ตายแล้วฟื้นหมอดูใบไม้
เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องจริงตายแล้วฟื้น ตายแล้วฟื้นเป็นไปได้ยังไง มาฟังกัน ยายพิมพ์แกเป็นคนบ้านนอกชาวอุดรธานี อ.บ้านดุง
มีลูกทั้งหมด 7 คน ยายพิมพ์แกมีอาชีพทำนานาแกเป็นงาดำนาปีละครั้งจะดำนาครั้งหนึ่ง ช่วงเวลาว่างยายพิมพ์แกจะเก็บผักเก็บขวดขายและก็สานเสื่อ มักข้าวเม่าเหล้าสาโท ลูกเต้าก็โตแล้วก็ต่างคนต่างออกไปทำมาหากินแยกย้ายกันออกไป สามีแกชื่อตาสา ได้เสียชีวิตก่อนแกไปนานแล้ว นานๆครั้งลูกหลานก็จะกลับมาบ้านเยี่ยมแกเป็นบางครั้งบางคราว ยายพิมพ์แกจะอยู่บ้านกับลูกคนที่5 6 7 เป็นผู้ชายทั้ง 3 คน ส่วนคนโตเป็นลูกสาวได้ผัวฝรั่งไปอยู่เมืองนอกบางนา นานๆจะกลับมาเยี่ยมแกสักที วันนั้นยายพิมพ์แกนั่งอยู่รู้สึกเมื่อยก็เลยไปนอนแกก็นอนหลับยาวไป สักพักหนึ่งก็มีคนมาเรียกแกยายพิมแกก็ตื่นขึ้นมา มีชาย 2 คนยืนอยู่ตรงหน้าถามว่าแกชื่ออะไรชื่อพิมพ์ใช่ไหมแกก็ตอบว่าใช่ สักพักหนึ่งชายสองคนก็ให้ยายพิมพ์แกเดินตามมาซึ่งยายแกก็ไม่รู้ว่าพาเดินไปไหน ระยะทางไกลมากทางที่ยายพิมพ์เดินมาสุดแปลกประหลาดเป็นทางไม่ใช่ถนนที่เคยเห็นกลับกลายเป็นผู้คนร้องโอดอวย อยู่ในกระทะทองแดง บางคนก็ปีนต้นไม้มีหนาม บางคนก็โดนหอกแหลมแทง ต่างคนต่างโดนทรมานต่างๆนานา ยายพิมพ์แกนึกอยู่ในใจว่าเอ๊ะนี่มันคุ้นๆเหมือนที่เขาเล่าขานกันมา แกนึกขึ้นมาว่ากูตายแล้วนี่หว่า เมื่อเดินไปจนถึงสุดทางก็เจอชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์ ข้างๆมีชายนั่งอยู่บนโต๊ะมีหนังสือเล่มหนึ่งวางไว้ ชายที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ได้เอ่ยถามยายพิมว่า ยายชื่อพิม ยายแกบอกว่าใช่ พอถามหานามสกุลว่านามสกุลอะไร ยายแกบอกว่าฉันชื่อพิมพ์นามสกุลญาณเรือง นามสกุลที่ว่ามาไม่ใช่นามสกุลฉันแต่ฉันชื่อพิม ชายคนที่นั่งข้างๆได้เปิดหนังสือดูแล้วเจอเอ่ยขึ้นมาว่านามสกุลไม่ถูกต้อง นามสกุลไม่ตรงกับหนังสือที่บันทึกไว้ ชายที่นั่งบัลลังก์จึงเอ่ยว่าชาย 2 คนที่นำตัวยายพิมพ์มา แล้วก็หันมาบอกยายว่าจะไปส่งยายกลับบ้าน แล้วก็เอ่ยถามยายต่อว่ายายอยากได้อะไรระหว่างเงิน กับ เทียน ยายพิมพ์แกตอบไปว่าฉันเลือกเทียน โดยไม่ได้คิดอะไร สักพักชาย 2 คนก็เดินมาส่งแกที่บ้านยายแกมองเห็นที่บ้านจัดงานศพนั่งร้องไห้ร้องห่มกันใหญ่ พอแกเข้าร่างตื่นฟื้นขึ้นมาก็ได้เล่าให้ทุกคนฟังว่าแกได้ไปเจออะไรมา แกตายไป 2 วันแล้วไม่หายใจแต่แกก็ฟื้นขึ้นมาได้และได้วิชาหมอดูใบไม้มา การดูของหายคนหายถามอะไรแกแกจะมองดูไปที่ใบไม้จะถูกรึผิดจะจริงแค่ไหนก็ต้องลองไปพิสูจน์ดูกันเอาเอง...