เจ้าท่าปัตตานียึดเรือขนน้ำมันเถื่อน เร่งสอบขยายผลกวาดล้างผู้ลักลอบขนน้ำมันเถื่อนให้หมด
เมื่อวันที่ 6 พ.ค. 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สืบเนื่องวันที่ วันที่ 4 พฤษภาคม 2565 เวลา 12.30 น. ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาปัตตานี มอบหมายให้นายอารีฟ สารอเอ็ง เจ้าพนักงานตรวจท่าชำนาญการ พร้อมด้วย เจ้าพนักงานขนส่งชำนาญงาน เจ้าพนักงานตรวจเรือปฎิบัติการ ลงพื้นที่ประสานงานบูรณาการร่วมกับ สรรพสามิตปัตตานี ศรชล. ตำรวจน้ำ ได้เข้าตรวจเรือต้องสงสัย ชื่อ ช.เพชรรุ่งโรจน์ หมายเลขทะเบียน 258027228 ขนาด 39.46 ตันกรอส โดยกำลังนำขึ้นคานเรือเบอร์ 4 เพื่อทำการซ่อม จากผลการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่ามีการดัดแปลงตัวเรือจากเรือบรรทุกสินค้าทั่วไปเป็นเรือบรรทุกน้ำมัน จึงทำการยึดเรือชั่วคราว พร้อมทำการตรวจสอบนำน้ำไปตรวจสอบว่าเป็นน้ำมันชนิดใด ซึ่งก่อนที่เรือจะเข้ามาซ่อมแซมก็ได้รับแจ้งว่าในเรือมีน้ำมันเถื่อนอยู่ 3000ลิตร ซึงต้องทำการขยายผลต่อว่าน้ำมันที่หายไป 3000 ลิตร นำไปขายให้ใคร
ล่าสุด สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาปัตตานี ได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และดำเนินคดีต่อเรือลำดังกล่าว โดยเรือ ช.เพชรรุ่งโรจน์ ได้กระทำผิดตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทยและพระราชบัญญัติเรือไทย ซึ่งมีโทษปรับสูงสุด 41,000 บาท พร้อมนี้สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาปัตตานี ได้ออกคำสั่งห้ามใช้เรือดังกล่าว อาศัยตามมาตรา 170 แห่งพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พระพุทธศักราช 2546 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ 13) พ.ศ.2535 จนกว่าเจ้าของเรือหรือผู้ครอบครองเรือดำเนินการเปลี่ยนแปลงแก้ไขหรือซ่อมแซมให้เรียบร้อยมีสภาพที่เหมาะสมสำหรับการใช้งาน ตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคม 2565 เป็นต้นไป หากผู้ใดฝ่าฝืนใช้เรือลำดังกล่าว ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นบาท ทั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องกันมิให้เกิดการกระทำที่ผิดกฎหมายต่อการเดินเรือในน่านน้ำไทยและรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล
นายอารีฟ สารอเอ็ง เจ้าพนักงานตรวจท่าชำนาญการ กล่าวว่า ได้รับแจ้งว่ามีเรือชื่อ ช.เพชรรุ่งโรจน์ ได้เข้ามาซ่อมแซมเรือ จึงทำการตรวจสอบในบัญชีจึงทราบว่าเรือลำนี้ เป็นเรือที่ กรมเจ้าหน้าได้ติดตามอยู่แล้ว เนื่องจากก่อนหน้านี้มีสายรายงานว่าเรือดังกล่าวอาจจะมีการดันแปลกเป็นเรือบรรถุกน้ำมันเถื่อน จึงทำการตรวจสอบทันที ปรากฏว่ามีน้ำมันสำหรับใช้กับเรือเป็นจำนวนมาก แต่ก็ไม่ทราบที่มาที่ไปของน้ำมัน อีกทั้งยังพบเรือมีการดัดแปลกเรือ โดยมีช่องที่อยู่กลางเรือจำนวน 6 ช่อง มีคลาบน้ำมันอยู่ จึงนำตัวอย่างน้ำมันไปตรวจสอบว่าเป็นชนิดใด และหาที่มาที่ไปของน้ำมัน นอกจากนี้ยังพบเครื่องสูบน้ำไดโว่ อีก1ตัว ภายในเรืออีกด้วย
หลังจากนี้ก็จะให้มีการขยายผลว่า เรือดังกล่าวไปซื้อน้ำมันมาจากไหน และนำไปขายให้ใครบ้าง หากไม่มีการขยายผลต่อ ก็ยังคงมีการลักลอบขนน้ำมันเถื่อนกันต่อไม่หยุด
ส่วนการดำเนินคดีเรือลำนี้ ก็จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบและสอบส่วนเพื่อดำเนินคดี ส่วนด้านสำนักงานกรมเจ้าหน้าก็สั่งสั่งให้งดใช้เรือลำนี้ ซึ่งต้องมีการปรับเปลี่ยนเรือให้กลับมาเป็นปกติเสียก่อน
มูฮำมัดปาเรซ โลหะสัณห์ ผู้สื่อข่าวจังหวัดปัตตานี รายงาน