เจ้าของตระกรุดไมยราพสะกดทัพ
# ขออนุญาตแอดมินครับผม # เจ้าของตะกรุดไมยราพสะกดทัพ อันลือลั่น
หลวงพ่อกุน วัดพระนอน เพชรบุรี
( สาธุ ให้อยู่ในความทรงจำ ของท่านตลอดไป ) เป็นตะกรุดที่ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ ท่านนึง พกติดตัวตลอดจนกระทั่งเกษียณ อายุราชการ ท่านเป็นพระภิกษุที่มีชื่อเสียงองค์หนึ่งในจังหวัดเพชรบุรี ท่านมีของดีที่ประชาชนให้ความสนใจคือ ตะกรุกดไมยราพสะกดทัพ ตะกรุดโทน ที่มีอภินิหารระเบิดไปไกล ใช่แต่ท่านจะเป็นผู้มีวิชาอาคมอย่างเดียวเท่านั้นแต่ท่านยังมีคุณธรรมอื่นอีกหลายอย่างท่านได้รับการยกย่องว่าเป็นพระดีเมืองเพชร พระครูสุชาติเมธาจารย์ หรือหลวงพ่อกุน
เกิดเมื่อวันพุธ เดือน 6 ปีวอก พ.ศ.2435 บ้านหนองกาทอง ตำบลโรงเข้ จังหวัดเพชรบุรี บิดาของท่านชื่ออะไรไม่มีใครทราบส่วนมารดามีชื่อว่าม่วง มีพี่น้องร่วมมารดาบิดาเดียวกัน 5 คนเป็นผู้ชายทั้งหมดเมื่อเยาว์วัยมีนิสัยโน้มเอียงไปทางสมณะกล่าวคือชอบนั่งบนจอมปลวกแล้วเทศน์ให้เพื่อนฟังในเวลาต่อมาท่านก็ได้มาอยู่ วัดวังบัวซึ่งอยู่ห่างจากบ้านประมาณ 3 กิโลเมตรและได้บรรพชาเป็นสามเณร จนอายุครบ 20 ปี ก็ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุอยู่ที่วัดนี้ในขณะที่ บวชเป็นพระใหม่ซึ่งมีความอุตสาหะเป็นอย่างมากได้เดินทางไปศึกษาวิชากับอาจารย์แจ้ง บ้านอยู่ทาง วัดดอนไก่เตี้ย และได้ศึกษาวิชาการที่วัดข่อย ศึกษาทางช่างศิลป์ กับพระอาจารย์มุ่ย วัดใหญ่สุวรรณารามและคุณพ่อฤทธิ์ หนังใหญ่ วัดพลับพลาชัย ท่านบวชอยู่ 3 พรรษาก็ได้ย้ายมาอยู่วัดพระพุทธไสยาสน์สมัยพระครูสุวรรณมุนี(เกศ) ต่อมาได้เป็นสมุห์ และเมื่อพระครูสุวรรณมุนีมรณภาพแล้วท่านก็ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดพระพุทธไสยาสน์ มาได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ พระครูสุชาติเมธาจารย์ ท่านเป็นผู้ที่มีความกตัญญูกตเวทีกล่าวคือท่านรับโยมมารดามาดูแลใกล้วัดโดยปลูกบ้านที่อยู่ทางทิศใต้ของวัดจะได้ดูแลอย่างใกล้ชิดจนถึงแก่กรรมและท่านได้จัดงานฌาปนกิจให้อย่างสมเกียรติ คุณธรรมของท่านอีกอย่างหนึ่งคือมีความเมตตากรุณาเผื่อแผ่ไปในหมู่ศิษย์ด้วยการอุปการะให้การศึกษาเล่าเรียนปรากฏว่าศิษย์บางองค์ของท่านสามารถได้เป็นเปรียญและเป็นเจ้าคุณ ทุกพรรษาท่านจะขึ้นไปนั่งบำเพ็ญกรรมฐานในถ้ำในวิหารเล็กประมาณ 7 วันท่านเล่าให้ศิษย์หวังว่าครั้งหนึ่งก่อนจะนั่งเข้าที่ท่านปลัดเทศหรือพระครูสมณกิจพิศาล เอาน้ำชาไปถวายท่านรับถวายแล้วเริ่มเข้าที่ปรากฏเห็นเช่นนั้นอีกเช่นว่าเหมือนของจริงทุกอย่างแต่นึกขึ้นได้ว่าเพิ่งมาถวายเมื่อกี้นี้จึงไม่รับท่านว่าเกือบเสียท่า นอกจากนี้ท่านยังได้นำพระภิกษุในวัด ออกธุดงค์ ปีละหลายๆรูป และออกอยู่หลายปี พระภิกษุที่ออกธุดงค์กับท่าน เต็มไปด้วยความสมัครใจ ไม่ว่าท่านจะไปทางเหนือหรือทางใต้เป็นต้องมีพระภิกษุสมัครไปด้วยเสมอ เนื่องจากท่านได้เคยนำพระในวัดไปธุดงค์ที่ พระพัทธบาทสระบุรีเห็นพระพุทธฉายที่นั่นท่านชอบใจมาก ถึงกะบจะไปดูพระฉายอีกครั้งหนึ่ง