลี่ได้รุนแรงแล้ว แต่คนที่ชอบแอบอ้างว่าตัวเองธรรมะธัมโมในชีวิตจริงบูลลี่ได้รุนแรงกว่า ศาสนาสอนให้คิดดีทำดี ไม่ได้สอนให้เหยียดผู้อื่น เด็กรุ่นใหม่ที่ไม่อยากไปวัดเพื่อที่จะสืบสานวัฒนธรรมประเพณีที่ดีงาม ก็เพราะต้องเจอกับปัญหาแบบนี้ส่วนหนึ่งครับ