เปิดความลับของต้นซากุระ
ต้นซากุระในเกาหลี
ชื่อภาษาเกาหลีของดอกซากุระคือ 벛꽃 (พดกช) ซึ่งทุกๆเดือนมีนาคม-เมษายนจะเป็นช่วงที่ดอกซากุระบานสะพรั่งที่เกาหลี จนกลายเป็นเทศกาลชมดอกซากุระที่ทั้งคนเกาหลีและคนต่างชาติชอบมากๆ และแม้ว่าช่วงฤดูใบไม้ผลิที่เกาหลีจะมีดอกไม้เยอะมากๆ แต่คนเกาหลีส่วนใหญ่ก็เลือกดอกซากุระเป็นดอกไม้โปรดค่ะ
จากบันทึกของเกาหลี "ซังฮวา"(상화(賞花) 문화) ช่วงปลายราชวงศ์โชซอนประชาชนจะออกมาเพลิดเพลินกับการชมดอกไม้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ที่ถูกปลูกไว้ทั้งด้านนอกและด้านในกำแพงเมืองซึ่งมีดอกไม้หลากหลายชนิด แต่ที่น่าแปลกคือไม่มีการกล่าวถึงดอกซากุระเลย???
และจากบันทึกต่างๆพบว่าก่อนสมัยราชวงศ์โชซอนแทบจะไม่มีบันทึกเกี่ยวกับดอกซากุระเลย แล้วดอกซากุระกลายเป็นดอกไม้สำคัญของเกาหลีได้อย่างไร?
ที่มาของซากุระในเกาหลี
ถ้าพูดถึงดอกซากุระหลายคนต้องนึกถึง "ญี่ปุ่น" เป็นประเทศแรกแน่นอน และความรักของคนญี่ปุ่นที่มีต่อดอกซากุระก็มีอย่างท่วมถ้นจนดอกซากุระกลายเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น ยิ่งกว่านั้นไม่ใช่สัญลักษณ์ธรรมดาแต่ถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของการทหารและจักรวรรดินิยมของญี่ปุ่นด้วยค่ะ
แน่นอนว่าจากประวัติศาสตร์ระหว่าทั้งสองชาติที่ทุกคนรู้ การรับรู้เกี่ยวกับดอกซากุระของคนเกาหลีสมัยก่อนจึงเป็นทางลบผิดกับภาพลักษณ์ที่สดใสของดอกซากุระเหมือนทุกวันนี้ค่ะ
ภาพการชมซากุระในพระราชวังชางคยอง
สถานที่ชมดอกซากุระชื่อดังในโซลของเกาหลีที่เป็นเป้าหมายของทุกคนคือ "ยออีโด" (여의도) ก็เป็นหนึ่งในต้นซากุระที่มีประวัติที่น่าเจ็บปวดสำหรับคนเกาหลีค่ะ ย้อนกลับไปเมื่อปี 1909 สมัยที่เกาหลีถูกปกครองด้วยญี่ปุ่น ทางการญี่ปุ่นได้เปลี่ยนชื่อพระราชวังชางคยอง (창경궁) เป็นสวนชางคยอง (창경원)
ซึ่งนี่ถือเป็นการลดระดับความสำคัญและเป็นการดูหมิ่นราชวงศ์โชซอน เพราะพระราชวังชางคยองเป็นพระราชวังที่สำคัญยุคโชซอนที่มีประวัติยาวนานกว่า 500 ปี และทางญี่ปุ่นได้ทำการปลูกต้นซากุระมากกว่า 1,300 ต้นภายในพื้นที่พระราชวังเพื่อต้องการเปลี่ยนให้เป็นสวนค่ะ
บรรยากาศของพระราชวังชางคยองปี 1930
ขึ้นชื่อว่าพระราชวังที่มีแต่ข้าราชการและราชวงศ์เท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้ แต่เมื่อทางญี่ปุ่นเปลี่ยนให้เป็นสวนเพื่อจะได้ชมดอกซากุระในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ทำให้คนเกาหลีตอนนั้นไม่พอใจและถือเป็นการหมิ่นเกียรติมากๆ และดอกซากุระก็ได้รับเสียงวิพากวิจารณ์ทางด้านลบค่ะ
ภายใต้การปกครองของญี่ปุ่นได้กำหนดให้ทุกเดือนเมษายนเป็นช่วงการชมดอกซากุระ จนเมื่อปี 1945 เทศกาลชมดอกซากุระในเกาหลีก็หยุดลงหลังจากที่เกาหลีเป็นอิสระและมีการโค่นต้นซากุระจำนวนมากโดยมีคำพูดว่า "เมื่อญี่ปุ่นล้มลง ต้นซากุระก็ต้องตายด้วย"
เช่นเดียวกับจุดชมซากุระที่จินแฮ (진해) ที่เมื่อก่อนเคยเป็นจุดฐานทัพเรือของกองทัพญี่ปุ่นก็มีการปลูกต้นซากุระจำนวนมาก เพื่อบ่งบอกถึงการเป็นพื้นที่ของญี่ปุ่นและต้องการสร้างความสวยงามให้เมือง นอกจากนั้นยังมีการสร้างวงเวียนที่เป็นรูปธงอาทิตย์อุทัยของญึ่ปุ่นอีกด้วยค่ะ
แต่หลังจากที่เกาหลีเป็นอิสระและกองทัพญี่ปุ่นออกไปประชาชนเกาหลีที่มีความโกรธแค้นก็ได้ตัดต้นซากุระที่จินแฮมากกว่า 100,000 ต้นทิ้ง ดังนั้นต้นซากุระที่เห็นอยู่ตอนนี้ไม่ใช้ต้นดั้งเดิมที่ถูกปลูกขึ้นมาสมัยอณานิคมญี่ปุ่นค่ะ
แต่เมื่อสมัยประธานาธิบดีพัค จองฮี (박정회) กลับมองดอกซากุระแตกต่างจากคนทั่วไป เขามองว่าดอกซากุระเป็นสิ่งที่ทำให้นึกถึงวัยเด็ก ดังนั้นจึงมีการปลูกต้นซากุระในเกาหลีอีกครั้งโดยประมาณปี 1966 - 1980 ทางญี่ปุ่นได้บริจาคต้นซากุระประมาณ 60,000 ต้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ทางการทูตให้กับเมืองจินแฮค่ะ
และต้นซากุระบางส่วนที่เหลือจากพระราชวังชางคยองถูกย้ายมาปลูกที่ยออีโด บนถนนด้านหน้ารัฐสภาของเกาหลีตามความต้องการของประธานาธิบดีพัคค่ะ
แม้ว่าสมัยอดีตดอกซากุระจะถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของการล่าอณานิคมของญี่ปุ่น แต่ตอนนี้คนเกาหลีไม่ได้มองดอกซากุระในแง่ลบอีกแล้ว แต่มองเป็นความสวยงามของธรรมชาติและคงต้องขอบคุณประธานาธิบดีพัค จองฮีที่ผลักดันต้นซากุระ จนตอนนี้กลายเป็นหนึ่งในสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากมายให้มาเกาหลีค่ะ
นี่ก็คือความลับและเบื้องหลังของดอกซากุระที่สวยงามของเกาหลีที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน ครั้งต่อไปที่ทุกคนเห็นดอกซากุระในเกาหลีนอกจากความสวยงามแล้วก็คงจะนึกถึงที่มาของมันด้วยใช่มั้ยคะ?
แล้วเจอกันใหม่ครั้งหน้า สวัสดีค่ะ