รอยแตกลาย จากการลดน้ำหนัก
ปัญหาส่วนมากที่พบกันคือผู้ที่มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจะทำให้เกิดรอยแตกลายได้ง่าย แต่การลดน้ำหนักตัวที่ใช้ระยะเวลารวดเร็ว โดยการควบคุมอาหาร หรือการออกกำลังกาย ที่ช่วยเผาผลาญ ไขมันทำให้น้ำหนักและหุ่นลดลงอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าทำให้ได้หุ่นสวยกลับมาจากการลดน้ำหนักแต่ดันทิ้งรอยแตกลายไว้ซะได้ เราจะทำอย่างไรได้บ้างไปดูกันเลย
ควรออกกำลังกายอย่างไร
การลดความอ้วนถือเป็นเรื่องที่ยากมากๆสำหรับหลายๆคน เพราะการลดน้ำหนักที่ได้ผลเร็วทำให้ ร่างกายของเรานั้นมีการยืดหยุ่นของผิวหนังเร็วเกินไปหรือลดน้ำหนักมากเกินกว่า 1 กิโลกรัมต่อหนึ่งสัปดาห์ สิ่งที่ตามมาจากการลดน้ำหนักได้สำเร็จคือทำให้ เห็นรอยแตกลายบริเวณหน้าท้อง ต้นขา หรือบริเวณแขน ก้น ชัดเจนมากขึ้น โดยเรามีเคล็ดลับ การออกกำลังกายเฉพาะส่วน ซึ่งก็คือการเวทเทรนนิ่ง ที่สามารถทำได้ที่บ้าน เพื่อทำให้ผิวมีความกระชับมากขึ้น
เวทเทรนนิ่ง คือ รูปแบบการออกกำลังกายแบบออกแรงดัน หรือแรงต้านทานที่จะช่วยสร้างมวลกล้ามเนื้อส่งผลให้กล้ามเนื้อปรับตัวและแข็งแรงมากขึ้น โดยใช้อุปกรณ์ฟรีเวท ซึ่งสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระ เช่น บาร์เบล ดัมเบล หรือ อุปกรณ์ขนาดใหญ่ ยางยืดออกกำลังกาย สำหรับการออกกำลังกายนี้สำหรับผู้เริ่มต้นใหม่ควรศึกษาให้ดีก่อนหรือควรได้รับคำแนะนำจากเทรนเนอร์ เพื่อปรับรูปแบบการออกกำลังกายที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันการออกกำลังกายผิดท่าซึ่งจะส่งผลให้ร่างกายเกิดการบาดเจ็บได้ ก่อนออกกำลังกายควรอบอุ่นร่างกายให้พร้อมก่อนอยู่เสมอเพื่อให้กล้ามเนื้อได้มีการยืดหยุ่น ก่อนที่จะออกกำลังกายหนักเพื่อลดอาการบาดเจ็บ และ ควรเริ่มจากการยกน้ำหนักที่เบาๆก่อนในช่วง 3-4 สัปดาห์แรก เมื่อร่างกายคุ้นชินแล้วสามารถเพิ่มน้ำหนักไปได้เรื่อยๆ โดยการเพิ่มน้ำหนักจะช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้นไปอีกขั้น
ในการออกกำลังกายเฉพาะส่วนเพื่อให้ผิวหนังที่หย่อนคล้อยหรือบริเวณที่มีรอยแตกลาย ควรรักษาสมดุลในการออกกำลังกาย อย่างเท่าๆกัน ได้แก่ช่วง กล้ามเนื้อหน้าท้อง หน้าอก สะโพก หลัง หัวไหล่ แขน ขา และควรออกอยู่สม่ำเสมอ เพียงสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง เพื่อให้กล้ามเนื้อบริเวณที่เราต้องการกระชับมากขึ้นทั้งนี้ทั้งนั้นควรจะใช้การคาร์ดิโอร่วมด้วยเพื่อไม่ให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น
ผิวแตกลายแก้ได้
โดยทั่วไปแล้วผิวแตกลายหรือ รอยแตกลาย จากการลดน้ำหนัก ของเราจะขึ้นบริเวณที่กล้ามเนื้อได้มีการขยายอย่างรวดเร็ว และ บริเวณผิวที่แห้งกร้านการทาครีม ที่มีส่วนช่วยในการเพิ่มความชุ่มชื้นกับผิวโดยตรง stratamark ควบคู่กับการออกกำลังกายนั้น จะช่วยบำรุงผิวของเราขณะที่มีการยืดหยุ่นหรือมีการเปลี่ยนสภาพ และช่วยฟื้นสภาพรอยแผลเป็นจากการแตกลาย หรืออาจจะใช้ตัวช่วยแบบวิธีธรรมชาติร่วมด้วย