และได้นำแบบมาทำวิหารพระพุทธฉายที่วิหารวัดพระนอนอีกหลังหนึ่งยังปรากฏเป็นถาวรวัตถุอยู่ทุกวันนี้หลวงพ่อกุณมีของดีซึ่งเป็นที่เชื่อถือของประชาชน นั่นก็คือ ตะกรุดโทนทั้งนี้ท่านได้ เขียนเป็นรูปนางมณโฑหนุมานฆ่าทศกัณฐ์และเลขยันต์ต่างๆในแผ่นตะกรุดว่ากันว่าตำรับทำตะกรุดนี้จารึกไว้ในสมุดจีนใบปกเขียวๆ รูปที่เขียนเป็นเรื่องรามเกียรติ์ตอนหนุมานถวายแหวนสะกดเข้าไปกับผมทศกัณฐ์ผูกติดกับนางมณโฑ ตะกรุดนี้มีพระภิกษุสามเณรที่ท่านฝึกไว้เป็นผู้เขียนรูปส่วนต่างๆลงไปแล้วท่านจึงนำไปลงยันต์ปลุกเสกวันเสาร์ 5 โดยให้ศิษย์แบกถาด ลงไปปลุกเสกในป่าช้า7 ป่าช้ามี ป่าช้าวัดพลับ วัดแก่นเหล็กและวัดพระนอนเป็นต้นว่าให้ดีจริงๆพอถึงวันเพ็ญเดือน 12 ให้ลบออกด้วยสะบ้ามอญ คือถูลบรอยเหล็กจารที่จารึกไว่นั้นออกแล้ว ให้จารลงใหม่อีกและเมื่อถึงวันเพ็ญเดือนสิบสองต่อมาก็ทำเช่นนั้นอีกรอบครบ 3 ครั้งดีนักแล เล่ากันว่า ตะกรุดนี้นอกจากจะมีดีทางเป็นเครื่องรางของขลังทำให้อยู่ยงคงกระพันแล้วคือเอาแขวนหัวรอดแล้วขึ้นไปบ้านหุงข้าวกินที่บ้านใครก็ได้เจ้าของบ้านจะไม่ตื่นและเข้าหาผู้หญิงก็ได้ผู้หญิงจะไม่ร้องถ้ามีตะกรุดอยู่กับตัวแตะผู้หญิงก็จะไม่ร้องเลย ปรากฏว่ามีผู้นำไปทดสอบเห็นผล จริงมาแล้วตะกรุดโทนของหลวงพ่อกุน จึงเป็นที่ปรารถนาของบุคคลทั่วไป
นอกจากตะกรุดโทนแล้วยังมีตะกรุดดอกเดียวอีกอย่างหนึ่งชื่อ “มงกุฎพระเจ้า” ทราบว่าอยู่ยงคงกระพันดีนะและยังมีตะกรุด 3 ดอกเรียกว่าสามกษัตริย์ทำด้วย เงิน-ทองและนาค นอกจากนี้ก็ยังมีลูกอมซึ่งต้องการเอาชันโรงใต้ดินมาปิดกล่าวฝ่าถ้าใช้ขึ่นดีทางมหาอุตม์ ของขลังทั้งหมดนี้ท่านสั่งทุกคนที่ได้ไปว่าขออย่างเดียวอย่าไปขโมยของเขาถ้าไปขโมยของเขาก็ใช้ไม่ขึ้นของดีของหลวงพ่อกุนเลื่องลือกันมา สมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ปลัดเมืองเพชรบุรีก็เคยมาขอ ท่านห้ามว่าอย่านำไปทดลองแต่ก็เอาไปทดลองจนได้แล้วกลับมาบอกว่าของหลวงพ่อดีจริงๆ
ของขลังของหลวงพ่อกุนนั้นศิษย์ทีาได้รับมรดกก็มีพระครูสมณกิจพิศาล (เทพ) วัดพระนอน กับคุณพ่อโต๊ะ วัดท่อเจริญธรรม เท่านั้นขณะนี่คุณพ่อโต๊ะก็ยังทำอยู่บ้างและมีชื่อเสียงไม่น้อยเหมือนกันพระครูสุชาติเมธาจารย์หรือหลวงพ่อกันมีชีวิตอยู่จนถึงปี พ.ศ. 2463 ท่านก็ป่วยด้วยโรคที่ไม่ว่าจะเป็นเหตุให้ถึงแก่มรณภาพ เล่ากันว่าก่อนเข้าพรรษาปี 1 นายสอน อ่วมจันทร์ บ้านดอนแจง เมื่อบวชเป็นพระภิกษุอยู่ที่วัดพระนอนไปได้ผมผีพรายมาแต่ไหนไม่ทราบเอามาให้หลวงพ่อกุน ทำพิธีใส่ในด้ามมีดให้ ท่านทำให้แล้วเอาผมที่เหลือวางบนหลังตู้ ต่อมาท่านเดินบนกุฏิตกร่องขาเป็นแผล ว่าผีพายมากินแผลรักษาเท่าไหร่ก็ไม่หายก่อนเข้าพรรษาไม่กี่วันมีบวชนาคที่วัดท่านเดินไม่ไหวเลยบอกว่าแย่เสียแล้วพระภิกษุทั้งหลายก็ห้ามท่านว่าอย่านั่งอุปัชฌาย์เลยท่านไม่ยอม โดยท่านกล่าวว่าตายในโบสถ์ไม่เป็นไร ถึงกับต้องหามท่านไปนั่งอุปัชฌาย์เป็นครั้งสุด ท้ายและในคืนนั้นท่านก็ถึงแก่มรณภาพรวมอายุ ได้ 60 ปีพรรษา 40 นับว่าท่านได้บำเพ็ญประโยชน์และบำเพ็ญ กรณียกิจจนวันสุดท้ายแห่งชีวิต