การรับประทานอาหารและการบำรุงผิว การลดน้ำหนักที่ได้ประสิทธิภาพที่ดีที่ สุดคือการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ทานผัก ผลไม้ งดอาหารจำพวกแป้ง น้ำตาล และไขมัน ให้เลือกเน้นไปที่อาหารที่อุดมด้วยวิตามินซี วิตามินอี โคเอนไซม์คิวเทนและสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ตัวอย่างเช่น
ไข่ขาว เป็นอาหารที่มีประโยชน์ช่วยลดรอยแตกลายได้ เพราะ อุดมไปด้วยวิตามินเอและเป็นแหล่งโปรตีนสำคัญ ที่ช่วยรักษารอยแผลเป็น รอยแตกลาย จากการลดน้ำหนัก และรอยไหม้ที่เกิดขึ้นบนผิวหนัง ช่วยในการยืดหยุ่นของผิว เพิ่มคอลลาเจน หรือนำไข่ขาวทาบริเวณผิวแตกรอยจะช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวได้อีกด้วย
พืชตระกูลถั่ว เพราะ อาหารที่พบคอลลาเจนได้มากอยู่ในพวกอาหารไขมันต่ำ อยู่ในพืชตระกูลถั่วและถั่วฝักยาว คอลลาเจนจะช่วยให้ผิว เรียบเนียน และยืดหยุ่นมากขึ้น
ส้ม เป็นผลไม้ที่รสชาติอร่อยเปรี้ยวหวานสดชื่น นอกจากจะได้ความสดชื่นแล้ว ส้มยังช่วยรักษาอาการรอยแตกลายได้ด้วย เนื่องจาก ส้มอุดมไปด้วยน้ำและความสามารถในการเติมเต็มช่องว่างระหว่างเซลล์ และยังมีวิตามินซีจำนวนมากช่วยให้ผิวอ่อนนุ่มลงลดการยืดหยุ่นของผิวหนัง ช่วยสร้างสารต่อต้านอนุมูลอิสระแถมไม่อ้วนอีกด้วย
ว่านหางจระเข้ เป็นอีกหนึ่งสมุนไพรที่ดังในเรื่องของการเพิ่มความชุ่มชื้นของผิว เสมือนเป็นครีมบำรุงผิวที่ได้จากธรรมชาติ เพราะอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินต่างๆ ช่วยบำรุงให้ผิวนุ่มฟื้นฟูผิวและซ่อมแซมผิว เพราะรอยแตกลายบางคนอาจมีอาการคันร่วมด้วยว่านห่างจระเข้ก็สามารถทำให้อาการคันนี้บรรเทาลงได้เช่นกัน
น้ำมันมะกอกและน้ำมันมะพร้าว รอยแตกลาย จากการลดน้ำหนักเป็นดั่งรอยแผลเป็น น้ำมันมะพร้าวและน้ำมันมะกอกเป็นน้ำมันสกัดจากธรรมชาติที่มีสารประกอบสำคัญ คือ Ceramide และ กรด Hyaluronic ซึ่งจัดเป็นส่วนผสมหลักที่ให้ความชุ่มชื้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นส่วนประกอบที่อ่อนโยนต่อผิวและอุดมไปด้วยวิตามินหลายชนิดที่สามารถช่วยให้ผิวแข็งแรงมากขึ้นเช่นวิตามินเอ วิตามินอี วิตามินบี
ผิวเปลือกส้ม รอยแตกลาย หรือเซลลูไลท์ที่เกิดจากการหดตัวอย่างรวดเร็วของผิวหนังควรรักษาตั้งแต่เป็นแรกๆไม่ควรที่จะปล่อยทิ้งไว้นานเพราะยิ่งนานยิ่งรักษายาก การลดน้ำหนักที่ทำให้ไม่เกิดผลเสียต่อผิว ต้องไม่ให้เกิน 0.5-1 กิโลกรัมต่อ 1 สัปดาห์ และเผาผลาญไขมันในชั้นผิวหนังโดยการออกกำลังกายและทาครีมบำรุงผิวเพียงเท่านี้ผิวของคุณก็จะกลับมาเรียบเนียนและยังได้สุขภาพที่ดีอีกด้วย
https://celesteonlineshop.com/post/stretch-marks-from-losing-weight